ฟังน้องสาวบ่นมาหลายครั้งเรื่องการเป็นล่าม มีคนมาติดต่ออย่างไรก็ไม่ยอมรับงาน ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นงานสบาย แถมรายได้ดีอีกต่างหาก ด้วยความเข้าใจว่าน้องสาวน่าจะมีความชำนาญด้านภาษาเป็นพิเศษ ทั้งเรียนเป็นวิชาเอกในระดับอุดมศึกษา แล้วไปศึกษาต่อต่างประเทศ จบมาก็ทำงานกับชาวญี่ปุ่น แถมงานที่ทำยังเป็นการใช้ภาษาญี่ปุ่นขั้นสูงอีกด้วย(นักข่าวญี่ปุ่น) การเป็นล่ามจึงไม่น่าใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยแรงยุจากพี่สาว จึงยอมรับงานล่ามจากโรงงานแห่งหนึ่ง
ระยะเวลาแค่ไม่ถึงสัปดาห์ ทุกครั้งที่กลับบ้านน้องสาวจะแสดงท่าทางอิดโรย และจะไม่ยอมไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นเสียอย่างนั้น แต่ด้วยภาระหน้าที่ซึ่งต้องแสดงความรับผิดชอบในการตัดสินใจไปแล้วนั้นจึงต้องอดทนต่อไป สาเหตุหลักที่หลายๆ คนไม่อยากเป็นล่าม ไม่ใช่เพราะงานแปลเป็นเรื่องยาก แต่กลับเพราะไม่ได้รับเกียรติในงานที่ทำเท่าที่ควรจะเป็น
ล่าม (Interpreter) เป็นอาชีพที่มีมายาวนานคู่กับประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เนื่องจากมนุษย์ใช้ภาษาแตกต่างกัน เมื่อมีการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มคนที่ใช้ภาษาต่างกัน ก็จำเป็นต้องมีผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดสิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องการสื่อสารให้อีกฝ่ายหนึ่ง
งานล่ามมีหลายประเภท หากแบ่งตามเทคนิคที่ใช้ในการแปล ก็จะมีทั้ง ล่ามพูดพร้อมหรือล่ามทันใจ (Simultaneous Interpreting) คือการแปลชนิดที่ล่ามแปลไปพร้อมกับที่ผู้พูด (speaker) กำลังพูดอยู่ และ ล่ามพูดสลับหรือล่ามพูดตาม (Consecutive Interpreting) เป็นการแปลหลังจากผู้พูดพูดข้อความจบแต่ละท่อนแล้วล่ามจึงจะเริ่มแปล
คุณสมบัติของล่ามที่ดี ควรจะมีความสามารถในการเข้าใจภาษา ทั้งการฟัง การพูด การเขียน มีสมาธิและความจำดี จับประเด็นหลักได้เร็ว เข้าใจในวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีความสามารถในการแสดงออกในที่สาธารณะ มีมนุษยสัมพันธ์ดี สุขภาพดี ใฝ่รู้ และที่สำคัญต้องมีจรรยาบรรณ
ปัญหาสำหรับล่ามที่มักจะพบคือการแปลต้องพยายามกลั่นกรอง และถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ บางครั้งผู้พูดกล่าวคำสบถก็ต้องพยายามรักษาความรู้สึกของอีกฝ่าย ล่ามที่ดีควรจะทำความเข้าใจในเนื้อหาที่ผู้พูดต้องการจะสื่อก่อน เพื่อให้สามารถถ่ายทอดได้ชัดเจนและถูกต้องมากขึ้น การเป็นล่ามให้คนญี่ปุ่นนั้นจัดได้ว่าเป็นงานยาก เพราะคนญี่ปุ่นบางคนชอบกล่าวคำสบถ หรือพึมพำเบาๆ เพื่อทบทวนความเข้าใจของตนเอง ผู้ฟังบางท่านก็จะแสดงความอยากรู้ไปซะทุกเรื่อง บางครั้งก็บ่นว่าทำไมล่ามไม่ยอมแปล หาว่าแปลไม่เป็นบ้าง หาว่ามั่วบ้าง หรือกรณีผู้บริหารคุยกันในเรื่องธุรกิจ ก็ทำเป็นอยากรู้ไปหมด ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเรื่องที่เค้าอยากให้รับรู้ เค้าจะแจ้งให้ล่ามแปลเอง
