ข่าวคนทำดี(3) ทางเดินสำหรับออกกำลังกาย


...สนามบินดอนเมืองมีอะไรดีๆ หลายอย่าง...

     ทางเดินสำหรับออกกำลังกาย สนามบินดอนเมือง     
สนามบินดอนเมืองมีอะไรดีๆ หลายอย่าง...

ทว่า... สิ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบที่สุดได้แก่ ทางเดินออกกำลังกายระหว่างอาคารสนามบินในประเทศ และอาคารสนามบินระหว่างประเทศ ทางเดินนี้มีระยะทางประมาณ 480 เมตร ติดแอร์เย็นพอดี เหมาะสำหรับการเดินออกกำลังกายมาก

ถ้ามีเวลาจำกัด... ผู้เขียนจะเดินไปกลับ คิดเป็นระยะทางประมาณ 1 กม.
ถ้ามีเวลามากหน่อย... จะเดินไปกลับ 3 รอบ คิดเป็นระยะทางประมาณ 3 กม.

ขอขอบคุณการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยที่ทำทางเดินอย่างดี ทำให้ผู้เขียนได้อาศัยเดินออกกำลังกายปีละหลายครั้ง สนามบินอื่นยังไม่เห็นมีทางเดินออกกำลังกายอย่างนี้เลย...

คำสำคัญ (Tags): #ข่าวคนทำดี
หมายเลขบันทึก: 31723เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2006 13:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • อยากให้แถวบ้านผมมีอย่างนี้บ้างครับ
  • คุณพ่อเดินออกกำลังทุกเช้า (ถ้าฝนไม่ตก) ครับ
  • สมัยที่ยังไม่เกษียณคุณพ่อก็จะวิ่งทุกเช้า
  • สมัยนี้ใช้วิธีเดินริมถนน ที่รถราวิ่งกันน่ากลัว
  • แต่ทางเท้าที่มีก็เหมือนจะเป็นทางวิบาก
  • มีของวางบนทางเท้าเกะกะ
  • แถมบนอากาศก็มีของเกะกะ เช่น ผ้าใบบังแดด หรือป้ายต่างๆ ทั้งของเอกชน และของรัฐ
  • มีครั้งหนึ่งคุณพ่อหัวแตกกลับมาบ้านหลังจากออกไปเดินตอนเช้า

ฝากไปยังผู้เกี่ยวข้อง ให้ช่วยกันทำทางเท้าให้น่าเดิน (สะดวก+ปลอดภัย) หน่อยครับ

  • ทั้งท่านเจ้าของบ้านเอง ที่มีทางเท้าผ่านหน้าบ้าน
  • และหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเจ้าของถนน รวมไปถึงทางเท้า
  • อย่าให้มีของวางเกะกะบนทางเท้าและเหนือทางเท้า
  • สามารถขอเอกสารมาตรฐานทางเท้าได้ที่ สนข ครับ
  • ขอขอบคุณอาจารย์เปมิช และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
  • ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณพ่ออาจารย์ออกกำลังเป็นประจำ
  • ปัญหาเรื่องทางเท้าบ้านเราไม่ดีนี่เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว... หมู่บ้านจัดสรรที่คุณแม่ผมอยู่ก็มีบ้านหลายหลังเลี้ยงหมาตัวโต
  • ยิ่งมีข่าวหมากัดลงหนังสือพิมพ์ ยิ่งทำให้น้องและหลานไม่กล้าออกไปเดินเล่น หรือวิ่งรอบหมู่บ้าน
  • ในที่สุดก็ได้ "ลู่วิ่งไฟฟ้า (treadmill)" ที่ปรับความเร็วให้เลือกวิ่ง หรือเดินได้ดังใจ...
  • ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้อ่านที่มีทางเท้าสำหรับวิ่งหรือเดินที่ไม่เกะกะทั้งบนดิน และบนอากาศอย่างที่อาจารย์เปมิชแนะนครับ...
  • เพิ่งกลับมาจากการไปอบรมให้คุณครูครับ
  • ออกกำลังกายแล้ว ร่างกายสดชื่นดีนะครับ
  • ผมออกกำลังกายตอนเช้าและตอนเย็นครับ ในมหาวิทยาลัยกว้างมาก วิ่งช้าๆออกกำลังกายดีมาก
  • ขอขอบคุณอาจารย์ขจิต ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
  • ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์ขจิตที่มีโอกาสออกกำลังกายในมหาวิทยาลัย
  • เรียนเสนอให้อาจารย์ถ่ายภาพมาลงบล็อกของอาจารย์ เพื่อเป็นแบบอย่างให้คนอื่นต่อไป
  • ขอขอบพระคุณ ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านครับ...
  • สมัยผมเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก มีวิชา Physical Education ซึ่งวิชานี้บังคับให้น.ศ.วิ่งสะสมระยะทาง (ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 100 รอบสนามฟุตบอล) แล้วจะมีอาจารย์ยืนข้างสนามคอยเซ็นชื่อหลังจากวิ่งเสร็จทุกเช้า
  • ผมนึกว่าเป็นเรื่องกล้วยๆ แต่ปรากฎว่าผมวิ่งตามคุณพ่อไม่ทัน ทั้งๆ ที่ท่านอายุมากกว่าผมราวๆ 30 ปี
  • ผมเหนื่อยลิ้นห้อยแต่ท่านไม่เป็นไรเพราะวิ่งประจำ

 

  • เรื่องหมาก็เป็นปัญหาน่ารำคาญมากจริงๆ ครับ ทั้งในหมู่บ้าน และตามริมถนนทั่วๆ ไป
  • สมัยก่อนผมชอบปั่นจักรยานตอนเช้า ครั้งหนึ่งผ่านวัดมีหมาวัดฝูงใหญ่ไล่ตามมา แทนที่คนแถวนั้นจะช่วยห้ามหมา แต่กลับหัวเราะชอบใจ
  • หลังๆ ผมเลยไม่ได้ปั่นจักรยานเลย เพราะไปไหนก็มีแต่หมา

 

  • ขอขอบคุณอาจารย์เปมิช ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
  • ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่ออาจารย์ที่ออกกำลังเป็นประจำ ทำให้มีผลดีกับสุขภาพในระยะยาว
  • ผลของการออกกำลังกายดูจะเป็นอย่างที่อาจารย์ว่า นั่นคือ คนอายุมากมีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายมากกว่าคนอายุน้อย (สำนักข่าว Reuters)
    >>> [[[[[ คลิก _____ Click ]]]]]
  • ผมมีประสบการณ์ปั่นจักรยานหนีหมาบ้านมาก่อน สังเกตว่า หมาบ้านที่เป็นตรอกตันจะดุกว่าหมาริมถนน
  • เรื่องนี้คล้ายสำนวนไทยที่ว่า อย่าไปทำให้ใครจนตรอก เพราะเป็นการทำให้คน "ดุ" ผิดปกติ
  • เราๆ ท่านๆ หันมาออกกำลังกันวันละเล็กละน้อย ไม่นานก็มีสุขภาพดีขึ้นได้ครับ...
  • ขอบคุณครับ
  • คุณย่า (และพี่ชายของคุณย่า) เป็นเบาหวาน
  • คุณย่าเสียไปเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว
  • ท่านเข้ารพ.ด้วยอาการปอดปวม
  • หลังจากอยู่ในห้องพิเศษ (CCU) นานมาก (หลายเดือนท่านไม่ได้สติต้องให้อาหารทางสายยาง) คุณย่าก็จากลูกๆ และหลานๆ ไป
  • คุณพ่ออายุจะ 70 แล้ว แต่น้ำตาลยังไม่เกิน limit
  • นอกจากออกกำลังกายทุกวันแล้วท่านยังกินโยเกิร์ตและผลไม้เช่นกล้วย มะละกอ หรือฝรั่ง ทุกวันอีกด้วยครับ
  • อาการเดียวที่คอยรบกวนคุณพ่ออยู่คือต่อมลูกหมากโต
  • หมอยูโรก็ชวนให้ผ่าตัดอยู่เรื่อย
  • คุณหมอมีคำแนะนำเรื่องต่อมลูกหมากโตไหมครับ

 

  • ปกติหมาวัดกับหมาข้างถนนมักจะไม่ค่อยดุ เพราะว่าคุ้นเคยกับคนมากว่า
  • สังเกตว่าหมาดุมักจะเป็นหมาที่เจ้าของใส่กรงหรือล่ามไว้เป็นประจำ ทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าว
  • ขอขอบคุณอาจารย์เปมิช ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

ตกลงคนส่วนใหญ่จะมีญาติเป็นโรคกันทั้งนั้น เช่น คุณปู่ผมเป็นเบาหวาน คุณย่าสมองเสื่อมตอนอายุมาก คุณลุงเป็นมะเร็งตับ คุณพ่อเส้นเลือดหัวใจอุดตัน คุณแม่เป็นทุกโรคยกเว้นเบาหวาน (อ้วน+ความดันเลือดสูง+ไตเสื่อม+หัวใจเสื่อมจากความดันเลือดสูง+ข้ออักเสบเก๊าต์+ต้อกระจก+ต้อหิน+ไส้เลื่อนสะดือ+มดลูกหย่อน...)
>>> การป้องกันโรคคงจะมีบทบาทกันมากขึ้น เพราะคนเราอายุยืนขึ้น ความเสื่อม(โรค)ย่อมปรากฏชัดขึ้นไปด้วย...

  • ดีที่ญาติผมเกือบทุกคนบริจาคดวงตา เร็วๆ นี้คุณแม่ไตวาย+หัวใจวาย+ไตติดเชื้อ... ทำให้ท่านได้พิจารณาอายุขัย เลยได้ทำบุญบริจาคดวงตา+ศพไปอีกท่านหนึ่ง สาธุ สาธุ สาธุ

ถ้าอาจารย์ยูโร(หมอผ่าตัดทางเดินปัสสาวะ)แนะนำให้ผ่าตัด ขอเรียนเสนอว่า น่าจะผ่าตัดครับ...
1). ต่อมลูกหมากโตทำให้ทางเดินปัสสาวะอุดตัน
2). เมื่ออุดตันจะทำให้แรงดันในทางเดินปัสสาวะเพิ่มขึ้น (hydrostatic pressure)
3). แรงดันจะทำให้เลือดไปเลี้ยงไตได้น้อยลง (ไตเป็นอวัยวะที่บอบบางต่อความดันมาก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น (การไหลลงของน้ำปัสสาวะไม่ดีเท่าที่ควร)
4). ไตเริ่มเสื่อมตั้งแต่อายุ 30 ปี เนื่องจากต้องทำงานขับสารที่มีประจุ (ion pump) หนักมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เปรียบคล้ายคนที่ต้องทำงานท่ามกลางความเครียด (against pressure) เป็นเวลานาน เช่น ทำงานในที่ร้อนจัด หนาวจัด เจ้านายโหด ฯลฯ

