วิธีการให้ความช่วยเหลือ
-การให้การปรึกษาเพื่อช่วยให้ผู้รับบริการสามารถจัดการแก้ไขปัญหาของตนได้
-ฝึกการผ่อนคลายความเครียด(Stress reduction
training) ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ได้แก่
การอยู่ในสิ่งแวดล้อมอันสงบ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ฝึกการหายใจฯลฯ
-แนะนำพบแพทย์เพื่อรับยาลดภาวะอาการต่างๆโดยทั่วไปแพทย์จะพิจารณาให้ยาลดความวิตกกังวล
โดยทั่วไปคนที่ความวิตกกังวลนั้นมาจากการขาดความรู้ที่ถูกต้อง
หรือมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรับหรือแพร่เชื้อเอชไอวี
หลังการได้รับข้อมูลรวมทั้งการปรึกษาอย่างเหมาะสมความกังวลต่างๆสามารถทุเลาลงได้
มีเพียงบางส่วนในกลุ่มนี้ที่มีอาการรุนแรง(10-15%
ของผู้รับบริการที่วิตกกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อเอดส์)
ไม่สามารถหายจากความกังวลกลัว
เป็นกลุ่มที่การให้การปรึกษาหรือการให้ความรู้เกี่ยวกับเอชไอวีแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือแก่เขาได้จำเป็นต้องมีการส่งต่อทางจิตเวช
...จากประสบการณ์พบว่า
การให้คำปรึกษาก่อนและหลังการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเป็นสิ่งสำคัญมากในการค้นหาและช่วยเหลือตั้งแต่เนิ่นๆในผู้ที่มีแนวโน้มเสี่ยงจะเป็น
Worries
Well ..
การพูดประชดประชันไม่ได้ช่วยให้ผู้ป่วยหายกลัวหรือยอมรับต่อผลตรวจที่เราต้องการให้เขาเข้าใจ...การช่วยผู้รับบริการกลุ่มนี้ต้องอาศัยความอดทน
อดกลั้น และอดออม(วาจา)อย่างยิ่ง..ซึ่งมีอยู่
2-3เงื่อนไขที่จะร้องขอความร่วมมือจากเขาในกรณีที่ต้องการอยากให้เราช่วยเหลือให้เขาคลายความวิตกกังวล
ก็คือ
1.
การควบคุมหรือลดพฤติกรรมการไปตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี
2.
การลดการอ่านหรือหาข้อมูล/ภาพเกี่ยวกับผู้ป่วยโรดเอดส์
3.
การเชิญญาติหรือสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อย
1คนมาเข้าร่วมรับการปรึกษาด้วยอย่างน้อย
1ครั้ง
4.
งานหรือการบ้านที่ให้ไปฝึกถ้าไม่ปฏิบัติเกินกว่า
3ครั้งถือว่าที่นี่คงไม่สามารถช่วยเหลือแก่เขาได้
เขาควรไปใช้บริการที่อื่นอาจได้ประโยชน์มากกว่า
แรกๆผู้รับบริการมักจะไม่ค่อยร่วมมือปฏิบัติตามเงื่อนไขก็ไม่ได้ต่อว่าหรือตำหนิแต่จะแนะนำสถานบริการที่จะส่งต่อให้แก่เขาภายหลังจากที่เราจะยุติการให้บริการแก่เขาซึ่งหลายคนก็กลับตัวได้และตั้งใจที่จะดูแลตนเองตั้งใจฝึกหัดตามที่ให้งานไป(เช่นการฝึกหัด
Breaking
Idea ,การฝึกผ่อนคลายความเครียด
)
และหลายคนส่งต่อไปหาจิตแพทย์แล้วแต่ก็ยังต้องการกลับมาปรึกษาต่อเกี่ยวกับปัญหาสัมพันธภาพของเขา(ไม่ได้เป็นปัญหาเอดส์อีกแล้ว)
การเชิญญาติหรือครอบครัวมาร่วมปรึกษาด้วยเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำให้ผู้รับบริการได้มีผู้ช่วยหรือคู่คิดในการแก้ไขปัญหา(ไม่ติด/พึ่งพิงแต่ผู้ให้การปรึกษา)
ส่วนใหญ่ญาติมักจะเป็นคู่สมรส
การมาร่วมรับคำปรึกษาในหลายคู่ได้พบปัญหาเรื่องการสื่อสารในครอบครัวและการไม่ปรับตัวเข้าหากันที่เป็นภาวะเครียดมายาวนานก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหากังวลว่าจะติดเอดส์นี้เสียอีก...ได้พบว่าหลายครอบครัวยังนิยมใช้การหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญปัญหาทำให้สะสมปัญหาและความทุกข์โดยไม่รู้ตัวและไม่รู้จะแก้อย่างไร
การปรึกษาเรื่อง
Worries
Wellในหลายกรณีจึงกลายเป็นการให้คำปรึกษาปัญหาครอบครัวไปโดยปริยาย....
(+๐
+)….