หรือบางกรณีอยากหาล่ามไปต่างประเทศ เนื่องจากไม่สามารถหาล่ามปลายทางได้ ก็บอกว่าจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ให้ค่าเดินทางและที่พัก ขอให้ฟรีค่าจ้างหรือคิดในราคาถูกบ้าง และคิดว่าเสียค่าใช้จ่ายเยอะต้องใช้งานให้คุ้ม เพราะส่วนใหญ่คิดอย่างนี้จึงไม่มีใครอยากเป็นล่าม เมื่อ Supply น้อยกว่า Demand ค่าจ้างจึงสูงตามไปด้วย
การเป็นล่ามที่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นจัดได้ว่าเป็นงานหนักมาก ไหนจะต้องเดินทางไกล ไหนจะต้องใช้ความสามารถในการแปลเป็นพิเศษ เพราะคนญี่ปุ่นมักจะใช้แต่ภาษาของตน และส่วนใหญ่คณะเดินทางจะไม่ค่อยมีคนพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ทำให้ทุกคนหวังพึ่งล่ามแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะอยากรู้ อยากถาม อยากคุย อยากทำความเข้าใจกับทุกสิ่งทุกอย่างของชาวญี่ปุ่น ทุกคนจะมารุมที่ล่ามหมด ภาษาต่างประเทศเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะภาษาญี่ป่น ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ลำบาก ขนาดเจ้าของภาษาเองบางครั้งก็ไม่สามารถแปลความหมายได้ทุกคำ
กว่าจะเป็นล่ามได้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลและมีการเรียนการสอนมาตั้งแต่ระดับอนุบาล ขนาดเรียนมาตั้งแต่เด็กเรายังคิดว่ายาก แล้วจะเคี่ยวเข็ญว่าล่ามจะต้องได้อย่างที่ใจเราคิดนั้นก็คงต้องเห็นใจกันบ้าง กว่าจะเรียนมาได้ในระดับนี้เค้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการศึกษา ไม่ใช่ใครก็ทำได้ จึงควรถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และเคารพในการทำงานซึ่งกันและกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากเป็นล่าม และอาจต้องพบวิกฤตค่าจ้างล่ามที่สูงลิบแน่
ทำงานเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงขั้นมืออาชีพ ยอมรับว่าตั้งแต่เรียนจบมา ไม่เคยรู้สึกว่างานล่ามสบายเลย สักครั้ง
ทำงานกลับมาบ้าน เครียดทุกวัน
อ่านแล้วเข้าใจคนเขียนค่ะ หัวอกเดียวกัน
อยากเป็นล่ามญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ..แม้งานจะหนัก แต่ยังไงก้อยากเป็นค่ะ..พอดีหางานเรื่องล่ามพอดี..ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ^^
ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีความยากลำบากด้วยกันทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์หรือชั่วโมงบินและความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลักค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาแลกเปลี่ยนนะคะ
