เป็นไทยในต่างแดน (๒) : แม่น้ำหอม ..(หอมกลิ่นแม่น้ำที่บ้านเกิด)


เสน่ห์อันชวนหลงรักในยามล่องเรือไปตามท้องน้ำยามค่ำคืนของแม่น้ำหอม คงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการได้รับชมและรับฟังการแสดงดนตรีพื้นบ้านของชาวเวียดนามที่เรียกกันว่า “กาเว้”

 

ค่ำคืนแรกของการมาถึงเมืองเว้ของเวียดนาม  ผมไม่ใครได้ใส่ใจว่าต้องเข้าพักที่โรงแรมอะไร 
รู้แต่เพียงว่า  ตัวเองกำลังจดจ่ออยู่กับการอยากลงเรือเที่ยวท่องไปตาม “แม่น้ำหอม”

ด้วยความที่ไกด์ของเรายังหนุ่มแน่น  และอยู่ในห้วงการเรียนรู้ความเป็นศาสตร์และศิลป์ของไกด์  จึงมักชวนให้เราได้เพลินหลงไปกับมุกตลกอันแพรวพราวอยู่บ่อยครั้ง  จนบางทีก็หลงลืมที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานที่สำคัญๆ ไปบ้างเหมือนกัน

แต่สำหรับผมนั้น  ผมไม่ค่อยได้วิตกกังวลสักเท่าไหร่  เพราะก่อนหน้านี้  ผมก็เตรียมตัวมาบ้างแล้ว  โดยการพกพาหนังสือที่ว่าด้วยเวียดนามติดตัวมาด้วยสองถึงสามเล่ม  และแต่ละเล่มก็ซื้อเก็บไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว  เลยทำให้ได้อ่านได้ค้นคว้ามาบ้างประปราย  จนสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้บ้าง   มิหนำซ้ำ ยังพลอยได้ทำหน้าที่เป็นไกด์สมัครเล่นให้กับคนใกล้ตัวไปด้วย

 

แม่น้ำหอม..(มองจากมุมของวัดนางฟ้า)

 

แม่น้ำหอม-ถือเป็นเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเว้ไปแล้ว  เพราะไม่ว่าจะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน เมื่อมาถึงเมืองเว้ ก็ต้องหาเวลามาล่องเรือชมแม่น้ำหอมนี้ให้จงได้  โดยมีเรือหัวมังกรที่ซึ่งเป็นเสมือนเพื่อนสนิทของแม่น้ำสายนี้ ทำหน้าที่เป็นพาหนะพาผู้มาเยือนล่องชมไปอย่างไม่ขวยเขิน

เกี่ยวกับที่มาที่ไปของชื่อแม่น้ำหอมนั้น  ไกด์หนุ่มหน้าทะเล้นเล่าให้ฟังในทำนองว่า  ด้วยความที่ว่าแม่น้ำสายนี้ไหลผ่านผืนดินและป่าเขามายาวไกล  โดยแต่ละห้วงแห่งมีแมกไม้สมุนไพรทั้งที่อยู่บนบกและใต้ผืนน้ำจำนวนมาก  ทำให้แม่น้ำถูกปรุงแต่งด้วยสมุนไพรจนมีกลิ่นหอมไปโดยปริยาย  จนในที่สุด ชาวเมืองจึงพร้อมใจกันเรียกชื่อแม่น้ำสายนี้ว่าแม่น้ำหอมสืบมาอย่างไม่รู้จบ 

 

 

ค่ำคืนของแม่น้ำหอมแห่งเมืองเว้เต็มไปด้วยแสงสีเฉกเช่นได้ยินมา 

สะพาน “คนจน”  ที่ทอดข้ามแม่น้ำหอมยังคงกะพริบพราวด้วยแสงไฟสีต่างๆ สลับกันไปมา  เรียกความสนใจจากผู้มาเยือนต่างถิ่นในลำเรือ ได้เป็นระยะๆ

เสน่ห์อันชวนหลงรักในการล่องเรือไปตามท้องน้ำยามค่ำคืนของแม่น้ำหอม  คงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการได้รับชมและรับฟังการแสดงดนตรีพื้นบ้านของชาวเวียดนามที่เรียกกันว่า “กาเว้” 
(Ca Hue)
  อย่างแน่นอน  เพราะนั่นคือธรรมเนียมของการรับแขกบ้านแขกเมืองของคนที่นี่

กาเว้ เป็นการบรรเลงดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น มีนักร้องชายและนักร้องหญิงมายืนขับเปล่งเพลงพื้นบ้านด้วยเสียงใสๆ สดๆ เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องเสียงให้รกรำคาญหู 

และเพลงแต่ละเพลง ก็ล้วนมีเนื้อหาที่บอกเล่าถึงเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเว้และความเป็นชาติอย่างน่ายกย่อง



 

จะว่าไปแล้ว เสน่ห์ของการล่องเรือยามค่ำคืนในแม่น้ำหอมเช่นนี้  คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากาเว้ คือสัญลักษณ์หนึ่งในการการล่องเรือประจำบ้านเมืองไปแล้วก็ว่าได้  ภายใต้ค่ำคืนที่ท้องฟ้าแต้มประดับด้วยหมู่ดาว  การได้นั่งฟังการขับร้องเพลงเช่นนี้  ถือเป็นความรื่นรมย์อันเรียบง่ายและงดงามอย่างแทบไม่น่าเชื่อ

สำหรับผมแล้ว,  ผมชื่นชอบการร้องเพลงด้วยเสียงสดๆ ใสๆ เช่นนี้เป็นที่สุด  เพราะดูเป็นธรรมชาติมาก-ได้สัมผัสเส้นเสียงและพลังเสียงของนักร้องอย่างน่าทึ่ง  และยิ่งเห็นการ “รัวถ้วยน้ำชา” เป็นเสียงดนตรีกังวานใสคลอเคล้าไปกับเสียงขลุ่ยเสียงพิณ ยิ่งรู้สึกได้ว่า นั่นคือ ศิลปะแห่งดนตรีที่ไร้การปรุงแต่งโดยแท้ 
       - คล้ายกับตัวเองกำลังนั่งฟังหมอลำที่กำลังขับขานทำนองหยอกเอินไปกับเสียงแคนที่บ้านเกิดอันปราศจากเครื่องเสียงแห่งยุคสมัย...

 

 

หรืออีกนัยหนึ่ง การร้องเพลงเช่นนี้ ก็ชวนให้ผมหวนคิดถึงนักร้องลูกทุ่งที่เมืองไทยบางท่านที่ร้องเพลงสดๆ ด้วยน้ำเสียงคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องมีดนตรีประกอบ  ก็มีพลังมากพอที่จะตรึงใจให้เราหลุดลอยไปสู่ภวังค์นั้นอย่างไม่ยากเย็น 
       -มันคือความงามและความยิ่งใหญ่อันบริสุทธิ์ของศิลปะที่มนุษย์รังสรรค์ขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ

เฉกเช่นเดียวกันนั้น  สิ่งหนึ่งที่ผมอดที่จะชื่นชมไม่แพ้ดนตรีและเสียงร้องกาเว้ไม่ได้เลยก็คือการแต่งกายของนักร้องในชุดประจำชาติที่มีชื่อว่า “เอ๋าหย่าย”  ยิ่งดูก็ยิ่งมีเสน่ห์  ยิ่งหากคนใส่เป็นคนเอวบางร่างน้อย  เนื้อผ้าอันบางพลิ้วรัดรูปภายใต้แสง
วิบวาววามของค่ำคืนแห่งท้องน้ำ  ยิ่งฉายให้เห็นความงามในอีกมิติอย่างไม่ต้องสงสัย

และสิ่งเหล่านี้  ล้วนคือเสน่ห์ที่ร้อยรัดเป็นสัญลักษณ์คู่กับกาเว้ในแม่น้ำหอมไปแล้วทั้งนั้น  หากล่องเรือแล้วไม่มีสาวงามในชุดเอ๋าหย่ายมาขับขานเพลงด้วยความไพเราะเพราะพริ้งเช่นนี้ ก็ประหนึ่งมาไม่ถึงแม่น้ำหอมแห่งเมืองเว้-

 


นักร้องในชุดเอ๋าหย่าย

 

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้  ไกด์ในกลุ่มเราอธิบายให้ฟังว่า  บรรดานักร้องและนักดนตรีนั้น  ส่วนใหญ่ล้วนเป็นครูในทางดนตรีกันทั้งนั้น  กลางวันสอนหนังสือหนังหาตามโรงเรียน ตกเย็นก็มาลงเรือร่ายรำดนตรีและเสียงเพลงอย่างที่เห็น เป็นการสร้างรายได้พิเศษให้กับตัวเอง 
        - และรายได้ที่ว่านั้น ยังถือว่าเป็นการสร้างรายได้ในทางการท่องเที่ยวให้กับบ้านเมืองไปในตัว

        จนในที่สุด  เมื่อการแสดงดนตรีกาเว้ยุติลง  เราทุกคนก็ได้รับการเชิญชวนให้ร่วมลอยกระทงในแม่น้ำหอม  เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าได้มาถึงแม่น้ำสายนี้แล้ว  อันเป็นธรรมเนียมที่จัดเตรียมเป็นพิเศษไว้สำหรับคนไทยที่ล่องเรือในแม่น้ำสายนี้ในทุกๆ ฤดูกาลของการมาเที่ยวชม

       

        อย่างไรก็เถอะ  ความงดงามของท้องน้ำในเมืองเว้ คลอเคล้าเสียงดนตรีและเสียงขับขานบทเพลงอันสวยใสของนักร้องในชุดเอ๋าหย่ายในเรือมังกรนั้น  ก็หาใช่จะชักพาให้ผมหลงลืมเสน่ห์แห่งแม่น้ำในผืนแผ่นดินที่ราบสูงของตัวเองเสียทั้งหมด

        ผมคิดถึงแม่น้ำปาว ...และเขื่อนลำปาวที่บ้านเกิด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกขานว่าเป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

        ผมคิดถึงแม่น้ำชีที่ไหลเรื่อยมาจากชัยภูมิ ผ่านจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานอย่างมากมาย เป็นสายโลหิตหนึ่งของคนมหาสารคามที่พลอยให้ได้จับปลาจับกุ้งกันมาหลายตาปี  และพลอยให้มหาวิทยาลัยกับชาวบ้านได้จัดไหลเรือไฟในเทศกาลออกพรรษาอย่างวิจิตรงาม

        ผมคิดถึงแม่น้ำมูล สายโลหิตใหญ่ของอีสานที่ไม่เคยร้างตำนานเพลงชีวิต  ถึงแม้เขื่อนจะก่อเกิดขึ้นมาแทรกทับก็เถอะ  แต่แม่น้ำมูลก็ยังเป็นทรัพย์มรดกที่บรรพชนได้มอบให้ลูกหลานทั้งหลายได้พึ่งพิงอย่างมหัศจรรย์

        และที่สำคัญที่สุด  ผมคิดถึง “แม่น้ำสงคราม”  ที่ทอดผ่านจังหวัดสกลนคร  นครพนม หนองคาย อุดรธานี  อันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำและแหล่งผลิต “ปลาแดก” และ “เกลือ”  ชั้นดีของคนอีสาน  รวมถึงบริบทแห่ง “ป่าบุ่งทาม” ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวชวนขุดค้น  เพราะบุ่งทามเป็นเสมือน “ซุปเปอร์มาเก็ต” ของคนอีสานเลยทีเดียว

        ครั้งหนึ่งผมเคยได้ไปฝังตัวใช้ชีวิตอยู่ในลุ่มน้ำสงครามแถวจังหวัดนครพนมยาวนานร่วมเดือน  จนหลงรักและผูกพันราวกับผมเกิดและโตในแม่น้ำสงครามเลยก็ว่าได้

        ครั้งนั้น, ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า แม่น้ำสงคราม เดิมเรียกว่า “สีสมคาม”  เพราะลุ่มน้ำสายนี้เต็มไปด้วย “ต้นคราม”  ขึ้นเต็มไปหมด  ยิ่งพอถึงหน้าแล้ง แม่น้ำสายนี้ก็ยิ่งดูสวยใสเป็นสีครามอย่างชัดเจน  ต่อมาจึงเรียกเพี้ยน (หรือรัฐจงใจ) เป็นชื่อว่า “ศรีสงคราม”  นั่นเอง

 

 

        หรืออีกตำนานหนึ่งที่แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ... 

