งานวิจัยเรื่อง ความพึงพอใจของครูต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1
ผู้วิจัย สุนทร เพ็ชร์พราว
ปีที่วิจัย 2551
วัตถุประสงค์การวิจัย
1.เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการบริหารงานของ ผู้บริหารโรงเรียนตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรีเขต1
2.เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนระหว่างครูชายกับครูหญิง
3. เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน ระหว่างครูที่มีประสบการณ์การทำงาน มากกับครูที่มีประสบการณ์การทำงานน้อย
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากรกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ข้าราชการครูสายผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1 จำนวน 1,479 คน จาก 99 โรงเรียน
2. กลุ่มตัวอย่างผู้วิจัยได้สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ซึ่งมีขั้นตอนในการสุ่มดังนี้
2.1 กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยเปรียบเทียบจำนวนประชากรในข้อที่ 1 กับตารางขนาดประชากรและกลุ่มตัวอย่างของเครชซี่และมอร์แกน (Krejcie & morgan) ซึ่งได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง มีจำนวนทั้งสิ้น 306 คน โดยสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling ) ได้ครูชาย 76 คน และครูหญิง 230 คน
2.2 สุ่มตัวอย่างในแต่ละอำเภอของจังหวัดจันทบุรีอย่างเป็นสัดส่วน ระหว่างประชากรกับกลุ่มตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
แบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของครูที่มีต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1 ใน 4 ด้าน คือ
1.1 ด้านการบริหารงานวิชาการ
1.2 ด้านการบริหารงบประมาณ
1.3 ด้านการบริหารงานบุคคล
1.4 ด้านการบริหารงาน
ลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบสอบถามประเภทมาตราส่วนประมาณค่า ( Rating Scale ) 5 ระดับ โดยกำหนดระดับความพึงพอใจของครูต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต 1 โดยให้คะแนนดังนี้
พึงพอใจน้อยที่สุด ได้ 1 คะแนน
พึงพอใจน้อย ได้ 2 คะแนน
พึงพอใจปานกลาง ได้ 3 คะแนน
พึงพอใจมาก ได้ 4 คะแนน
พึงพอใจมากที่สุด ได้ 5 คะแนน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ศึกษาวิธีสร้างแบบสอบถามจากหนังสือของ อุทุมพร จามรมาน วิเชียร เกตุสิงห์ และจากเอกสารตำรา บทความเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า(Rating Scale)
2.ศึกษาเอกสารและตำราที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อสร้างแบบสอบถาม
3. นำแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้วตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์เสนอความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหา
4. นำแบบสอบถามมาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิแล้วนำเสนอคณะกรรมการควบคุมพิจารณาปรับปรุงเพื่อความสมบรูณ์และความถูกต้อง
5. นำแบบสอบถามที่ตรวจสอบความเที่ยงตรงแล้วไปทดลองใช้กับครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1 ที่มิใช่กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้ จำนวน30 คน
6. นำแบบสอบถามที่ได้รับคืนจากการนำไปทดลองใช้ มาหาค่าอำนาจจำแนกด้วยการหาความสัมพันธ์ของค่าเฉลี่ยรายข้อกับค่าเฉลี่ยทั้งฉบับ ( Item-Total Correlation ) โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และได้ค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง .51-.80
7. นำแบบสอบถามไปหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับและรายด้านด้วยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา ( Coefficient Alpha ) ซึ่งได้ค่าความเชื่อมั่นรวมทั้งฉบับ .97 และแต่ละด้านดังนี้
- ค่าความเชื่อมั่นด้านการบริหารงานวิชาการ .92
- ค่าความเชื่อมั่นด้านการบริหารงบประมาณ .80
- ค่าความเชื่อมั่นด้านการบริหารงานบุคลากร .94
- ค่าความเชื่อมั่นด้านการบริหารงานทั่วไป .97
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. การวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของครูต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน ใช้ ค่าเฉลี่ย และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( SD )
2. การเปรียบเทียบความพึงพอใจต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนระหว่างครู ซึ่งมีเพศและประสบการณ์เท่านั้น โดยใช้การทดสอบค่าวิกฤติที (t-test)
สรุปผลการวิจัย
1. ความพึงพอใจของครูที่มีต่อการบริหารงานผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1 อยู่ในระดับมาก ซึ่งเรียงอันดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้แก่ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงานวิชาการ ด้านการบริหารงานทั่วไปและด้านการบริหารงบประมาณตามลำดับ
2.ความพึงพอใจระหว่างครูชายกับครูหญิงที่มีต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1 โดยรวมและด้านการบริหารงานวิชาการและด้านการบริหารงานทั่วไป แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยครูชายมีความพึงพอใจมากกว่าครูหญิง
3.ความพึงพอใจระหว่างครูที่มีประสบการณ์การทำงานมากกับครูที่มีประสบการณ์การทำงานน้อย ต่อการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี เขต1 โดยรวมและด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารงานทั่วไปแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยครูที่มีประสบการณ์การทำงานน้อยมีความพึงพอใจมากกว่าครูที่มีประสบการณ์การทำงานมาก
มาเยี่ยมชมผลงานครับ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่มาเยี่ยมชม
ขอความอนเคราะห์ต้วอย่างงานวิจัยเต็มรูปแบบเพราะกำลังเรียน ปใท ขอบตุณค่ะ
ลองค้นในเวปไซต์ ม.บูรพา นะคะ เพราะมีงานวิจัยเยอะมากๆๆ
มีรูปเล่มแต่เป็นเล่มที่ถ่ายเอกสารมาค่ะจากห้องสมุดม.บูรพาค่ะ
อยากได้วิจัยเต็มรูปแบบเพื่อนำไปอ้างอิงในการทำ ISค่ะ
อยากได้วิจัยเต็มรูปแบบเพื่อนำไปอ้างอิงในการทำ ISค่ะ
รบกวนหน่อยนะคะ เป็นหัวข้อที่ตรงกันค่ะ