เรื่อง หรือบทละคร
“เรื่อง” ในละคร หมายถึง การลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีจุดมุ่งหมายปลายทาง ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้ ว่าใคร ทำอะไร ด้วยจุดประสงค์เช่นไร และได้รับผลอย่างไร เมื่อผู้ชม ชมการแสดงละครจบแล้วสามารถบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ใคร ทำอะไร ที่ไหน ด้วยจุดประสงค์เช่นไร มีอุปสรรคขัดขวางหรือไม่ และลงเอยเป็นเช่นไร
จากที่มีการเกิดเรื่องราวหลายร้อยเรื่อง ทำให้ผู้นิยมนำเรื่องราวจากการอ่าน มาถ่ายทอดให้ตัวละครมีชีวิต โดยผ่านกระบวนการอ่านจากเรื่อง มาเขียนหรือมาถอดคำพูดหรือมาลำดับเหตุการณ์ให้มาเป็นบทละคร
บทละคร และความแตกต่างกับบทประพันธ์ประเภทอื่น
บทละคร คือ บทประพันธ์ที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นพาหะในการนำเสนอเรื่องราว ความคิดของผู้ประพันธ์ต่อผู้ชมในรูปแบบของการแสดง บทละครมิได้เขียนขึ้นสำหรับแสดงให้คนดู บทละครมิใช่ละคร แต่เป็นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของละคร
องค์ประกอบของบทละคร
อริสโตเติล (Aristotle) ปราชญ์ยิ่งใหญ่ชาวกรีก ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของการละครไว้ในหนังสือเรื่อง โพเอทติกส์ (Poetics) ได้จำแนก และลำดับความสำคัญของละครออกเป็น 6 ส่วน คือ
การวางโครงเรื่อง คือ การวางแผนหรือการกำหนดเส้นทางของการกระทำของตัวละคร ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นๆโครงเรื่องที่ดีจะต้องมีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง มีความยาวพอเหมาะ ประกอบด้วย ตอนต้น กลาง จบ เหตุการณ์ทุกตอนมีความสัมพันธ์กันอย่างสมเหตุสมผล ตามกฎแห่งกรรม
โครงเรื่องที่บกพร่องตามทฤษฎีของอริสโตเติล (Aristotle) คือ โครงเรื่องประเภทที่ผู้เขียนนำเอาเหตุการณ์ต่างๆ มาต่อกันเป็นตอน โดยแต่ละตอนไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันเลย ถ้าแม้จะตัดตอนใดตอนหนึ่ง ก็ไม่กระทบกับโครงสร้างของเรื่องเลยแม้แต่น้อย
2. ตัวละคร และการวางลักษณะนิสัยตัวละคร (character and characterization)
ตัวละคร คือ ผู้กระทำ ผู้ที่ได้รับผลจากการกระทำในบทละครมีความสำคัญเป็นอันดับรองจากโครงเรื่อง
การวางลักษณะนิสัยตัวละคร คือ การที่ผู้เขียนกำหนดให้ตัวละครมีลักษณะนิสัยอย่างไร ตามความเหมาะสมของเรื่องราวที่เสนอ ส่วนพัฒนาการของนิสัยตัวละครนั้น หมายถึง การที่นิสัยใจคอหรือเจตคติเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตของตัวละคร มีพัฒนาการหรือเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากประสบเหตุการณ์ หรือเหตุการณ์มากระทบวิถีชีวิตตน
ตัวละครที่พบเห็นอยู่สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
ความสัมพันธ์ของตัวละครกับโครงเรื่อง หรือ “การกระทำ” ในละคร
เหตุการณ์ต่างๆ ในละครจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีตัวละคร หรือเกตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่มีความหมาย ถ้ามิได้ไปมีผลกระทบกระเทือนต่อผู้หนึ่งผู้ใดในละคร ฉะนั้นมีเรื่องใดก็ต้องมีตัวละคร มีตัวละครก็ต้องมีเรื่อง ฉะนั้นตัวละครจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ ก็ต้องอาศัยการกระทำ เรื่องที่น่าสนใจ และชวนให้ติดตาม ดังนั้นจึงทำให้เรื่องกับตัวละครนั้นมีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นมาก
ข้อบกพร่องของผู้เขียนบทละครที่ไม่ชำนาญ คือ ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ของตัวละครกับเรื่อง ด้วยมีการกระทำของตัวละครไป ไม่คำนึงถึงผลการกระทำ โดยที่ตัวละครไม่มีส่วนรับผิดชอบในการกระทำของตนเลย
ดังนั้น สิ่งที่ผู้เขียนบทละครต้องคำนึงถึง คือ ลักษณะนิสัยของตัวละครกับการกระทำ จะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น
3. ความคิด หรือแก่นเรื่อง(thought)
ความคิดจัดอยู่ในความสำคัญอันดับที่ 3 ของละคร ซึ่งหมายถึง ข้อเสนอที่ผู้เขียนพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงจากเรื่องราว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละคร ความคิดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวในละครก็คือ จุดมุ่งหมายหรือความหมาย (premise) หรือในปัจจุบันนิยมใช้คำว่า “แก่น” (theme)
4. การใช้ภาษา (diction)
การใช้ภาษา หมายถึง ศิลปการถ่ายทอดเรื่องราว และความคิดของผู้ประพันธ์ออกมาจากคำพูดของตัวละครหรือบทเจรจา ซึ่งอาจเป็นร้อยแก้ว หรือร้อยกรอง ศิลปการใช้ภาษาอาจเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะนำไปสู่การเขียนบทละครที่ดี ซึ่งผู้เรียนต้องศึกษา และวิเคราะห์ว่าบทละครเรื่องนั้นๆ เป็นละครประเภทใด รวมทั้งลักษณะ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องมีความสัมพันธ์กับการใช้ภาษา และภาษาที่ใช้ต้องไม่ง่ายหรือยากจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถใช้แสดงออกถึงลักษณะนิสัยของผู้พูด อันจะนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
5. เพลง (song)
เพลง หมายถึง ศิลปการถ่ายทอดเรื่องราว และความคิดของผู้ประพันธ์ออกมา บทเพลงที่เป็นตัวละครจะต้องขับร้อง รวมไปถึงเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเวที และความเงียบด้วย (ในแง่ละคร)
ในการใช้เพลงจะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์กับองค์ประกอบหลายอย่าง และพยายามกำหนดเพลงให้เป็นส่วนหนึ่งของบทละครเช่นเดียวกับบทเจรจา
6. ภาพ (spectacle)
ภาพ คือ บทบาทของตัวละคร ที่สามารถนำมาแสดงให้เห็นได้ด้วยใบหน้า ท่าทาง และจังหวะอาการเคลื่อนไหวที่แนบเนียน และเพิ่มพูนรสชาติให้แก่ละครเรื่องนั้นๆ
ขอบคุณนะคะ สำหรับคุณประโยชน์ที่ให้เพื่อนนุษย์แต่อยากได้ตัวอย่างบทละครค่ะ
ต้องส่งอาจารย์ค่ะ