ตอนนี้น้องสาวเจองานที่ชอบและใช่แล้วค่ะ เป็นงานแปล งานตรวจต้นฉบับแปล และเลือกเรื่องที่น่าสนใจให้คนอื่นแปล ซึ่งได้ใช้ความสามารถด้านภาษาอย่างเต็มที่และได้อ่านหนังสือที่ใจรักอย่างสมใจและมีความสุขค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเช่นกันนะคะ
อยากเป็นล่าม ต้องเรียนไปทางไหนอ่ะค่ะ ต่อมหาลัยเเล้วเข้าคณะอะไรอ่ะค่ะ ตอนนี้อายุ15 อยู่ อังกฤษ-จีน อยากรู้ ช่วยตอยด้วนะค่ะ ตอนนี้พอมีพื้นฐานภาษาจีนเเละญี่ปุ่น
เพิ่งจบมาแล้วก็ได้เป็นล่ามเลย แน่นอนค่ะว่าเหนื่อยมาก
แต่ไม่ว่าเราจะถูกคนญี่ปุ่นด่าว่ายังไง มันไม่เจ็บใจเท่ากับ พี่ล่ามที่สอนงานเรามาซ้ำเติมเราอีก คือไม่เคยพูดให้กำลังใจเราเลยค่ะ เค้าน่าจะนึกถึงวันแรกที่เค้าเข้ามาทำงานบ้างนะคะ
และที่รู้สึกแย่ที่สุดคือ แบบว่ายังระดับ 3 อยู่เลยค่ะ แล้วเราได้ยินเค้าคุยกับคนอื่นว่า ไม่รู้รับมาได้ยังไง ระดับ 3 โอโห ฟังแล้วแทบของขึ้น แต่ก็จะหน้าด้านสู้ต่อไปค่ะ เพราะเค้าไม่ได้รับเราเข้ามา ฝ่ายบุคคลนี่คะที่รับเข้ามา ไม่แคร์ค่ะ จะหน้าด้านทำงานต่อไป
บ่นของตัวเองซะเพลิน ก็ยินดีกับน้องของคุณพอใจด้วยนะคะ ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ ดีจัง (จริงๆ อยากแปลหนังสือมากกว่าเหมือนกัน)
ผมเป็นล่ามภาษาจีนครับ รู้สึกแย่เหมือนกันครับ ได้ฟังแล้วก็รู้สึกเหนื่อยไปด้วยครับ ปัญหาคล้ายๆกันครับ
การเป็นล่ามต้องอาศัยประสบการณ์สูง แม้ว่าเรารู้สึกว่าเราเก่งแล้ว อย่างที่บอกว่ารู้สึกว่าของขึ้นเวลาถูกตำหนิ เพราะว่ามีอัตตามาก การแก้ไขหรือการได้รับคำแนะนำดีๆจะไม่ได้จากคนอื่น
เป็นอยู่เองที่คนพัฒนาเก่งมากแล้วย่อมจะรู้สึกว่ามือใหม่ไม่เข้าท่า แต่ต้องยอมรับความจริงด้วยว่า มือหนึ่งก็ยังพลาดได้เช่นไวยากรณ์ผิดไป ต่อให้ผิดหนึ่งหรือสองครั้ง ถือว่าแย่แล้ว
มือใหม่ต้องอดทนและเอาการตำหนิมาปรับปรุง ที่สำคัญถ้าเราไม่ทราบว่าเราแย่ตรงไหน คิดไม่ออก คิดเข้าข้างตัวเองตลอด ต้องถามเขาตรงๆ ให้เขาชี้แนะข้อบกพร่อง
คุณจะเป็นมืออาชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นล่ามมาแล้วเกือบ 5ปี ยังไม่รู้สึกเก่ง พลาดก็มี
เป็นงานแปลการ์ตูน หนังสือฯ ค่ะ
แจ้งค่าแปลต่อหน้า หรือเหมาเล่ม มาได้ที่่เมลล์ข้างต้นค่ะ
เป็นงานแปลการ์ตูน หนังสือฯ ค่ะ
แจ้งค่าแปลต่อหน้า หรือเหมาเล่ม มาได้ที่่[email protected]
อยากเป็นล่าม ม๊ากก มากก เลยค่ะ ถึงจะได้รู้มาว่า เป็นล่ามไม่ได้สบายอย่างที่คิด แต่ว่าครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไร (ปกติถ้าได้ยินว่าอะไรยากๆ ก็จะถอดใจน่ะนะ ฮะๆ)ยิ่งรู้สึกมุ่งมั่นมากกว่าเดิม(อ้าว?) ตอนนี้อายุ 14 แล้วค่ะ พื้นฐานด้านภาษาก็มี อังกฤษ(ท๊อปประจำ(เอาน่า อวดนิดหน่อย)) จีน(อันนี้ไม่ค่อยจะรู้เรื่องซะเท่าไหร่ - -?(แต่ก็ได้เต็มประจำ)) อยากป็นล่าม อังกฤษ แล้วก็ ฝรั่งเศสมากกกก(ยาวหน่อย ทนอ่านหน่อยนะคะ แฮ่ๆ)
อืมม...ทำงานล่ามญี่ปุ่นฟรีแลนซ์เหมือนกันคับทำมาสิบปีแล้ว..
แต่บ่องตง..ไม่เคยมีวันไหนไม่ตื่นเต้นเลย..
เพราะงานฟรีแลนซ์ต้องเจออะไรใหม่ทุกวัน..ตื่นเต้นทุกวันนนน
ผมเป็นล่ามให้บริษัท ชุบแห่งนึ่ง ซึงขึ้นชื่อว่าชุบคือใช้เคมี มาผสมกันเพื่อให้เข้าไปเกาะกับชิ้นงาน
วันแรกพบปัญหา "เป็นล่ามภาษาอะไรเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้" คำนี้เจ็บใจสุดๆ วันแรกด้วย คิดเลยว่าวันต่อไปจะไปทำงานดีไหม แต่ผมไม่ชอบยอมใคร ก็ทนไปต่อ เวลาเข้าประชุมมักเจอปัญหา ด่ากัน ต้องแปล ถ้าคนญี่ปุ่นด่าคนไทยก็ไม่เท่าไหร่ นะ แต่ถ้าคนไทยมันจะด่าคนญี่ปุ่นอะดิแปลรำบาก แรกๆก็เครียด แต่ตอนนี้ผมอยู่มาปีกว่า เริ่มเข้าใจกระบวนการชุบมากขึ้น คราวไม่มีใครกล้าว่าผมเลย เวลาเราไม่เข้าใจเราก็พอเอาตัวรอดได้
มีคนนับถือเรามากขึ้นเพราะขึ้นตรงกับคนญี่ปุ่น
ผมแรกอาจรำบากเพราะเวลาเราเรียนเราไม่เคยเรียนศัพท์เฉพาะ แรกเราก็จะงง แต่มันเป็นการทกสอบความอดทน
ได้เป็นอย่างดี ผมไม่ได้จบมหาไรญี่ปุ่น ผมเรียน 2 ปี ทำงานอีก 2 ปี แล้วก็กลับมาอยู่เมืองไทยคับ
ยอมรับ ลำบากเวลาเข้าประชุม คนไทยไม่ค่อยเกรงใจเราเท่าไหร่
เป็นล่ามภาษาจีน เครียดเหมือนกันครับ
ก็เปงล่ามเหมือนกัน แต่เปงล่ามจีน เราเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็กรวมแล้วประมาณ13ปี ตั้งแต่เริ่มต้นก็เป็นล่าม ตอนนี้อายุ39แล้ว เป็นล่ามมา15ปีเต็ม บอกตรงๆว่าเหนื่อยมาก เป็นล่ามให้จีนไม่ช่ายแค่แปลอย่างเดียว ต้องทำทุกอย่าง เช่น ช่วยนายจ้างขับรถ แปลทั้งพูด เอกสาร ประสานงานต่างๆจัดหาคนงาน นำเข้า ส่งออก รับงานนายจ้างไปจ่ายงานต่างๆ ทำงานมากกว่า8ชมตลอด แต่ไม่เคยมีโอทีสักที ยิ่งบางบริษัท เข้า06.00น-เลิก23.00น ก็มี แถมว่าอีกว่า เราไม่ใส่ใจงาน ล่ามไม่ได้สบายอย่างที่คิด
เป็นล่ามต้องเข้าคณะไรหรอค่ะ