  • พืชที่มีสีแดงมักจะมีสาร "ไลโคพีน (lycopene)" เช่น มะเขือเทศ แตงโม พริกแดง ฯลฯ ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ประมาณ 40 %
  • ถ้าจะให้ดี
    >>> ควรกินให้ได้สัปดาห์ละ 5 ครั้งขึ้นไป
  • ขอให้คุณพ่ออาจารย์มีสุขภาพดี หายจากโรคต่อมลูกหมากโต และเป็นปาจารย์(ครูของครู) และครูบาอาจารย์ได้นานๆ
  • ขอบคุณครับ
  • การผ่าต่อมลูกหมากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลานาน เสียเลือดมาก แถมต้องใช้หมอที่มีฝีมือ (เชี่ยวชาญ)
  • ก่อนหน้านี้คุณพ่อต้องกินยา (ของไฟเซอร์) เป็นประจำ
  • หลังจากใช้ภูมิปัญญาตะวันออก ด้วยการทำสมาธิ และโยคะ คุณพ่อก็ไม่ต้องใช้ยาอีกเลย
  • คุณพ่อเป็นคนถ่อมตัวมาก แม้กับคนในบ้าน
  • วันก่อนท่านบอกผมว่ารู้ภาษาบาลีแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้นเอง
  • ดังนั้นพ่อก็เลยไม่บอกคนนอก (บ้าน) ว่าไม่ต้องกินยาเพราะอะไร
  • โรคทำให้ไทยเราต้องเสียดุลย์ค่ายาปีละมหาศาล
  • นอกจากค่ายาแล้วยังเสียคุณภาพชีวิตอีกด้วยครับ
  • Health Promotion ช่วยลดการเสียดุลย์และเพิ่มคุณภาพชีวิต
  • ขออภัยครับที่ post ไม่ต่อเนื่องครับ เนื่องจากใช้โน้ตบุ๊ค (แบตหมด) ของชาวบ้านที่เอามาให้ช่วยเซ็ตระบบไร้สายและผมบังเอิญไม่คุ้นกับยี่ห้อนี้
  • คุณพ่อ (และคุณแม่) มีลูกศิษย์ที่เป็นอาจารย์หลายท่านครับ
  • มีไม่น้อยกว่า สองท่านที่เป็นรองอธิการบดี
  • ศิษย์ (ของคุณพ่อ) ท่านหนึ่งบอกลูกศิษย์ในห้องเรียนว่า ได้แรงบันดาลใจในการเป็นอาจารย์มาจากอาจารย์....(คุณพ่อผม)
  • นอกจากนี้ศิษย์ของศิษย์คุณพ่อที่เป็นอาจารย์ก็มีอีกครับ
  • ศิษย์ท่านหนึ่งสอนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับอาจารย์สมลักษณ์ (ได้ข่าวจากเว็บว่ากำลังทำปริญญาเอกอยู่)

 

  • ขอขอบคุณอาจารย์เปมิช ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
  • ขอแสดงความชื่นชมกับคุณงามความดีของคุณพ่ออาจารย์เปมิชครับ
  • ผมมองภารกิจของครูบาอาจารย์ว่า มี 4 มิติ
  • 1).  เป็นผู้รู้ (ครุ = ครู = Guru)...
    ไม่จำเป็นต้องทุกเรื่อง ทว่า... อย่างน้อยรู้ดีในบางด้าน
    2). เป็นผู้ให้ (willing to give)...
    ไม่จำเป็นต้องให้จนหมดตัว ทว่า... มีความสุขจากการให้บ้าง(ไม่มากก็น้อย)
    3). เป็นแบบอย่าง (being model)...
    ไม่จำเป็นต้องดีพร้อม ทว่า... มีดีอย่างน้อยเป็นบางด้าน
    4). เป็นผู้ค้นหา และให้โอกาสแห่งการพัฒนาศักยภาพ (searcher & potentiator)
    ไม่จำเป็นต้องค้นพบทุกอย่าง เพียง 1 อย่างก็เกินพอ
    5). เป็นผู้ชื่นชม (appreciator)
    ไม่จำเป็นต้องชมไปทุกอย่าง เพียงเห็นความดีของลูกศิษย์อย่างน้อยคนละ 1 อย่าง...

ฟังเรื่องของคุณพ่ออาจารย์แล้ว... ดูจะมีมิติของครูบาอาจารย์ครบทุกข้อ... สาธุ สาธุ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท