จากการปรับพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารเพื่อแก้ไขอาการท้องผูก วิธีที่ข้าพเจ้าเลือกคือ การรับประทานอาหารที่มีกากใยไฟเบอร์มาก ๆ เพราะหน้าที่ของไฟเบอร์ คือ การเพิ่มปริมาณอุจจระให้กับลำไส้ ช่วยกระตุ้น ให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ กากใยอาหาร โดยมากจะอยู่ในผักและผลไม้ เช่น พรุน ส้ม มะละกอ ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักโขม ข้าวกล้อง ฯลฯ โดยเฉพาะ พรุน( ไม่ได้กินนะ )เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์มากเป็นพเศษ และยังเป็นไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำได้ ในทางการแพทย็จึงนิยมใช้พรุน ซึ่งเป็นผลไม้ที่ฤทธิ์เป็นยาระบายตามธรรมชาติ แก้ไขอาการท้องผูก นอกจากการเลือกรับประทาน ผัก ผลไม้แล้ว จะต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ และออกกำลังกายเพื่อช่วยในการบริหาร และกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ จะช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึ้น
การรับประทานอาหาร จากการปรับพฤติกรรมที่ผ่านมา พวก"ผัก"ที่รับประทานเป็นประจำ คือ ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักกาด ผักบุ้ง และมีผักอื่น ๆ บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูประเภทผัด ในข้าว 1 จาน จะเป็นผัดผัก 2 อย่าง และ แกงเผ็ด 1 อย่าง และส่วนใหญ่จะรับประทานในมื้อเช้า เที่ยง แต่ถ้าไม่ได้รับประทานข้าวก็จะเป็น ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ( ชอบเพราะผักเยอะดี เลือกเอาได้ตามใจ ) นม ( โฟโมสแคลซีเม็ก รสช็อกโกแล็ต ส่วนใหญ่จะเป็นมื้อเช้า ) ผลไม้ ที่เลือกรับประทานก็จะเป็น"ส้ม" รับประทานวันละ 1-2 ผล และมีผลไม้อื่น เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล สับปะรด แตงโม จะรับประทานในช่วง สายๆ เที่ยง หรือไม่ก็ ตอนเย็น
การดื่มน้ำ ก่อนการปรับพฤติกรรม จะดื่มน้ำประมาณ 3-4 แก้ว แต่หลังจากปรับพฤติกรรมก็พยายามดื่มน้ำให้มากขึ้น เป็นน้ำอุ่นบ้าง น้ำธรรมดาบ้าง และมีการดื่มน้ำก่อนนอน
การออกกำลังกาย รายวิชาภูมิปัญญาตะวันออก จะมีการเรียน ไท้เก็ก นวด และโยคะ ทั้ง 3 อย่าง ทุกคนจะได้เรียน แต่ก็มีการเลือกเรียนเฉพาด้วย ข้าพเจ้าเลือกเรียนโยคะ ท่าโยคส่วนใหญ่ มักจะทำท่าก้มตัว บิดตัว เป็นการบีบนวดอวัยวะภายในช่องท้อง ไปในตัว ส่งผลให้กระเพาะอาหาร ตับ ไต ม้าม ได้รับโลหิตมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น ลำไส้มีการเคลื่อนไหวที่ดี ลดอาการท้องอืด มีลมมาก แก้อาการท้องผูก และทำให้การหลั่งฮอร์โมนจากไตและตับอ่อนมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ใน1 สัปดาห์จะมีการเรียน 3 ชั่วโมง วันจันทร์ 1 ชั่วโมง และวันศุกร์ 2 ชั่วโมง วันไหนไม่มีการเรียนก็จะฝึกท่าที่อาจารย์สอน
วันี้มีท่าโยคะมาแนะนำคือ ท่าชานุศรีษะ
ท่าที่1 ท่าเริ่มต้น เหยียดขาขวา พับขาซ้าย ประสานมือที่เข่าซ้าย หายใจเข้า หายใจออก ยืดแขน ยืดหลังขึ้น นำมือข้ามมาจับที่ปลายเท้าขวา แล้วหายใจตามปกติค้างไว้ 15-20 วินาที หายใจเข้า ยืดแขนขึ้นช้า ๆ หายใจออก แหงนหน้า ยืดแขน ยืดหลังให้ตั้ง
ท่าที่ 2 นั่งเหยียดขาขวา พับขาซ้าย มือซ้ายจับปลายเท้า หงายมือขวาวางไว้ข้างลำตัว หายใจเข้าช้า ๆ เงยหน้าขึ้น พยายามยืดหลังด้วย หายใจออก ยืดตัวก้มลง ค้างไว้ 15-20 วินาที อย่าให้เข่างอ ( สำหรับผู้ที่เริ่มฝึกให้ก้มตัวเท่าที่ทำได้ และไม่ควรกลั้นหายใจ) หายใจเข้า ยืดตัวขึ้น วางมือทั้ง 2 ข้างไว้ข้างหลัง ปลายนิ้วเข้าหาตัว หายใจออก พร้อมกับแหงนหน้า
ท่าที่ 3 นั่งเหยียดขาขวาพับขาซ้าย มือขวาจับปลายเท้าขวา เหยียดแขนซ้ายขึ้นด้านข้างลำตัว หายใจเข้า หายใจออก พร้อมกับเอนตัวลงด้านข้าง แขนซ้ายยืดลงมาทางหลังศีรษะ มือจับปลายเท้าขวา ค้างไว้ 15-20 วินาที ให้รู้สึกว่าด้านข้างลำตัวถูกยืดออก ช่วงที่ค้างไว้สามารถหายใจตามปกติ หายใจเข้า ยกตัวขึ้นวางมือซ้ายข้างหลัง เยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย หายใจออก ใช้มือซ้ายดันตัวขึ้น แอ่นหน้าท้องไปด้านหน้า ลำตัวโค้งไปด้านหลังเล็กน้อย เหยียดแขนขวาข้ามศีรษะ มองตามมือขวา
ท่าชานุศรีษะ มีประโยชน์ คือ แก้อาการท้องผูก ช่วยแก้ไขโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ทำให้เลือดมาเลี้ยงอวัยวะในช่องท้องได้มากขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงมากขึ้น ลดอาการปวดหลัง ลดไขมันหน้าท้อง
จากากปรับพฤติกรรมที่ผ่านมา มีอุปสรรคเกิดขึ้นคือ อุปสรรคภายในตัวเอง ขาดความอดทนในการปฏิบัติกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง อดใจไม่ไหว เห็นเพื่อนกินอะไรก็อยากกินด้วย แต่ก็ต้องเอาชนะอุปสรรค โดยการระลึกอยู่เสมอว่า หากเราไม่ปฏิบัติเราจะท้องผูกและก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาด้วย และมีการสร้างกำลังใจให้ตนเอง และการได้รับกำลังใจจากเพื่อน ๆ ก็ทำให้เรามีความกระตือรือร้นมากขึ้นด้วย
จากการปรับพฤติกรรม ก็ทำให้อาการท้องผูกดีขึ้นมาก ก็จะถ่าย 2 วันครั้ง วันเว้นวัน หรือวันละครั้ง สลับกันไป จะพยายามรักษาพฤติกรรมนี้ไว้ต่อไป
เพิ่งรู้เหมือนกันว่าโยคะจะมีท่าที่ใช้แก้อาการท้องผูกได้ด้วย จะลองเอาไปทำตามนะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะได้ผลอ่ะป่าว แล้วจะมาบอกนะ