เรื่องเล่าจากเวทีประชุมที่ไปอบรมมาอีกเรื่องหนึ่งจาก คุณนิตยา แซ่ลี้ พยาบาลประจำ NICU ก็นำเรื่องใหม่ๆมาเล่าสู่กันฟัง
หลักของการบริหารยาให้แก่ผู้ป่วย 10 R ต้องตรวจสอบความถูกต้องดังต่อไปนี้
การปฏิบัติรักษาภาวะตัวเหลือง
American Academy of Pediatrics (AAP) , Subcommittee on Hyperbilirubinemia แนะนำแนวทางในการป้องกันพยาธิสภาพทางสมองจากบิลิรูบินว่า การประเมินความรุนแรงของภาวะตัวเหลืองด้วยตาผิดพลาดได้ง่าย ทารกแรกเกิดทุกรายจึงต้องได้รับการตรวจวัดระดับบิลิรูบินโดยการเจาะเลือด หรือวัดทางผิวหนังอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนกลับบ้าน เพื่อใช้ในการวางแผนการให้กลับบ้านและระยะเวลาที่เหมาะสมในการนัดติดตาม และการวินิจฉัยแยก
ภาวะตัวเหลืองที่เป็นพยาธิ ( pathologic jaundice ) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ทารกมีระดับบิลิรูบินในเลือดสูงเกิน ที่อาจส่งผลให้ทารกมีสมองพิการหรือตายได้ และต้องรักษาด้วยการส่องไฟหรือถ่ายเปลี่ยนเลือด จากภาวะตัวเหลืองที่เป็นปกติ ( physiologic jaundice ) ซึ่งไม่ต้องการรักษา
การส่องไฟที่ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดต้องปฏิบัติดังนี้
ผลการศึกษาเครื่องส่องไฟสำหรับภาวะ
1. ใช้หลอดไฟ special blue หลอดไฟ Toshiba Deep Blue (FL 18 W / T8 / DB)
ผลิตโดยโตชิบา ไลท์ติ้ง จำกัด จ.ปทุมธานี ให้พลังงานสูงกว่าและอายุการใช้งานนาน
กว่าหลอดฟิลิปส์ชนิดฟ้าพิเศษ ( 2,400 vs. 2,000 ชม. )
รพ. ศิริราชได้ทำการศึกษา มีผลลัพธ์ ดังนี้
การใช้หลอดไฟสีฟ้า 6 หลอดแล้วกั้นด้านข้าง 3 ด้านด้วยอลูมินัมฟอยล์จะได้พลังงานแสงที่ดีที่สุดและควรให้ทารกนอนบริเวณกลางโคมไฟจะดีที่สุดเช่นกัน
2. หลอดไฟต้องใช้งานได้ทุกหลอด
3. จัดให้ทารกอยู่ใกล้โคมไฟมากที่สุด ( 10 ซม. ) โดยการเลื่อนโคมให้ต่ำ หรือยกที่นอน
ของทารกให้สูง
4. วางทารกไว้กลางโคม เนื่องจากพลังแสงสูงกว่าที่ขอบโคม
5. กั้นขอบไฟด้วยผ้าฟ้าหรืออลูมินัมฟอยล์ เพื่อลดการกระจายของแสง
6. การกั้นผ้าให้ขอบล่างอยู่ห่างจากขอบโคม 20 ซม. อุณหภูมิรอบกายทารกเพิ่มน้อยกว่า
( เหมาะสำหรับทารกที่มีอุณหภูมิกายสูง ) เมื่อขอบล่างของผ้าอยู่ติดที่นอน (เหมาะสำหรับทารก
ที่มีอุณหภูมิกายสูง )
7. เปลี่ยนหลอดไฟทุก 2,400 ชม. (หลอดไฟ Toshiba Deep Blue ; FL18W/T8/DB)
8. ต้องมีแผ่นพลาสติก (ห้ามใช้กระจก) กั้นโคมไฟ พลาสติกสามารถกรองแสง UV และป้องกัน
หลอดไฟตกใส่ทารกหากหลอดไฟแตก แผ่นพลาสติกต้องใส ไม่มีเขม่า ฝุ่น แมลง รอยขีดข่วน
หรือแตก
9. เพิ่มพื้นที่ผิวกายที่สัมผัสแสง โดยใช้เครื่องส่องไฟ 2 เครื่อง ( double phototherapy )
วางเหนือและใต้ทารก
ข้อบ่งชี้ในการใช้ Nasal CPAP ในการช่วยหายใจแก่ทารก
1. ทารกอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ที่มีอาการหายใจลำบาก
2. ใช้เป็น early therapy ร่วมกับการให้ surfactant ในทารกคลอดก่อนกำหนด
3. ทารกมีปัญหา reccurrent apnea , bradycardia , desaturation
4. ใช้ในทารกที่เพิ่งถอดท่อช่วยหายใจ
5. ทารกที่มี Pa CO2 < 50 - 60 mmHg ขณะที่ได้รับ O2 > 40 – 70 %
การ weaning nasal CPAP
โดยทั่วไปเมื่อทารกหายใจดีขึ้น ดูไม่เหนื่อย สามารถลด pressure ลงจนถึง 5 cmH2O ไม่มีอาการ apnea bradycardia และ desateration มักจะถอด nasal CPAPได้
สวัสดีค่ะ...น้องเย
ได้ฟังที่น้องนำเสนอแล้ว นำเสนอได้ดีมาก แล้วพี่จะนำไปประยุกต์ในงาน NICU โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง 10 R กับเรื่อง
การส่องไฟ
ถ้ามีข้อเสนอแนะหรือเล่าสู่กันฟังเรื่องการพัฒนาการดูแลทารกตัวเหลือง ก็ส่งข่าวคราวมาเพิ่มได้นะคะ...เพื่อเด็กไทยของเรา
JOM