กิจกรรมวันพุธบ่ายปัจจุบัน น่าสนใจ (ระคนน่าอิจฉาเด็กๆ) มาก เพราะนอกจากกิจกรรม CPC ที่ยังคงเดิม (แต่อาจต้องเปลี่ยนรูปแบบอย่างที่ว่าไป) แล้ว ยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แต่ไม่ใช่วิชาการ อย่างเช่นกิจกรรมคราวนี้ และกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์เลย เช่น การแสดงดนตรี การเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านต่างๆ มาเล่าประสบการณ์ชีวิตด้านอื่นๆ ให้ฟัง ทั้งนักพูด ศิลปิน คอลัมนิสต์ ฉันเลยได้อานิสงค์ของเด็กๆ เข้าไปฟังด้วย ฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการจัดกิจกรรมเหล่านี้ให้กับนักศึกษาแพทย์ เพราะเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เด็กๆ รู้ว่า ชีวิตของเขาในวันข้างหน้าไม่ได้มีแต่โรงพยาบาลกับคนไข้เท่านั้น แต่ยังมีส่วนประกอบสำคัญอีกหลายอย่างที่จะทำให้ “ชีวิตเป็นชีวิต” ฉันนึกเสียดายช่วงชีวิตตอนเป็นนักเรียนแพทย์ที่ไม่ใส่ใจกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการเรียน ทำให้ “โลก” ของฉันแคบมาก ฉันไม่รู้จักศิลปะ ไม่รู้จักดนตรี ไม่รู้จักการทำชีวิตให้รื่นรมย์ ฉันรู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิต และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเด็กๆ ฉันมักจะบอกนักศึกษาแพทย์อยู่เสมอว่า ช่วงที่เขาเป็นนักศึกษา เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการ “ค้นหาตัวเอง” เรียนรู้ชีวิตให้รอบด้าน รู้จักคนให้หลากหลาย สะสมไว้เป็น “ต้นทุน” ชีวิตให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ เพราะวันข้างหน้าเมื่อเราเรียนสูงขึ้น หรือเรียนต่อเฉพาะทาง ความรู้ของเราก็จะยิ่งแคบลง เพื่อนวิชาชีพอื่นของเราก็ยิ่งน้อยลงแทบจะเหลือแต่เพื่อนที่เป็นหมอด้วยกัน เพราะเพื่อนวิชาชีพอื่นที่เคยมีนั้นคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เขาคุยเรื่องเศรษฐกิจ เงินๆ ทองๆ การทำมาหากิน เราคุยเป็นแต่เรื่องคนไข้ ความเจ็บป่วย หลายๆ ครั้งเข้าไม่เพื่อนเราก็เราที่ต้องถอยหลังและห่างกันไปในที่สุด แต่ถ้าเรามีต้นทุนชีวิตเยอะ เราก็มีสังคมที่กว้างขึ้น มีเรื่องหลากหลายในการคบและพูดคุยกับคนอื่น หรือถ้าคนอื่นๆ ที่จะทำให้ชีวิตเรารื่นรมย์เหลืออยู่น้อย เราก็ยังรู้จักวิธีการที่จะทำให้ชีวิตเรารื่นรมย์ได้ด้วยตัวเราเอง
ฉันมีโอกาสถ่ายทอดข้อความข้างบนให้นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ฟังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะทางหน่วยกิจการนักศึกษาของคณะจัดกิจกรรมพัฒนนิเทศนอกสถานที่ที่จังหวัดตรัง อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ ฉันพลาดโอกาสที่ดีในชีวิตไปเมื่อคราวที่ฉันเป็นนักศึกษาแพทย์ เมื่อถึงวันที่ฉันกลายมาเป็นอาจารย์ ฉันจึง “ฉวยโอกาส” เหล่านี้ของนักศึกษาแพทย์ไว้ ฉันพยายามเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาแพทย์ทั้งหลายด้วยเหตุผล มิใช่เพื่อทำตามหน้าที่ของอาจารย์แต่เพียงอย่างเดียว แต่เพื่อเติมส่วนของชีวิตที่ยังไม่สมบูรณ์ของฉันด้วย
เขียนดีอีกแล้ว ก็ติดตามอยู่หลายวันว่าเมื่อไหร่ถึงจะมาเล่าให้ฟังสักที เรื่องดีๆ แบบนี้มีไว้แบ่งปันกันดีกว่า ฉันก็เห็นด้วยที่หลายคนเพื่อนฉันสมัยเรียนเอาแต่เรียนชวนทำกิจกรรมก็ไม่ไป ส่วนฉันมักจัดอยู่ประเภทมีค่ายที่ไหนต้องแบกถังแก๊ส ถังน้ำให้เขาประจำ(เพราะทำกับข้าวไม่เก่ง) แต่เรียนด้วยทำอย่างอื่นบ้างย่อมดีกว่าทำเป็นอยู่อย่างเดียวแน่นอน เพราะประสบการณ์มากมายใช่จะหาได้จากหนังสือเท่านั้น
เป็นแฟนประจำงานเขียนของคุณเลยนะ ชอบความคิดของคุณที่ว่าบทเรียนชีวิต ไม่จำเป็นต้องได้รับจากการเล่าเรียนหรือการอบรมสั่งสอนจากครูเท่านั้น เราสามารถได้รับความรู้ ข้อคิดเห็นและแนวคิดต่างๆได้จากการฟัง การอ่าน การทำงาน หรือกิจกรรมต่างๆ การพูดคุยกับผู้คน หากเราได้สนใจในสิ่งที่เขาพูดและคิดวิเคราะห์ว่าทำไมเขาจึงพูดและคิดเช่นนั้นเช่นนั้น เราจะพบว่าทุกคนจะมีจุดของตัวเอง พยายามค้นหาจุดดีในตัวเองและส่งเสริมให้ดีเลิศขึ้นไปเรื่อยๆ ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ อย่าพยายามคิดอย่างท้อถอยว่าเราไม่มีดี เราทำไม่ได้ สักวันหนึ่งเราจะขอเป็นคนเก่งเช่นเขาบ้างนะคะคุณ Dogaholic !!!
เราเป็นแฟนประจำงานเขียนของคุณ ชอบมากเลยล่ะ มีคนบอกเราว่า ถ้าศึกษาพุทธธรรมให้ลึกซึ้งจะพบคำตอบของชีวิต คุณ Dogaholic มีความเห็นอย่างไรคะ
ผมว่าแพทย์ขาดการเล่าเรียนอย่างหนึ่งที่พึงเรียนที่สุดคือวิชาคุณธรรมและจริยธรรมครับ
น่าจะบรรจุเป็นวิชาบังคับด้วยนะครับ
อาจารย์จะกลับมาสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆให้กับนักศึกษาแพทย์แล้วมาถ่ายทอดให้พวกเราประทับใจอีกไหมคะนี่ พี่โอ๋คิดถึงวิธีการเขียนที่อ่านสนุกและได้ข้อคิดของอาจารย์มากค่ะ