        “นานมาแล้ว มีสาวงามชื่อสุมณฑาผู้เป็นน้องสาวของพระยาขอม  เกิดอาการร้อนเนื้อร้อนตัว เลยออกไปพักผ่อนในป่า และในช่วงที่นอนหลับนั้น  บังเอิญยักษ์กุมภัณฑ์มาพบเข้า  เกิดอาการหลงรักแรกพบ จึงอุ้มนางไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง  เมื่อพระยาขอมรู้ข่าวจึงส่งบรรดาพระราชบุตรออกตามหา  เมื่อพบเจอก็ทำสงครามรบพุ่งกันอย่างยิ่งใหญ่และยาวนาน  มีการทำสงครามทั้งบนภูเขาและผืนดินจนเกิดเป็นร่องน้ำ และร่องน้ำที่ว่านั้น ก็กลายมาเป็นแม่น้ำสงครามในที่สุด...” 

        นี่คืออีกหนึ่งความรู้สึกของผมที่เกิดจากการเรียนรู้ในต่างแดน  พบเห็นความแปลกใหม่ที่ตื่นตาและงดงาม  แต่สิ่งเหล่านั้น  ก็ไม่สามารถพรากเอาความงดงามของบ้านเกิดเมืองนอนให้จากหายไปจากตัวผมเลยแม้แต่น้อยนิด

        ตรงกันข้าม กลับสะกิดให้ถามตัวเองอย่างหนักหน่วงในทำนองว่า ...ผมรู้และลืมอะไรที่บ้านเกิดของตัวเองไปบ้างแล้ว ?

 

หมายเลขบันทึก: 314474เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2009 20:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (38)

สาวๆงามทั้งนั้นเลยนะคะ..อาจารย์พนัส..อิอิ..

แว๊บมาทักทายค่ะ..^^

สวัสดีคะ อาจารย์ สาวสวยน่ารักค่ะ ภาพก็งามมากมายค่ะ

พอลล่ามีชุดแบบนี้ด้วยคี แต่ใส่ไม่ได้ค่ะ กลัว ปริ อิอิ

คิดถึงเสมอค่ะ

งามทั้งเรื่องเล่า ภาพ หญิงงาม และสถานที่ค่ะ หากมีโอกาสได้ไปแม่น้ำหอมจะนึกถึงบันทึกนี้เป็นสิ่งแรกค่ะ เพราะช่วยให้มั่นใจในการเตรียมตัวก่อนเดินทางค่ะ เล่าเรื่องราวเยอะ ๆ นะคะ ...เสมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วยเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ...อาจารย์

แม้จะชื่นชมในความงามสายน้ำในดิแดนไหนไหน

มิอาจลืมกลิ่นอายสายน้ำบ้านเกิดตนเอง

เลือดไทยนี้นับถือนักค่ะ

สวัสดีค่ะ

* แวะมาเที่ยวเมืองเว้ด้วยค่ะ

* เที่ยวเมืองเว้แตไม่เว้ว้า(หว่) ----ว้าเหว่  อิอิ

* สุขกายสุขใจนะคะ 

สวัสดีครับ คุณครูแอ๊ว

ครับ,สาวงามทั้งนั้นเลยครับ
จริงๆ หลายคนใส่ชุดบางรัดแนบเนื้อก็เยอะ 
แต่ผมชอบดูชอบฟังจังหวะรัวถ้วยชามาก...
เป็นศิลปะที่น่าทึ่ง...
ทุกๆ ชาติ มีความน่าทึ่งเสมอ..
เราก็คงต้องเรียนรู้ที่จะทึ่งในศิลปะของเราไปพร้อมๆ กัน

...

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ คุณน้องพอลล่า♥paula ♥ที่ปรึกษาตัวน้อย✿

อันที่จริง ชุดเอ๋าหย่ายของผู้ชายก็มี แต่เป็นสีเข้มน้ำเงินนั่นแหละ
เขาบอกว่า เมืองเว้เป็นต้นกำเนิดของการแต่งกายเช่นนี้

สำหรับพอลล่านั้น ยืนยันได้เลยว่าใส่แล้ว...ไม่ต้องให้ร้องเพลงก็สวยใสไร้ที่ติ

อิอิ...

 

สวัสดิคะ  อาจารย์

วันนี้แวะมาอ่านบันทึกรักบ้านเกิด(ขอนุญาตเรียกชื่อนี้นะคะของอาจารย์คะ

ในวันที่เราห่างไกลบ้าน 

เวลาตะวันกำลังจะพลบค่ำ 

เป็นเวลาที่หัวใจยิ่งก่อให้เกิดอาการถวิล

หาแผ่นดินเกิดเสมอเลยคะ..อาจารย์

ผมรู้และลืมอะไรที่บ้านเกิดของตัวเองไปบ้างแล้ว ?

ขอคารวะหนุ่มลูกทุ่งจากใจจริง สมชื่อคุณแผ่นดินจริงๆค่ะ

เห็นภาพแม่น้ำหอมจากบันทึกก่อน ยังอยู่ในใจเลยว่างดงามยิ่ง

สวัสดีครับ Sila Phu-Chaya

ผมรู้สึกดีใจมากเลยที่มีคนอยากให้ผมเขียนเรื่องยาวๆ ในทำนองนี้  เพราะมีอะไรเล่าเยอะเหมือนกัน แต่อยากเล่าในลักษณะของการผูกโยงกับเรื่องราวบ้านเกิดของเราเองไปในตัว...

ระยะหลังผมเดินทางบ่อยมาก  ตอนนี้กำลังจะไปพิษณุโลก และหลวงพระบาง
หนังสือหนังหาที่ซื้อเก็บไว้หลายปี ได้ขุดค้นออกมาใช้ เป็นการเตรียมตัวเตรียมความรู้ให้กับตัวเองไปในที...เวลาไปถึงสถานที่จริง จะได้คิดตามและสนทนากับไกด์ได้ สิ่งเหล่านี้ ผมให้ความสำคัญกับมันมาก  และที่สำคัญจริงๆ ก็คือ ดูแล้ว ก็ชวนตัวเองหันกลับมามองบ้านเกิดของเรา นั่นเอง

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ครูอี๊ด

ไกด์บอกกับเราว่า ทุกครั้งที่คนไทยลงเรือมังกรในแม่น้ำหอม  พอฟังเพลงเสร็จก็จะทำการลอยกระทงเสมอ  ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นเทศกาลลอยกระทงหรือไม่  นั่นจึงเป็นการลอยกระทงต่างแดนของคนหลายคน แต่สำหรับผมนั้น ผมไม่ได้ลอยกระทงในแม่น้ำหอมหรอกนะครับ

จริงๆ แล้ว อยากหยิบเกร้ดความรู้เกี่ยวกับแม่น้ำที่บ้านเกิดแถวอีสานมาเล่าให้ฟังมากกว่านี้ แต่เกรงใจ กลัวบันทึกยาวยืดไปหน่อย...เอาไว้โอกาสหน้าจะพยายามนำมาแทรกไว้นะครับ

...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ..นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)

จริงๆ ต้องสารภาพว่า การเดินทางทุกครั้ง ผมจะรู้สึกว้าเหว่เสมอ..ราวกับว่าบ้านวิ่งตามไปเรื่อยๆ...

ผมเป็นคนประเภทนี้ครับ...สุขก็เหมือนทุกข์..และทุกข์ก็เหมือนสุข
แต่ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ ผมจะไม่ลืมชื่นชมความเป็นไทยของเรา ไม่ว่าจะโดยกระบวนการใดก็ตาม..

ผมโชคดีมากครับที่เกิดเป็นคนไทย

 

สวัสดีครับ..ปีตานามาจิตต์

บางทีก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า  ในยามไกลบ้าน
พระอาทิตย์ตกดิน-
คืนมืดฟ้าไร้ดาว...
อะไร...เหงาและหวั่นไหวมากกว่ากัน

...

เป็นกำลังใจให้ นะครับ

สวัสดีครับ คุณpoo

บางครั้ง หลายคนก็ถามทักว่าทำไมผมถึงชอบมองและสังเกตพฤติกรรมของผู้คนและเอ่ยเปรียบเปรยกับคนที่บ้านเรานัก  ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร  เพราะนั่นคือภาวะความรู้สึกของการคิดถึงบ้านด้วยนั่นเอง

บันทึกต่อไป จะเล่าเรื่องพระราชวังในเมืองเว้...นะครับ

ขอบคุณครับ

 

สาวงามแม่น้ำหอม    เรื่องเล่าเพลิดเพลิน  รำนำเพลง(ดู)น่าฟัง

 

อ่านแล้วอยากไปเที่ยวค่ะ

  • บรรยากาศคงดีมากๆนะครับ เพราะดูลงตัวไปหมด ทั้งเสียงดนตรีและสาวงาม
  • ขอบคุณประสบการณ์ดีๆครับ

*** ขอบคุณเรื่องราวและภาพเหล่าดอกไม้งาม...มีความสุขมากๆนะคะ

แวะมาทักทายและชื่นชมผลงานค่ะ

ดูเหมือนพี่แก้วจะเคยไปล่องแม่น้ำหอมมาแล้ว ประทับใจชุดเอ๋าหย่าย ค่ะ ผู้หญิงเวียตนามแต่งตัวดี สีสรรสดใส อาหารจะจืดๆใช่ไหมคะ

สวัสดีครับ ภูสุภา

สาวงามแม่น้ำหอม, ชอบคำๆ นี้จังครับ
ผมชื่นชอบการร้องเพลงสดๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องเสียงช่วยมาก  โดยเฉพาะการร้องประสานเสียงแล้วด้วย ยิ่งฟังยิ่งสัมผัสได้ถึงคุณภาพของเสียงนักร้อง  ถึงแม้จะฟังภาษาเวียดนามไม่รู้เรื่อง  แต่เท่าที่ไกด์สื่อสารเนื้อหาของเพลงนั้น  ก็น่าชื่นชมอยู่มาก เพราะเพลงที่นำมาขับร้อง  เกือบทั้งหมดล้วนมีเนื้อหาเกี่ยวพันกับความเป็นท้องถิ่นและบ้านเมืองทั้งนั้นเลย

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อ.ธนิตย์ สุวรรณเจริญ

ปกติ  การล่องเรือจะมีการทานอาหารไปด้วย  แต่คณะของเราเลือกที่จะนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์เป็นหลัก พร้อมๆ กับการฟังเพลงและดนตรีล้วนๆ..

เป็นศิลปะที่บูรณาการมาสู่การท่องเที่ยวที่ง่ายงามครับ  คิดว่าเมืองไทยเราก็น่าจะมีหลายที่ที่ขับเคลื่อนในทำนองเดียวกันกระมัง

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ แผ่นดิน

  • สาวเวียตนามงาม ๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ ..เห็นแล้วสดชื่นค่ะ
  • แต่ที่สำคัญบันทึกนี้ ได้รู้จักตำนานแม่น้ำสงคราม ไว้เล่าขานให้ลูกหลานฟัง
  • อาจารย์สบายดีนะคะ...
  • ลมหนาวพัดมาแล้ว..รักษาสุขภาพแนเด้อ..!!
  • ขอบคุณค่ะ...:)

อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่พนัส คนเดินทาง

  • ชอบจังกับสไตส์การเล่าเรื่องราว
  • ราวกับการพูดจาคุยกันดั่งอยู่ต่อหน้า
  • หาใช่เป็นบทความวิชาการที่ดูออกจะน่าเบื่อ
  • ไม่ใช่การพรรณาเรื่องราวจนหาสาระมิได้
  • แต่นี่ได้ทั้งบันเทิงและสาระควบคู่กันไป
  • ขอบคุณเรื่องราวจากต่างแดนค่ะ

.................................................

ยังระลึกถึงอยู่เช่นเคยนะคะ

 

สวัสดีครับ อ.กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

ความงดงามของดนตรี...
คือ ภาพสะท้อน ความงามในทางจิตใจของมนุษย์ ด้วยเช่นกัน

ขอให้มีความสุขกับชีวิตนะครับ..
ผมเป็นกำลังใจให้

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่ วันเพ็ญ

จริงๆ ตั้งใจจะเขียนเป็นสารคดี  บ่งชี้เนื้อหารายละเอียดมากกว่านี้ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง จึงเขียนออกมาได้แค่นี้นะครับ..แต่อย่างน้อย ก็คงได้รับรู้เรื่องราวของแม่น้ำในบ้านเกิดของเราบ้างประปราย กระมังครับ

สวัสดีครับ พี่แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช

อาหารเวียดนามออกจืดๆ..
เสียดาย ที่ไม่ได้พกน้ำปลาไปด้วย (ยิ้มๆ)
ชุดเอ๋าหย่าย...เป็นชุดสวยงาม  นึกถึงชุดประจำชาติของชาวสิบสองปันนาด้วยเช่นกัน แต่ทั้งปวงนั้น ก็ยังรู้สึกว่า ทุกชาติ มีชุดประจำชาติที่งดงามด้วยกันทั้งนั้น  เพียงแต่ว่า ในระบบการท่องเที่ยวนั้น  จะสามารถแต่งกาย หรือนำชุดแต่งกายมาเป็นจุดขาย หรือแรงขับเคลื่อนได้กี่มากน้อยเท่านั้นเอง

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่สีตะวัน

เรื่องราวของแม่น้ำสงคราม (แม่น้ำศรีสงคราม) มีความน่าสนใจมากครับ เพราะไหลผ่านหมู่บ้านเป็นร้อยๆ หมู่บ้าน  เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีตำนานให้เล่าขานไม่รู้จบ  ผมเคยไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านเดือนหนึ่งเต็มๆ สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำ  โดยเฉพาะการเป็นสายโลหิตของผู้คน  แต่ทุกวันนี้  การสร้างเขื่อน ก็กระทบโดยตรง  แต่ก็อย่างว่าไม่มีอะไรที่ได้มาแล้วไม่มีการสูญเสีย

จนบัดนี้ ผมยังหลงรักภาพป่าบุ่งทาม  หลงรักต้นกกที่นำมาทอเป็น "สาดนอน"  หลงรักเรือหลากลำที่จอดเกยชายฝรั่ง หรือแม้แต่ลอยตัวอยู่กลางท้องน้ำเพื่อจับปลา...

และอื่นๆ อีกมากมาย ...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ น้องแป๋ม

ใจจริงอยากเขียนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  แต่เวลาอันจำกัดในแต่ละครั้ง ทำให้เราไม่สามารถเรียบเรียง ปรับแต่งสำนานและเนื้อหาได้ดังคิด  โดยเฉพาะเรื่องนี้ ก็นั่งเขียนบนรถบัสนะครับ 

กำลังทบทวนว่า ไปมาก็หลายที่  จะลองลำดับดูว่ามีที่ไหนบ้างที่พอจะนำมาเขียนเป็นสารคดีสั้นสักเล่มเสนอสำนักพิมพ์ที่ไหนสักแห่งให้พิมพ์จำหน่าย...

โชคดีถ้าฝีมือถึงขั้น  คงได้อ่านกันบ้างกระมัง..

 

  • สวัสดีค่ะ 
  • แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
  • อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ปลายฝน ต้นหนาวแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
  • ระลึกถึงค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์

ไม่พบกันนาน ไปเที่ยวเวียดนามเสียแล้ว

ขอให้สนุกกับทริปนี้นะครับ

รักษาสุขภาพ

  • สวัสดีครับอาจารย์..
  • ตามไปเที่ยวถึงเวียดนาม..
  • มาจบลงที่แม่น้ำสงครามข้างบ้านผมนี่เอง...^^
  • หักมุมแบบรักชาติดีทีเดียวครับ

สาวสาวเวียดนามสวยจังเลยนะคะ..สู้สาวไทยได้ไหมหนอ

สบายดีนะคะ..

 

 

สวัสดีครับ คุณบุษรา

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับ..
พักนี้ ปลายฝนต้นหนาว หรืออาจจะเข้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว
ขอให้รักษาสุขภาพ นะครับ...

 

สวัสดีค่ะอาจารย์แผ่นดิน

ตามมาเที่ยวเวียตนามด้วยคนค่ะ

แต่สุดท้ายอาจารย์ก็ยังไม่ลืมที่จะปลุกสำนึกรักชาติไทยเรา

เราต่างคงมิได้หลงลืมเสน่ห์แห่งผืนดินไทยกันหรอกนะคะ

เที่ยวต่างบ้านต่างเมือง พอถึงวันที่สามน่าจะคิดถึงเมืองไทยกันแทบทุกคน

โดยเฉพาะส้มตำ อิ อิ

  • สวัสดีคะอาจารย์แด่แผ่นดิน
  • หนาวแล้วระวังสุขภาพด้วยนะคะ
  • ระลึกถึงเสมอ

ไม่ได้แวะมาอ่านบทความเป็นเวลานานแล้วได้ความรู้และสึกดีๆเสมอกับบทความที่ได้อ่านรู้สึกสัมพันธ์ได้เหมือนอยู่ในสถานการณ์นั้น

สวัสดีค่ะ  อ.แผ่นดิน  กลับเมืองไทยยังคะ  เป็นห่วง

สาวๆๆสวยๆทั้งนั้น  (อิจฉานะนี่)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท