ภัยศาสนา


ถ้าภัยเกิดแก่พระพุทธศาสนาได้ และถ้าประเทศไทยมีปัญหาได้ ก็เป็นปัญหาแก่ทั้งโลกนั่นเอง

     ภัยภายนอกที่เรามองดู และพูดถึงว่าเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา ถ้าว่าไปแล้วไม่ใช่เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะภัยต่อพระพุทธศาสนา ก็หมายถึงภัยต่อประเทศชาติ และสังคมไทยทั้งหมดด้วย นอกจากนั้นภัยจากประเทศ และสังคมนี้ก็เป็นภัยอย่างเดียวกับภัยที่จะเกิดแก่โลก หมายความว่าถ้าภัยเกิดแก่พระพุทธศาสนาได้ และถ้าประเทศไทยมีปัญหาได้ ก็เป็นปัญหาแก่ทั้งโลกนั่นเอง ฉะนั้น  เราจึงมามองดูสภาวะ และสถานการณ์ของโลกทั้งหมด
            เวลานี้เมื่อเรามองดูไปทั่วโลก จะเห็นว่าอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัยในสังคม การรบราฆ่าฟันยังมีกันมากมาย แม้แต่ในประเทศเดียวกันก็เกิดสงคราม มีการฆ่ากันอย่างทารุณโหดร้ายชนิดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ การฆ่าฟันทำสงครามกันนี้ เป็นเรื่องของเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ และลัทธิศาสนา อย่างที่เราได้ยินกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คือการทำสงครามรบกัน ระหว่างยิวกับอาหรับ เป็นสงครามที่มีความหมายทั้งในแง่เผ่าพันธุ์ และในแง่ลัทธิศาสนา คือเรื่องชาวยิวกับชาวอิสลาม ซึ่งเห็นชัดว่าเป็นศัตรูกันมาเป็นพันปีแล้ว มองใกล้เข้ามาอย่างประเทศฟิลิปปินส์ อินโดเนเซีย ก็มีสงคราม การรบการฆ่าฟันกันด้วยเรื่องของลัทธิศาสนา มองไปทางเมืองฝรั่งอย่างไอร์แลนด์เหนือ ก็มีการรบกันระหว่างโปรเตสแตนท์กับคาทอลิก เป็นปัญหากันมาไม่รู้จบสิ้น ถอยหลังไปไม่นานก็ที่บอสเนีย มีการฆ่ากันอย่างโหดร้ายทารุณอย่างยิ่ง
            เมื่อมองเรื่องที่เป็นมาเป็นไปอย่างนี้แล้ว ก็ทำให้เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าสภาพที่เป็นอย่างนี้ มันส่องแนวโน้มว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะความคิด ความเชื่อหรือทิฏฐิของคนนี้เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคนเรามีความเชื่อตั้งจิตตั้งใจมองอะไรอย่างไรก็คิดจะทำอย่างนั้นต่อไป ถ้ามองในแง่ของการที่เกิดสงครามฆ่าฟันกัน ระหว่างคนต่างผิวต่างลัทธิศาสนานี้ เมื่อเราหันมามองประเทศไทยกลับเห็นว่าเป็นประเทศที่ดีที่สุด เป็นประเทศที่ร่มเย็นเป็นสุข
            คนไทยไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์คนผิวเผ่าไหน คนลัทธิศาสนาไหนก็อยู่กันได้ด้วยดี เป็นอย่างนี้มาตลอดเวลายาวนานแล้ว เพราะว่าคนไทยไม่รังเกียจใคร ปรับตัวเข้ากับทุกคนได้ ที่เป็นอย่างนี้เราพูดได้เต็มปากว่าเป็นเพราะพระพุทธศาสนา ที่ว่าคนอยู่ร่วมกันได้ดี เพราะพระพุทธศาสนานี้แน่นอน เพราะว่าแนวคำสอนของพระพุทธศาสนานั้นให้มีเมตตา มีกรุณา แล้วเมตตากรุณานั้นก็สากล คือไม่มีการจำกัดหรือแบ่งแยกว่ารักเฉพาะพวกนี้พวกนั้น หรือว่าฆ่าคนพวกนั้นได้ไม่เป็นบาป ฆ่าคนพวกนี้จึงจะเป็นบาป อย่างที่บางลัทธิศาสนาถึงกับบอกว่า คนพวกนั้นกลุ่มนั้นฆ่าแล้ว กลายเป็นว่าได้บุญเสียด้วยก็มี ถ้าไม่เป็นการสนับสนุนให้เกิดการรบราฆ่าฟัน อย่างน้อยก็เป็นข้ออ้างให้ฆ่าฟันทำการรุนแรงได้

 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 31368เขียนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2006 17:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ความเชื่อหรือทิฏฐิของคนนี้เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคนเรามีความเชื่อตั้งจิตตั้งใจมองอะไรอย่างไรก็คิดจะทำอย่างนั้น เรื่องภัยศาสนาเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก หวังว่าเพื่อนรักคงจะพยายามนำเรื่องน่ารู้น่าสนใจมาเผยแพร่ต่อไปนะจ๊ะ

จากแป้ม http://gotoknow.org/todsaporn

ศาสนาเป็นเรื่องของคนทุกคน แต่ศาสนาพุทธไม่เคยไปเบียดเบียนใคร แต่ทำไมศาสนาอื่นถึงเขามาริดร่อน โดยการเขาไปมีบทบาทในการเมือง โดยเฉพราะศาสนาอิสลาม นักการเมืองของเขเล่นการเมืองมุ่งวศาสนา แต่คนพุทธเล่นการเมืองมุ่ง เงินทอง

ถ้าต้องการข้อมูลเข้าไปที่เว๊ป ของศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา นะคับ

 

คำว่า แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ถ้าหากว่าจะตีความหมาย ก็คงจะมีความหมายเป็นข้อสำคัญอยู่ ๒ ประการคือ

ประการที่ ๑ หมายถึงแผ่นดินและประชาชนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ทำอย่างไรประชาชนจึงจะมีความสุขความเจริญมีความร่มเย็นเป็นสุข ทำอย่างไรผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัยนี้จึงจะเจริญด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ สถานที่อยู่ ที่ทำมาหากิน ถนนหนทางสะดวกสบาย เครื่องใช้ไม้สอยสะดวกสบายก็คือมีความเจริญเกี่ยวกับด้านวัตถุ และประชาชนมีความเจริญด้วยการศึกษา ด้วยคุณธรรม อยู่กันด้วยความรักความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผืนแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี้ก็จะเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมมีความเป็นอยู่สะดวกสบาย เศรษฐกิจดี ก็ถือว่าแผ่นดินของเรามีความเจริญอำนวยความสะดวก ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยบนผืนแผ่นดินนี้ก็จะกล่าวได้ว่าเป็น “แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง”นั่นคือ ประชาชนมีคุณธรรมมีความรู้ความฉลาด มีความสามารถและมีคุณธรรมสร้างสรรค์ผืนแผ่นดินให้มีความเจริญก้าวหน้า มีความร่มเย็นเป็นสุข มีความสะดวกสบาย นี่เป็นความหมายประการหนึ่ง

ประการที่ ๒. หมายถึงยุคสมัยเราเคยได้ยินได้ฟังเรื่อง ยุคพระศรีอาริย์ หมายถึงพระศาสนาพระศรีอริยเมตตรัยว่า ประชาชนมีความเป็นอยู่สุขสบาย ร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนก็มีรูปร่างสวยงามบางตำรากล่าวว่า มีต้นกับปพฤกษ์เกิดขึ้นสี่มุมเมือง ต้นกัลพฤกษ์

นั้นใบและดอก เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น เราก็ปรารถนาจะไปเกิดในสมัยพระศรีอริยเมตตรัย หรือสมัยพระศรีอาริย์ ว่าเป็นยุคที่มีความสุขความเจริญคนไม่เดือดร้อน ไม่ยากจน คนไม่เข่นฆ่า ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีสงคราม เราจึงอยากอยู่ในสมัยพระศรีอาริย์แต่ว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องอนาคต เรายังไม่รู้ว่าเป็นจริงอย่างไร ก็ขอให้าเรามาพิจารณาดูว่า เราสามารถที่จะสร้างผืนแผ่นดินนี้ให้เป็น “แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง” ได้อย่างไร

คำว่าแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ที่หมายถึงยุคสมัยนั้น ก็คือ เราต้องทำยุคนี้สมัยนี้ให้เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง คือสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพระองค์นี้ ซึ่งเป็นรัชกาลที่ ๙ มีคำที่เคยพูดกันว่า แผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นพระองค์นี้ เช่น ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คำว่าแผ่นดินในที่นี้ ท่านหมายเอายุคสมัยของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลนั้นๆโดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน คือรัชกาลที่ ๙ นี้ เป็นที่ทราบแก่ประชาชนทั่วไปแล้วว่า พระองค์ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม พระองค์ได้ทรงแผ่นเมตตาบารมีทั่วไปให้พสกนิกรชาวไทย ทรงให้ความเมตตาสงสาร ช่วยเหลือเกื้อกูล พระองค์จึงทรงเป็นที่เชิดชูบูชาเคารพเทิดทูนของประชาชนทั่วไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท