ในปี 2549 วันเข้าพรรษา
จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2549
ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2549
เราชาวพุทธ ควรรู้ที่มาของวันเข้าพรรษา
ข้าพเจ้าจึงได้สืบค้นความหมายและความสำคัญ
เพื่อให้ทุกคนได้รู้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
วันเข้าพรรษา
มีความหมายดังนี้
วันเข้าพรรษา กำหนดเป็น 2 ระยะ คือ ปุริมพรรษา
และปัจฉิมพรรษา
1.
ปุริมพรรษา คือ วันเข้าพรรษาต้น ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8
ของทุกปี
หรือราวเดือนกรกฎาคม และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
ราวเดือนตุลาคม
2. ปัจฉิมพรรษา คือ วันเข้าพรรษาหลัง สำหรับปีอธิกมาส
คือ มีเดือน 8 สองหน
ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หลัง หรือราวเดือนกรกฎาคม
และจะออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 11 ราวเดือนตุลาคม
ความหมายของวันเข้าพรรษา คือ
เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่
ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนมีกำหนด 3
เดือนตามพระวินัยบัญญัติ
โดยไม่ไปค้างแรมในที่อื่น เรียกกันโดยทั่วไปว่า
"จำพรรษา"
แต่เดิมในสมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์สาวก อยู่ประจำพรรษา
เหล่าภิกษุสงฆ์จึงต่างพากันออกเดินทาง
เผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ โดยไม่ย่อท้อ ทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน
ต่อมาชาวบ้านได้พากันติเตียนว่า
พวกสมณะศากยบุตรไม่ยอมหยุดสัญจรแม้ในฤดูฝน
ในขณะที่พวกพ่อค้าและนักบวชในศาสนาอื่นๆ
ต่างพากันหยุดสัญจรในช่วงฤดูฝนนี้
การที่พระภิกษุสงฆ์จาริกไปในที่ต่างๆ แม้ในฤดูฝน
อาจเหยียบย่ำข้าวกล้าชาวบ้าน ได้รับความเสียหาย
หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องจึงได้วางระเบียบให้พระภิกษุสงฆ์เข้าอยู่ประจำที่
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนแห่งฤดูฝน ภิกษุสงฆ์ที่อธิษฐานเข้าพรรษาแล้ว
จะไปค้างแรมที่อื่นนอกเหนือจากอาวาส
หรือที่อยู่ของตนไม่ได้แม้แต่คืนเดียว
หากไปแล้วไม่สามารถกลับมาในเวลาที่กำหนด คือก่อนรุ่งสว่าง
ถือว่าพระภิกษุรูปนั้นขาดพรรษา
แต่หากมีกรณีจำเป็น 4 ประการต่อไปนี้
ภิกษุผู้อยู่พรรษาสามารถกระทำ สัตตาหกรณียะ คือ ไปค้างที่อื่นได้
โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษา แต่ต้องกลับมาภายในระยะเวลา 7 วัน
คือ
1. ไปรักษาพยาบาลพระภิกษุ หรือ
บิดามารดาที่เจ็บป่วย
2.
ไประงับไม่ให้พระภิกษุสึก
3. ไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น
ไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมวัดซึ่งชำรุดในพรรษานั้น
4.
ทายกนิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขา
ในการอธิษฐานเข้าพรรษา ณ วัดหรือที่ใดที่หนึ่ง
หากมีเหตุจำเป็น 5 ประการต่อไปนี้ ภิกษุไม่ต้องอาบัติ
แม้จะไปอยู่ที่อื่น
ได้แก่
1. ถูกสัตว์ร้ายรบกวน ถูกโจรปล้น วิหารถูกไฟไหม้
หรือถูกน้ำท่วม
2. ชาวบ้านถูกโจรปล้น อพยพหนีไป อนุญาตให้ไปกับเขาได้
หรือชาวบ้านแตกเป็น 2 ฝ่าย
ให้ไปกับฝ่ายที่มีศรัทธาเลื่อมใส
3. ขาดแคลนอาหาร หรือยารักษาโรค
4. มีผู้เอาทรัพย์มาล่อ
พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้หนีไปเสียให้พ้นได้
5.
ภิกษุสงฆ์แตกกันหรือมีผู้พยายามทำให้ภิกษุสงฆ์ในวัดแตกกัน
ให้ไปเพื่อหาทางระงับได้
ประโยชน์ในการเข้าพรรษาของพระภิกษุ
1. เป็นช่วงที่ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่นา
หากภิกษุสงฆ์เดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ อาจไปเหยียบต้นกล้า
หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยให้ได้รับความเสียหายล้มตาย
2.
หลังจากเดินทางจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8 - 9 เดือน
พระภิกษุสงฆ์จะได้หยุดพักผ่อน
3.
เป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมสำหรับตนเอง
และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยตลอดจนเตรียมการสั่งสอนประชาชน
เมื่อถึงวันออกพรรษา
4.
เพื่อจะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนและบวชให้กับกุลบุตรผู้มีอายุครบบวช
อันเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป
5. เพื่อให้พุทธศาสนิกชน
ได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ เช่น
การทำบุญตักบาตรหล่อเทียนเข้าพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน รักษาศีล
เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข
และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดเวลาเข้าพรรษา
อ้างอิง งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด