E-learning เพื่อขยายการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพคนไทย
วิจารณ์ พานิช
“ประเด็นที่ตั้งใจจะพูดในการเสวนา”
ผมได้รับปากกับผู้จัดงาน Government IT Forum 2005 ซึ่งจะจัดที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ว่าในวันที่ 23 มิ.ย.48 เวลา 13.30 – 16.00 น. ว่าจะไปร่วมรายการเสวนาเรื่อง “E-learning เพื่อขยายการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพคนไทย” โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือ
· คุณมัณฑนา สังขะกฤษณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
· อ. สุชาติ กิจธนาเสรี ผอ. สถาบันคอมพิวเตอร์ มร.
· ดร. นิรชราภา ทองธรรมชาติ รอง ผอ. ถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์แห่งชาติ
โดยมีคุณพันธุ์ทิตต์ สิรภพธาดา ผู้ดำเนินรายการวิทยุ e-business today เป็นผู้ดำเนินการเสวนา
เนื่องจากเป็นรายการเสวนา ผมก็ไม่ได้เตรียมเขียนบทความหรือ PowerPoint Presentation แต่เมื่อวานคุณเก๋ ผู้ช่วยของผมบอกว่าทางผู้จัดขอเอกสารนำเสนอ (ถ้ามี) ทำให้ผมเกิดความคิดขึ้นว่า ผมน่าจะเขียนความเห็นส่งการบ้านนี้ทางบล็อก
ขอนำเสนอประเด็นเพื่อการแลกเปลี่ยนความเห็นในการเสวนา 4 ข้อครับ
1) คนที่ควรได้ร่วมคิดและออกความเห็นเรื่อง E-learning เพื่อขยายการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพคนไทย
2) การเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพคนไทย ควรเน้นตรงไหน
3) IT เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพคนไทย ควรมีลักษณะอย่างไร
4) ควรมีการจัดการเชิงระบบในระดับประเทศอย่างไร
ผมจะลองเสนอความเห็นของผมใน 4 ประเด็นนี้ แล้วเอาขึ้นบล็อก http://thaikm.gotoknow.org ของผมในเช้าวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. คุณเก๋จะโทรศัพท์แจ้งผู้จัดการประชุมว่าบทความของผมอยู่ในบล็อก ให้มาเอาได้จากบล็อก และขอให้แจ้งผู้ดำเนินรายการและผู้ร่วมเสวนาให้มาดูได้ หวังว่าท่านเหล่านั้นจะได้เตรียมมาเสวนาเพื่อให้มุมมองขยายกว้างออกไป, ลุ่มลึกขึ้น, หรือมองต่างมุม
คนที่ควรได้ร่วมคิดและออกความเห็นเรื่อง E-learning เพื่อขยายการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพคนไทย
รายชื่อคนที่มาออกความเห็นในการเสวนา เป็นคนทางฝั่ง “ผู้ให้บริการ” (supply – side) ทั้งสิ้น ไม่มีคนทางฝั่งผู้ใช้บริการ (demand – side) เลย ความเห็นจากการเสวนายิ่งมีข้อจำกัด เป็นการมองจากมุมผู้ให้บริการเท่านั้น
เรื่อง e - learning นั้นตัว “คอขวด” ไม่ใช่เทคโนโลยี ไม่ใช่ผู้ให้บริการ แต่อยู่ที่ฝั่งประชาชนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง เนื่องจากเราไม่ได้จัดสภาพของระบบให้เหมาะสมกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ เราจัดไว้สำหรับผู้มีกำลังซื้อเป็นหลัก
“สภาพที่เหมาะสมและความต้องการของคนส่วนใหญ่ของประเทศ” นั้น ผมเชื่อว่าผู้ที่มาร่วมอภิปราย 5 คนนี้ไม่รู้จริง คนที่รู้จริงคือชาวบ้าน ถ้าให้ผมเป็นผู้จัดการเสวนานี้ ผมจะเชิญแกนนำชาวบ้านสัก 2 – 3 คนมาร่วมให้ความเห็นด้วย คือให้น้ำหนักของการเสวนาก้ำกึ่งกันระหว่าง demand – side กับ supply – side
การเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพคนไทย ควรเน้นตรงไหน
อย่าลืมว่าเวลาผมเอ่ยถึง “คนไทย” ผมหมายถึงคน 64 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านนะครับ และผมก็คิดว่าถ้าชาวบ้านได้ประโยชน์ ชาวเมืองก็ได้ประโยชน์ด้วย แต่ถ้าเอาชาวเมืองหรือคนชั้นกลางเป็นหลัก ชาวบ้านก็อาจไม่ได้ประโยชน์หรือได้รับโทษด้วยซ้ำ
การเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพคนไทยควรเน้นที่การเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน ในงานอาชีพ เน้นที่ “ความรู้ปฏิบัติ” (Tacit Knowledge) ดังนั้นระบบ IT, ระบบ E-learning ต้องรองรับการเรียนรู้ “ความรู้ฝังลึก” นี้ หมายความว่าระบบ IT ของชาติต้องออกแบบให้ชาวบ้านสามารถใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้จากการปฏิบัติในอาชีพการงานและการดำรงชีวิตให้ได้
ระบบ IT, E-learning ในปัจจุบันเน้นที่ความรู้ทฤษฎี (Explicit Knowledge) เป็นหลัก
ผมมองว่าต้องมีเป้าที่ 80 : 20 คือ 80 ส่วนความรู้ฝังลึก และ 20 ส่วนความรู้ทฤษฎี
สรุปว่าเน้นคนกลุ่มล่าง และเน้นการแลกเปลี่ยน “ความรู้ฝังลึก” ซึ่งผูกพันอยู่กับการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตประจำวัน
เน้นให้ IT เป็นเครื่องมือช่วยให้ชาวบ้านสร้างความรู้ขึ้นใช้เอง
IT เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทย ควรมีลักษณะอย่างไร
ควรมีลักษณะ
· เป็น 2 - way communication
· ชาวบ้านระดับล่างเข้าถึงได้
· มีการจดบันทึกเข้าไปในระบบ IT ให้เกิด database มหึมา และทำ data mining สร้างความรู้ขึ้นมาจากการปฏิบัติและการดำรงชีพของสังคมไทยได้
· ให้เป็นเครื่องมือเอื้ออำนวยความสะดวกในการสร้างความรู้โดยกลุ่มผู้ปฏิบัติ อำนวยความสะดวก “การเรียนรู้ร่วมกันผ่านการปฏิบัติ” ของคนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม และเป็นเครือข่าย
· มีการจัดการ โดยยึด “ผู้ใช้” เป็นสำคัญ
ควรมีการจัดการ E-learning ในระดับประเทศอย่างไร
· อย่าปล่อยให้ขึ้นกับกลไกตลาดเพียงอย่างเดียว
· มี pilot project ที่เน้นผู้ได้ประโยชน์ระดับล่าง ดำเนินการ pilot project เพื่อหาวิธีขยายระบบครอบคลุมคนระดับล่างทั่วประเทศ
· รัฐจัดงบประมาณส่งไปยังฝ่าย “ผู้ใช้” ให้รวมตัวกันเป็นเครือข่ายผู้ใช้ พัฒนาระบบการใช้ E-learning แบบที่เป็น 2 – way, interactive, และเป็นการหนุน learning by doing, interactive learning through action ซึ่งก็คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ หรือการจัดการความรู้ นั่นเอง
การพัฒนาระบบควรพัฒนาผ่านผู้ใช้ 80% ผ่านผู้ให้บริการเพียง 20%
นอกจากให้ความเห็นผ่านข้อเขียนแล้ว ผมได้ปฏิบัติให้ดูด้วย การสื่อสารผ่านบล็อกนี้ จะทำให้ผมแบ่งปันความรู้ได้กับคนทั้งประเทศ คนที่เข้าอินเตอร์เน็ตได้สามารถเข้ามาอ่านความรู้ความเห็นของผมได้ และผมก็เขียนแบบเขียนจากใจ เป็นการเสนอความรู้ฝังลึก เน้นการแลกเปลี่ยนไม่เน้นถูก – ผิด ผู้ที่ไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยกับผมก็เข้ามาเสนอความเห็นต่อสาธารณะได้ เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ฝังลึกซึ่งกันและกันผ่านเวทีสาธารณะ และจะคงอยู่ใน cyber space อย่างถาวร สามารถทำ data mining สร้างความรู้ที่ยกระดับขึ้นไปได้ และเมื่อมีคนเข้ามาอ่านหรือแลกเปลี่ยนก็จะเกิดการยกระดับความรู้ฝังลึกของตัวผู้ร่วมแลกเปลี่ยนเป็นรายคนได้
โดยสรุป ผมเน้นที่ E-learning แบบที่เน้นการสร้างความรู้หรือการเรียนรู้โดยผู้เรียนเอง มากกว่าการรับรู้ความรู้จากการให้บริการ แต่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าความรู้จากฝ่ายให้บริการไม่สำคัญนะครับ สำคัญมาก และจำเป็นมาก แต่สัดส่วนน้ำหนักผมให้เพียง 20% อีก 80% ต้องเป็นกิจกรรมฝ่ายผู้เรียน คือคนไทย 64 ล้านคน
มองอีกมุมหนึ่ง ผมอยากเห็น E-learning ที่เกื้อหนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ
วิจารณ์ พานิช
18 มิ.ย.48