Error ในการวิจัย
ผมได้ แปลงจากไฟล์ PowerPoint ของ ผศ.นพ.นภดล สุชาติ พ.บ.
M.P.H.
นำมาเสนอไว้ให้นักวิจัยได้ใช้ประโยชน์ครับ
ผลวิจัย =Truth + Errors
หรือ ผลวิจัย = ความจริง (Truth) +
ความคลาดเคลื่อน (Errors)
ชนิดของความคลาดเคลื่อน (Errors) มี 2 ชนิด
คือ
ความคลาดเคลื่อนเชิงระบบ (Systematic
Errors) หรืออคติ (Biases)
ความคลาดเคลื่อนแบบสุ่ม (Random Errors)
ชนิดของอคติ
(Biases)
Information
Bias => Selection Bias
Performance Bias
Measurement Bias
Confounding Bias
Selection Bias
Flaw
in study design
Choice of sampling frame
Choice of comparison group
Loss of follow up
Non respond
Selective survivals
Information Bias
Invalid Measurement
Incorrect diagnostic criteria
Omission/Imprecision of recorded data
Unequal diagnostic surveillance
Confounding Bias
Confounder effects both cause and consequence of the study
Age is confounder for contraceptive and
myocardial infarction study.
Major Confounder e.g. Age, Sex, Race,
Occupation
Bias & Random Error
Bias แก้ไขโดยออกแบบงานวิจัยให้ไม่มี Bias
ในการซักประวัติและรักษา เช่นใช้วิธี Double Blind
แพทย์ไม่รู้ว่าใครเป็นกลุ่ม 1 หรือ 2
ยาที่ใช้รักษาก็รูปร่างเหมือนกันทั้ง 2 กลุ่ม
Random Errors แก้ไขโดยเพิ่ม Sample
size
สาเหตุความคลาดเคลื่อนเชิงระบบ
สำรวจประชากรวิจัยไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
สุ่มประชากรเฉพาะบางกลุ่ม
ให้ข้อมูลลำเอียง
ถ้ารู้ว่าสูบบุหรี่จะซักประวัติโรคมากกว่า
วัดผลลำเอียง
สนใจเฉพาะการรักษาแบบใหม่จึงซักถามมากกว่า
สาเหตุความคลาดเคลื่อนแบบสุ่ม
จำนวนตัวอย่างน้อยเกินไป
ลดความคลาดเคลื่อนเชิงระบบ
Good Sampling technique: Sampling
Frame
Criteria for selection cases and
controls
Reduce recall bias, compliance bias
Reduce confounding factors: randomized
Blind study: single, double, triple
blinded
Type of Errors (อยู่ในลักษณะตารางครับ)
The truth |
||
Conclusion from Analysis |
A = B |
A < > B |
A = B |
Correct |
b Error |
A < > B |
a Error |
Correct |
3 Phase of Study
Efficacy ทำได้สำเร็จในห้องทดลอง
Effectiveness ทำได้ผลในสถานการณ์จริง
(มีประสิทธิผล)
Efficiency ผลได้เทียบกับต้นทุนได้ผลคุ้มค่า
(มีประสิทธิภาพ)
Random error, Systematic
error
ความคลาดเคลื่อนแบบสุ่ม
(Random Error) นั้น เป็นความคลาดเคลื่อนที่เกิดจาก การวัดตัวแปร
ที่กำหนดแต่ละครั้ง
ความคลาดเคลื่อนอย่างมีระบบ (Systematic
error) หรือ Bias นั้น เป็นความคลาดเคลื่อนที่เกิดจาก
เครื่องมือที่ใช้วัดตัวแปร
รูปแบบการค้นหาคำตอบจากการวิจัย
เริ่มที่ คำภามวิจัย (Research Question)
ได้เป็น ผลการวิจัย (ข้อเท็จจริง)
ซึ่งประกอบด้วย ค่าความจริง (True Value) + ค่าความเท็จ (Error)
และค่าความเท็จ (Error) จะประกอบด้วย
แบบสุ่ม (Random Error) + แบบเป็นระบบ (Systematic Error หรือ
Bias)
Random Error
แก้ไขโดยเพิ่ม Sample size ให้พอเพียง
Systematic Error = Bias
แก้ไขโดยการออกแบบระบบ
แก้ไขง่ายกว่า เช่น
ถ้าติดแถบวัดส่วนสูงผิดพลาดโดยติดไว้สูงกว่าปกติ 1 ซม.
แก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับแก้ส่วนสูงที่วัดได้ทุกๆคน
Bias
Selection
Bias
Performance Bias
Measurement Bias แก้ไขโดย blinding
Confounding Bias
Co-intervention
ส่วนใหญ่เกิดกับ Study Group
โดยดูแลอย่างพิถีพิถัน
Co-intervention
เพิ่มการรักษาในกลุ่มทดลองหรือกลุ่มควบคุมเพียงกลุ่มเดียว เช่น
เมื่อให้ยาใหม่ก็ทดสอบ EKG บ่อยๆ เพียงกลุ่มเดียว
ส่วนอีกกลุ่มที่ได้ยามาตรฐานก็ไม่ทดสอบ
แก้ไขด้วยวิธี Double Blind
ผู้ป่วยจะไม่ทราบว่าได้ยาชนิด 1 หรือ 2
แพทย์ก็จะไม่ทราบเช่นกันว่าได้จ่ายยาชนิด 1 หรือ 2
Contamination
Control group ได้รับ intervention ไปด้วย
Contamination ผู้ป่วยกลุ่ม
1ได้ยาของผู้ป่วยกลุ่ม 2 ไปด้วย
แก้ไขด้วยวิธี Double Blind
ผู้ป่วยจะไม่ทราบว่าได้ยาชนิด 1 หรือ 2
แพทย์ก็จะไม่ทราบเช่นกันว่าได้จ่ายยาชนิด 1 หรือ 2
Howthorn Effect
ตั้งแต่ปี 1920 เมื่อ 80
กว่าปีมาแล้วที่โรงงาน GE มีการทดลองในรูปแบบต่างๆ
เพื่ออยากจะเห็นผลผลิตของโรงงาน GE สูงขึ้น
แบบที่หนึ่งให้ทำงาน 4 วัน วันละ 10
ชั่วโมง
หรือแบบที่ 2 ทำงาน 5 วันๆ ละ 8
ชั่วโมง
ผลปรากฏว่าผลผลิตสูงขึ้นทั้งสองอย่าง
Howthorn Effect
คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น
ทำไมเมื่อปรับวิธีการทำงานเป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ไม่ว่าจะปรับแบบที่หนึ่งหรือแบบที่สอง ผลผลิตสูงขึ้นทั้งคู่
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือคนทำงานรู้ว่าถูกเฝ้ามองจากฝ่ายบริหาร
ผู้บริหารกำลังให้ความสนใจ คนงานจึงขยันมากขึ้น
ผู้ควบคุมก็ขยันมากขึ้น ปรับอย่างไรผลผลิตก็สูงขึ้นตลอดเวลา
Blinding
Single Blind
Double Blind
Triple Blind
ตัวอย่าง Bias
Recall Bias
ซักย้อนหลังไปนานจึงจำไม่ได้
Exposure Suspicion Bias
ผู้สัมผัสสิ่งคุกคามจะถูกซักถามมากกว่า
Detect Bias in Research
There are a variety of ways that
research might be biased in
design, data analysis, and
interpretation.
หมายเหตุ : ในช่วงนี้ผลกำลังขยายเพื่ออธิบายในแต่ละประเด็นโดยใช้การสื่อสารที่เข้าใจง่าย ๆ ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ และน้อง ๆ หมออนามัย รวมถึงผู้ที่เริ่มต้นจะทำวิจัย ครับ เพราะด้วยเหตุผลว่าการป้องกันเพื่อให้งานวิจัยมีค่าความจริงสูงสุด ตั้งแต่ระยะแรก ย่อมดีกว่า (ทุกเรื่อง) การปฏิเสธไม่ยอมรับงานวิจัยนั้นในภายหลัง หรืออาจจะร้ายไปกว่านั้นคือการนำงานวิจัยที่มีค่าความจริงน้อยไปใช้โดยไม่ทราบว่ามีค่าความจริงน้อยมาก และจะได้นำเสนอไปตามลำดับที่เวลาเอื้ออำนวยครับ
ไม่มีความเห็น