จุดยืนของชีวิต


“ความสุขที่แท้จริงคือการทำให้คนอื่นเป็นสุข” พบว่าวิเศษมาก

     คนเราเมื่อเกิดมา เติบโต และชราไปตามสังขาร เคยได้พิจารณาจุดยืนแห่งตัวตนของตนเองบ้างหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าคิด และจะมาชวนคิดกันต่อ สำหรับผมแล้วกว่าจะหาเจอก็ล่วงเลยมานานเกือบ 30 ปี แต่วันนี้ค่อนข้างมั่นใจแล้ว่าจุดยืนชีวิตคืออะไรกันแน่ ก่อนมาถึงวันนี้ ผ่านการแสดงตัวตนไปตามกระแสโลกกระแสสังคมมานาน ในขณะที่สิ่งที่เป็นจุดยืนก็พบว่าแฝงอยู่ภายในตลอดเวลา ตัวผมเองไม่เคยพบไม่เคยเห็นได้แต่มองข้ามมันไปอย่างน่าเสียดายวันเวลาที่ผันผ่านไป

     ในอดีตสมัยเรียนหนังสือความเกเรทำให้เราพานพบกับชีวิตในอีกหลายรูปแบบ พาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขทุกเรื่อง การพนัน ยาเสพติด เหล้ายากัญชา สารระเหย กาว ทินเนอร์ แม้แต่กระท่อม สารพัดที่ได้รู้จัก แต่ใช่ว่าจะทดลองเสพทดลองใช้ ทอลองทำให้ทุกเรื่อง เพียงแต่เกี่ยวข้อง หลายเรื่องพานพบตอนใช้ชีวิตอยู่ที่วัดต่ำ (ภูผาภิมุข) เป็นเด็กวัด การเป็นเด็กวัด ทำให้เราไม่ถลำดิ่งลึกลงไปในเรื่องเหล่านั้นมากนัก การซอร์ตปลาด้วยไฟฟ้า เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เหมือนเป็นบาปหนัก เพราะยังจำติดตา เมื่อได้ปลาตัวโต ๆ เป็นปี๊บ หลายปี๊บ เราเอาไปขาย แล้วหมุนวนมาเป็นเหล้า ล้วนแต่อบายมุข

     ไปเรียนหมออนามัย ที่ จว.ยะลา ก็ไปอีกเรื่อง มีการยกพวกไปแก้แค้น มีการใช้มิตรภาพของตนเองเข้าแลกกับเพื่อนสนิท เพียงเพื่อปกป้องน้อง ๆ ที่มาจากจังหวัดเดียวกัน ขัดแย้งกันเพราะตัวเลขรุ่น “คี่” กับ “คู่” จนกับเพื่อนที่กินอยู่ด้วยกันนอนด้วยกัน ต้องมาหมางเมินไป (กระปูด 47) จนเพื่อนเสียชีวิตไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเรายังไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมกัน น่าเสียใจ น้อง ๆ (บางคนในรุ่น 48) ที่ว่าก็ใช่ว่าจะเห็นคุณค่าอะไรมากมายนักในปัจจุบัน กลับถีบส่ง ครั้งหนึ่งยังจำได้ เมื่อภรรยาของน้องคนนั้นซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับผม (เป็นเภสัชกร ลาออกจากราชการไปแล้ว) หยุดทักทายและคุยกันกับผมเพียง 5-10 นาที ตอนผมอยู่เวรฯ สำนักงาน ก็ถูกบีบแตรไล่เสียเสียงดังลั่น แถมเปิดประตูมาดึงให้ขึ้นรถ ก็ได้ยินเสียงเขาทะเลาะกันว่าเสียเวลา ผมได้แต่พูดว่าเสียใจนะ หลังจากนั้นก็ห่างเหินกันไป จริง ๆ นะผมทราบว่าเพราะอะไรในส่วนตัวเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าน่าจะยกเว้นสำหรับผมได้ เพราะ “เพื่อน และ พี่” ไม่ใช่เหรอ

     จบมาทำงานเป็นหมออนามัยแรก ๆ ก็มีฝีมือ คนไข้ติดใจเมื่อป่วยอีกแม้จะย้ายที่ทำงานไป ก็ยังตามมาที่บ้าน ทำให้ฮึกเหิม ชวนพี่พยาบาลเปิดสถานพยาบาล ใจมุ่งแต่หาเงิน สุดท้ายพบว่าหาไปทำไม ไม่ค่อยได้จ่ายเอง มีแต่เพื่อนที่มารุมกันจ่าย เพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาชวนเที่ยวก็ไม่ค่อยมีเวลา การตามไปสมทบทีหลัง และอยู่นานไม่ได้ตามมารยาทคือต้องจ่ายไว้ก่อนกลับ ตกลงไม่มีเวลาเหลือเลยต้องทำทั้งงานส่วนตัว และงานหลวง ไม่มีความสุข ก็เลิก จะเห็นว่าอายุปาเข้าไปจะ 30 แล้วยังหาจุดยืนให้แก่ตัวเองไม่ได้ สมัยไปเรียนต่อ ป.โท ที่ มอ. ด้วยความลำบาก แต่อยากเรียน ก็ได้พบกับมิตรที่ไม่เคยคิด คอยช่วยเหลือให้ได้ขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างในหาดใหญ่หลังเลิกเรียนเพื่อหารายได้เสริม ดูเขามีความสุขมากกันทั้งวิน ที่ได้ช่วยให้ผมเรียนได้ และทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ระหว่างรอผู้โดยสารที่วิน เขาก็จัดหาไฟฟ้ามาให้จนสว่างพอ เพื่อให้ได้อ่านหนังสือไปพลาง ๆ ตรงนี้แหละที่ผมเริ่มเห็นจุดยืนของชีวิตตัวเองว่าคืออะไร

     จุดยืนของชีวิตตัวเองว่าคือ การทำให้คนอื่นสบายใจ มีความสุข ตัวเองจะเป็นสุขไปด้วย และเป็นสุขที่อยู่ลึก ๆ จริง ๆ “ความสุขที่แท้จริงคือการทำให้คนอื่นเป็นสุข” พบว่าวิเศษมาก อันนี้ได้เรียนรู้จากวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างในหาดใหญ่ แต่ผมก็ยังเป็นคนธรรมดา หลาย ๆ ครั้งก็ยังหลุด แต่ดีหน่อยตรงที่หลุดไม่นานก็มักจะนึกได้ ต่างจากอดีตที่มักจะมีทิฐิร่วมด้วย จนเกิดแต่ทุกข์มากกว่าสุข ผมว่าง่ายนักที่จะทำให้คนอื่นเป็นสุข คือ 1) อย่าขืนทำ เพราะเมื่อเขารู้ว่าเราขืนทำ เขาก็จะไม่สุขใจ จึงทำด้วยความจริงใจ 2) อย่าทำในสิ่งที่คน (กลุ่ม) หนึ่งสุข แต่อีกคน (กลุ่ม) หนึ่งทุกข์ และ 3) ไม่ต้องคิดการใหญ่ บางครั้งเพียงแค่พูดให้กำลังใจ ง่าย ๆ สบาย ๆ ก็ได้แล้ว แต่ขอให้จริงใจจริง ๆ ก็เป็นพอ

หมายเลขบันทึก: 30923เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2006 01:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • พิมพ์ผิดครับ  ทอลอง
  • อ่านแล้วรู้สึกว่าซึ้งครับ ดีใจที่พบเด็กวัดเก่าเหมือนกัน วัดต่ำ (ภูผาภิมุข)ไม่ได้ผ่านไปนานแล้ว  ชีวิตคนเรามีชั่วบ้างดีบ้าง ปัญหาคือทำอย่างไร จะควบคุมไม่ให้ใจเราทำชั่ว
  • รู้สึกดีมากครับที่ได้อ่าน เรื่องนี้ ขอคัดลอกไปให้นักศึกษาอ่านนะครับ
  • ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    ขอบคุณที่บันทึกให้ได้อ่าน  อ่านแล้วรู้สึกสบายใจ และเห็นด้วยกับคุณชายขอบครับ “ความสุขที่แท้จริงคือการทำให้คนอื่นเป็นสุข”  ในมุมมองของผม "คนอื่น" ก็คือ "สังคม" ซึ่งตัวเราก็อยู่ในสังคมนั้น

     หากคนอื่นเป็นสุข..สังคมก็เป็นสุข...ตัวเราก็จะเป็นสุข  อีกมุมหนึ่งอาจคิดว่าเป็นเรื่องของกาย..แต่แท้จริงแล้ว "เป็นสุขในจิต ตั้งแต่เริ่มคิดที่จะทำแล้ว"

"รู้ใจตัวเอง" คือความ "สุขแท้ของชีวิต"
ยินดีที่ได้เห็นคุณชายขอบได้ความ "สุขแท้ของชีวิต" มาครอบครองค่ะ

"ความสุขที่จริง คือ การทำให้คนอื่นเป็นสุข"...ขอบคุณค่ะ

  คนเราเมื่อเกิดมา เติบโต และชราไปตามสังขาร เคยได้พิจารณาจุดยืนแห่งตัวตนของตนเองบ้างหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าคิดอย่างมาก......"แต่สำหรับผมจุดหมายของชีวิตคือการที่ทำตัวของเราเองให้มี ทุกข์ ลอน้อยลงให้มากที่สุด โดยที่ไม่ทำตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน"  หมั่นเข้าวัดฟ้งธรรมบ่อย ๆ นะครับ หรือไม่ก็ชื่อหนังสือธรรมมาอ่านบ้านก็ดีนะครับ
ศิริประสุประตินาถ สมัยนี้เป็นกาลียุค ณ วัดศิริประสุประตินาถ เมืองกัตมันตู ประเทศเนปาล ณ ที่พระพุทธเจ้าประสูตินั้นเอง ที่วัดศิริประสุประตินาถ มีสิ่งทีไม่น่าเชื่อและไม่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น วันหนึ่งในโบสถ์ของวัดศิริประสุประตินาถ ได้มีหลวงพ่อองค์หนึ่งนั่งสวดมนต์อยู่ในโปสถ์ของวัด ในเวลานั้นมีงูตัวหนึ่งได้เลื่อยออกมาจากหน้าพระพุทธรูปในโบสถ์ หลวงพ่อเมื่อได้เห็น ก็เกิดอาการกลัว หลังจากนั้นงูก็ได้กลายเป็นมนุษย์ในรูปของพราหมณ์แล้วพูดกลับหลวงพ่อว่า "เจ้าไม่ต้องกลัวและตกใจ เจ้าจงฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือพญานาราชและได้มาจุติ ณ วัดแห่งนี้ เพื่อบำบัดบัดเป่าคาวมชั้วร้าย และคนบาป คนที่ทำกรรมไว้มากจะพินาศตายไปจากโลกนี้และเจ้าจงประกาศให้คนรู้โดยทั่วไป ผู้ใดนำเรื่องของข้าไปพิมพ์แจก 1000ใบ ภายใน 15-30 วันมันผู้นั้นจะมีโชคลาภ มีความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนาทุกประการ และผู้ใดรู้ได้อ่าน อย่าคิดว่าเป็นการหลอกลวงหรืดไม่เชื่อและผู้ใดคิดจะพิมพ์แจกผัดวันประกันพรุ่ง หรือเก็บไว้บูชาสวดมนต์เป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว จากวันนั้นหลวงพ่อได้พิมพ์แจก1000ใบหลังจากนั้น 3-4วันเขาได้สำเร็จวิชาต่างๆและคุณดกบินคะประสาทคุปตา พิมพ์แจก 1000ใบเขาได้เงินจากผู้หยิบยืมเขาคือนมา อีกรายพิมพ์แจก 500ใบรายนี้เป็นชาวนาวันหนึ่งเขาไถนา เขาพบไหใบหนึ่งมีทองเต็มไปหมด ส่วนอีกรายพิมพ์แจก100ใบ เขาถูกล็อตเตอรี่ 1ล้านบาท อีกรายถีบสามล้อพิมพ์แจก650ใบเขาเจอแจกันเป็นทอง อีกรายตกงานไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ พอเขาพิมพ์แจก3-4วันเขาได้งานทำได้เป็นงานดีและอีกรายไม่เเช่อฉีกทิ้งหลังจากนั้น 1-2วันลูกชายเขาก็ตาย อีกรายคิดจะพิมพ์ผัดวันประกันพรุ่งจนเลยกำหนด ผู้นั้นเป็นผู้ค้า ทำการค้าก็ขาดทุนแล้วพ่อเขาก็ตายจากไปอีกด้วย และอีกรายพิมพ์แจก1000ใบ ไม่กี่วันเขาก็มีเงินทองแบบไม่น่าเชื่อ อยู่ๆก็มีเงินขึ้นเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบสถ์ของวัดศิรฺประสุประตินาถนี้ต้องคิดด้วยความสัตย์และศรัทธาและความเชื่อถืจะเป็นผลดีแก่ตัว คาถาบูชาดวงชะตา 1.เกิดวันอาทิตย์ อะ วิช สุ นุน สา นุต ติ ชื่อคาถาพระนารายณ์แปลงรูป ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวัน 6จบ 2.เกิดวันจันทร์ อิ ระชา คะ ตะ ระ สา ชื่อคาถากระทู้เจ็ดแบกใช้ทางคงกระพัน สวดวันละ 15 จบ 3. เกิดวันอังคาร ติ หัว จะโต โร ถิ นัง ชื่คาถาฝนเสน่หาใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวัน 5จบ 4.เกิดวันพุทธกลางวัน ปิ สัม ระโล ปุ สัต พุท ชื่อคาถาพระนารายณ์เลื่อนสมุทร ใช้เสกปูนสูญฝี สวดวันละ 17 จบ 5.เกิดวันพุทธกลางคือน คะ พุท ปัน ทุธัม วะ คะ ชื่อคาถาพระนารายณ์พลิกแผ่นดิน ใช้ทางแก้ความผิดสวดวัน 12 จบ 6.เกิดวันพฤหัสบดี ภะ สัม สัม วิ สะ เก ถะ ชื่อคาถาตรึ่งไตรภพ ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวัน 19จบ 7.เกิดวันศุกร์ วา โธ โน อะ มะ มะ วา ชื่อคาถาพระพุทธเจ้าตวาดหิมพานต์ ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวัน 21จบ 8.เกิดวันเสาร์ โส มา ณะ กะ ริ ถาโธ ชื่อคาถาพระนารายณ์ถอดจักร ใช้ถอนคุณไสยศาสตร์ สวดวันละ10จบ
ตามฉันมา...


ดวงใจ..ตามฉันมา..  

ฉันจะพาเธอไปยัง ดินแดนแห่งความสุข...
ไม่จำเป็นต้อง ใส่รองเท้าหรู คู่แพงๆ
ไม่ต้องมีดีเคเอนวาย หรือเวอร์ซาเซ่
ไม่มีน้ำหอม น้ำปรุง..ไม่ต้องหรูไม่ต้องเริด

ไม่..ไม่..และไม่...วัตถุมากมี........
ขอแค่ให้มี....ใจดวงที่สวยใสสงบงาม  
ที่จะมุ่งมั่นไปยัง
ดินแดนแห่งความฝันที่มีจริงบนโลกนี้
ที่ใกล้แสนใกล้แต่เราทุกคนกลับมองข้ามไป....
ที่ที่มีร่มไม้ ทั้งสูง ทั้งต่ำ ที่แสนสวยแสนงาม
เป็นดั่งร่มแวดล้อมคอยปกป้องกางกั้นเธอจากผองภัย
มีดวงใจและน้ำใจมากมีจากกัลยาณมิตร
ที่จะนำทางให้เธอ หลบพักพิงใจใจ..

ไม่นานนัก..เธอจะมีใจดวงดีที่เป็นกลางๆ
ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเซซัง
ไม่ต้องพบกับคำว่าความผิดหวังซ้ำๆซากๆ
จนใจโศกตรม ไม่ต้อง ครวญคร่ำกับคำว่า
ไม่อยากมีชีวิตอยู่  ไม่ต้องกลัวว่าจะมาผิดทาง
เคว้งคว้างเดียวดาย.....

แต่...มีข้อแม้ถ้าเธอ..นั้นยังแกะเปลือกไม่ออก
ยังชอบการหมุนวนแห่งรอยกรรม บางทีเธอนั้นอาจจะยัง
ไม่พร้อม..จนกว่าเธอจะค้นหาเส้นทางชีวิตของเธอเอง...

แต่รู้ไหม!..บางที่มันเสียเวลา
กว่าเธอจะค้นหาเจอด้วยตัวเอง
และบางทีก็อาจจะหมดเวลาและสายเกิน
ก่อนที่จะพบว่าแท้ที่จริงนั้น
ที่คนเราทุกข์หนักกับทุกสิ่งนั้น
เพราะเราแบกมันไว้ ในทุกความอยากมากมี
ที่มีเสน่หาเย้ายวนกวนให้ใจเราลุ่มหลง
และยึดติด ไม่ว่าวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตนี้ที่เราเรียกว่าคน

ความอยากมากมี ที่ อยากจะเป็น อยากจะได้ตามๆกัน
อย่างที่สังคมบ้าวัตถุ..สังคมทุนนิยมสร้างขึ้นมา
เพื่อล่อหลอกให้เรานี้ต้องตกเป็นเหยื่อเพื่อความรวย
ของคนไม่กี่กลุ่ม..และเราต้องชุลมุนหัวหมุนวุ่นวาย
บ้ากันผ่อน..ผ่อนนั่น ผ่อนนี่ ผ่อนหนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
จนกว่าจะแก่ตาย...

เราลองปลดปล่อย..ของหนักลงจากบ่า
ของที่เรายึดติดกันมากมายทั้งทางกายทางใจ

และบางที...
มันหนักเสียจนรวดร้าวเข้าไปถึงดวงใจจนเกินทานทน
จนไม่อยากแม้จะมีชีวิตอยู่...

เขียนเรื่องนี้..เพราะคลิกเข้าไปอ่านกระทู้อกหัก
พลัดพรากจากรักที่ไม่สมหวัง ที่ซ้ำๆช้ำๆตรมๆตรอมๆ
บางคนเสียเวลารักษาเยียวยานานปี
จนกว่าจะรู้ว่าที่แท้นั้นคนที่เราบ้าคลั่งรักปานจะกลืนกินนั้น

เค้ากำลังกลืนกินคนอื่นแทนเรา..
เราเสียเวลาเพราะไม่มีบทเรียนกำกับใจ ไม่มีเกราะกำบังใจ
ให้คิดเป็น ตัดใจเป็นให้รักตัวเอง
และแม่พ่อเป็น กลายเป็นคนอ่อนแอ..และนับวันจะแย่ไม่มีดี
ไม่มีได้อะไร...ที่จะสร้างสรรชีวิตเราขึ้นมาเลย....

ดวงใจ...ตามฉันมาซี..
มานั่งตรงนี้ ที่นี่ มีพันธุ์พงพฤกษ์ไพร
มีดวงดอกไม้รายเรียง มีดวงใจของคนดีๆที่
จะรอประโลมใจเธอให้หายบอบช้ำ...


แสงตะวันรำไร ๆ ธรรมชาติสดใส เขียวชื่นตา
และมวลพลังงานแห่งความหวังจะกระจายโอบรอบตัวเธอ
ให้หลุดพ้น ราวกับมีปุยเมฆสวยสีขาวบางเบา
มาปัดเป่าเห่กล่อมให้เธอนิทรากับทิวาราตรีอย่างผู้รู้ค่าแห่งใจตน..

ธรรมะ..ธรรมชาติๆ ธรรมดาๆ
ที่เธอไม่ต้องลงทุนซื้อหา
แต่จะได้มาเพียงเธอเปิดใจรับมัน...
แทนขยะมากมี ที่กำลังมอมเมาใจเธอให้รกรุงรัง เน่าเหม็น...

ดวงใจ..ที่นี่จะมีพระสงฆ์มากมาย
จะไม่ทำให้เธอหลงทางเสียขวัญ..
ยังมีห้องสมุดทางจิตวิญญาณ ที่เป็นหนังสือ..
ธรรมมะมากมี ที่จะเป็นคำสอนให้เธอค่อยๆเข้าใจ
โลกและชีวิต..

ในไม่ช้า ใจดวงมืดบอดของเธอ จะเจิดจ้า
สว่างดังดวงตะวันแสนงาม และจะมิมีวันมืดดับ
ไม่ว่าจะพานพบพายุร้ายใดๆมากรายกล้ำ กระทบ...

ดวงใจ..
พร้อมหรือยัง ตามฉันมาสิ...
ฉันนี้กำลังเพียรพยายามที่จะเกิดมาให้สมกับคำว่ามนุษษ์
มิใช่แค่คำว่า คน ที่กวนปนอยู่แต่กับความวุ่นวายสับสน
ของกิเลสตัณหา ที่โหมกระหน่ำหนัก                        
มาทุกทิศ ทุกทาง จนโลกบ้าๆใบนี้กำลังบิดเบี้ยว
จนจะขาดเกลียวจากกันอยู่มิช้ามินานแล้ว...

ดวงใจ..ตามฉันมานะ...
ถ้าเธอมีแค่ใจดวงดีอยากลอง อยากลงทุน เพาะบ่มธรรมชาติงาม
ให้รู้ซึ้งค่า แห่งความหมดจดงดงามกับความเป็นไปของโลกและชีวิต...
ที่จะไม่ต้องหมุนวน ทุรนทุรายไม่รู้จบรู้สิ้น...

ค่อยๆขยับตัวเธอนะ..
ค่อยๆแกะเปลือกออกมา
พาดวงใจและความคิด ออกมาค้นหาแก่นแท้ของชีวิต
แล้วเธอจะรู้ว่าแท้จริงไซร้ สิ่งที่เราทุกคนต้องการนั้น...
มันไม่จำเป็นต้องหรูหราราคาแพง ฟุ่มเฟือย
มันมิใช่รถเก๋งแพงแพง
ใช่การแต่งตัวแข่งกัน ใช่การปั้นหน้าจ้ะจ๋า
แต่ใจนั้นแสนเหน็ดเหนื่อยและเดียวดายกับความไม่พอใจ..ไม่สงบสุข...

ดวงใจ..ตามฉันมานะ
ฉันเองอยากจะพาเธอให้หลุดพ้นจากโซ่ตรวน
แห่งความตรอมตรม การหมุนวน
ในรักที่เป็นทุกข์ สาหัสสากรรจ์...จนยากทำใจไหว...

ตามฉันมาซี..คนดี..
ทุกวันอาทิตย์ เธอจะได้พบกับธรรมชาติที่แสนสวย
และธรรมมะที่แสนยิ่งใหญ่
และสองสิ่งนี้จะค่อยๆยึดพื้นที่แห่งความหมองไหม้
ภายในใจของเธอที่หาทางออกไม่พบเจอ..

ทุกสิ่งนั้น..สำคัญที่ใจของเธอ..
ความคิดของเธอ ที่จะลิขิตชีวิตเธอเองใช่ใคร!
ตัดสินใจมาเลยจะดีกว่า!นะ..

ฉันจะรอจะคอยเสมอ..อยู่ตรงนี้.                          
เพื่อเดินไปด้วยกันในเส้นทางแห่งความสุขสีขาว..นิรันดร.....


ชีวิตจริงแม่ดวงดอกพะยอมไพรค่ะ ที่พยายามรักษาจิต
ให้งามนิ่งสนิท สะอาดสว่างสงบ แม้ได้บ้างมิได้บ้าง
อย่างผู้พึงรู้ตนมิพึงต้องอวดอ้างกับใคร
แม้จะยากยิ่งนักแต่ก็เพียรมาหลายปีแล้วและ
จะเพียรต่อไปค่ะ..ด้วยรัก..



  บัวขาว  

เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่
ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา
น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา
ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ
กระท่อมใบไม้!
พุด


กระท่อมใบไม้..
แฝงตัวอยู่บนเนินผา ในหุบเขา..พะงันงาม..
ที่ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เมืองร้อนนานาชนิดสูงใหญ่ เป็นช่อชั้น
ราวป่าดงดิบสลับสล้าง..ใบไม้เขียวพร่างระยิบระยับ..ไปทั้งราวป่า
และ...
งามจับตายามถึงคราฤดูใบไม้เปลี่ยนสี...ที่มีเสียงจิ้งหรีด เรไร
ดนตรีไพรดนตรีธรรมชาติและสายลมอันอ่อนโยนละมุน
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร..อวลไกล..ในยามค่ำ..
.....
ยามเช้า...
ยามอุษาฟ้ากระจ่าง..
เมื่อดวงตะวันสาดแสงสีทอง อันอ่อนอุ่นมาแตะแต้มทายทักโลก..
มวลหมู่นกกา..พลันพรึบพรูโผผินบินว่อนร่อนจากรวงรังออกหาเหยื่อ..
..

สัตว์ป่านานา..ก็พากันเที่ยวท่อง..
จดจดจ้องจ้องออกล่าเหยื่อ..เฉกเช่นกัน
เป็นวิถีอันเป็นธรรมชาติเพื่อดำรงรอด..

ไพรกว้างเงียบงาม....
ซ้องผสาน..เสียงเพลงไพรเสียงสัตว์ไพร ขับขาน
ทั้งดุร้ายและหวานเศร้าคละเคล้าดำดิ่งลึกล้ำงามเงียบไห้ไหยหวน.
สู่ห้วงหฤทัยผู้รักไพรพงเป็นชิวิตจิตใจ..

ธรรมชาติ..เปิดม่าน..
หวานหวานหว่านมนตราเริ่มตั้งแต่ยามทิวา อรุณรุ่ง
มุ่งสู่ราตรีที่ฟ้ากว้างประดับด้วยทางช้างเผือก..
ระดะดาวพราวพร่างเต็มอ้อมฟ้าเต็มอ้อมฝัน..พริบพราวเคล้า
นวลจันทร์กระจ่างฟ้า..เล้าโลมหล้าโลก
ให้มวลมนุษย์คลายโศกหรือยิ่งเศร้าหม่น
สุดแต่คน..แต่ใจใคร..จะไขว่คว้า


กระท่อมใบไม้..
งามง่าย หลังคาจาก โครงเคร่าใช้ไม้มะพร้าวที่หักโค่น..
มาเป็นเสาค้ำตั้งรับสอดประสาน...ใช้ทุกส่วนให้งามอย่างคุ้มค่า
ฝา..คือไม้ไผ่ขัดแตะอย่างละเอียด
และยิ่งละเมียดละไมด้วยเสื่อจูดสานสวยซ้อนทับ..อีกชั้น..
กันสายฝนแรงรับลมพายุ..

ไม่มีโต๊ะ ตั่งเ ตียง..มีเพียงเสื่อสานละเอียดปูฟูกที่นอนขาว กับหมอนอีกใบ..
มีมุ้งที่บัดนี้หอบขึ้นไปผูกไว้ ยามมิได้ใช้งาน..ก่อนนอน..

หัวนอน..
มีขอนมะพร้าว..เตี้ยๆไว้วางของจุกจิกไม่กี่ชิ้นจำเป็น
มีตะเกียงเทียนเหลือเทียนครึ่งเล่ม..เพียงนั้น
กับขันทองเหลืองที่เจ้าของกระท่อมทับ
ใช้จัดใส่ดอกไม้ไทยรายรอบนานาพรรณ
ที่บัดนี้พลันพากันมาหอมอวลคละคลุ้ง จรุงไปทั่วทั้งกระท่อม

กับสายลมเย็นยามค่ำ
กับยามที่พรายวสันต์เพิ่งราเม็ดพร่างพรมห่มไปทั่วทั้งราวไพร..ให้ฉ่ำเย็น..


ทางขึ้นกระท่อมนั้น..
ดังพรมสวรรค์สีเขียว..ของหญ้ามอสส์สอดแทรก
ตามปุ่มปมหินแง่งาม ที่เกาะเกี่ยวให้ไต่ตาม ค่อยๆเลี้ยวเลาะ..
ให้สงบ..ให้ผ่อนคลาย ...

ทุกก้าวย่าง...ในอ้อมเขียวเรียวไพลเรียวใบไม้ไหวระยับ..
ทุกฝีเท้า..ของผู้โชคดี...
ที่ได้ละลดวางและหลีกลี้หนีจากความวายวุ่นจากสังคมเมือง..

เสมอเหมือน
กำลังได้สลัดแอกใจ อันอ่อนล้า
ที่โหยหา แสวงหาธรรมชาติเย็น..
ชุบชื้นชื่นชีวีต..ชุบดวงจิตดวงใจ
ชุบจิตวิญญาณ ชุบใสงามดื่มด่ำฉ่ำเย็น
ให้ระรินไหลเข้าเบื้องลึกภายใน
ให้พลันสดใสตระการราวแก้วงามแก้ววิเศษ

ที่จะพรายพร่างนำทางใจ..สู่ สว่างใส สงบ.พบ.ร่มชีวี..
ที่ดั่งหยาดน้ำทิพย์..ที่ละลายร่าง ไร้ร้างตัวตน
ให้ห่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ในทุกวันทุกสิ่งมากมีที่ไม่จีรังยาวยืน..


ร่างกาย..
ร้อนรน..ได้ผ่อนคลาย
ดวงใจได้นิ่งงันผ่อนพัก พึ่งพิงธรรมชาติไพร
เกิดใสงามสวยสดเป็นธรรมดาใจธรรมชาติงาม..อันมิรู้สิ้นรู้จบ
.........
เส้นทางสายสวย..สู่กระท่อมใบไม้.
ราวเส้นทางสายสวรรค์สรวง

กระท่อมใบไม้ ...ที่ไร้ร้างในสายตาคนเมือง
ผู้นิยมวัตถุมากมี..หามาประดับบารมีให้เป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตา.

กระท่อมใบไม้..
ที่ไม่สิ้นเปลืองผลาญพร่าทรัพยากรธรรมชาติ
หากเพียงแค่ได้เอนอิงเอื้อโอบใจไปพร้อมกัน..เป็นหนึ่งเดียว..
ให้นวลเนื้อใจละไมละมุน..ในงามง่ายนั้นมิมีวันสิ้นสุดรัก..สุดงาม!
...........

กลางกระท่อม..
กลางเงาเทียนวูบไหว
ในร่มเงาไม้ให้สงบเงียบ

มีร่างงามเรียบนอนสยายผม
มีดวงดอกไม้แนบนวลแก้ม
มีเรียวรอยยิ้มพริ้มพราย
คล้ายรอรับจูบละเมียดละไมจากชายในฝันในดวงใจ..
.....................

ตามมาสิทุกดวงใจ..
มาฟังเสียงนกไพร
ฟังเสียงดุเหว่าแว่วหวาน
ดูเงาดาวทอแสงนวลใย
แข่งกับหยาดเพชรพราวในดวงตาดวงใจของนางไพรอันเป็นที่รัก
ยามสะอื้นอ้อนหารักครางครวญ..

พระจันทร์หวานคงอิจฉา..
ราตรีคงเงียบงัน...
ฟากฟ้านั้นเลิกหมองหม่นชั่วครู่
ลมคงหยุดพัดไหว ใบไม้คงปลิดปลิวโปรยพร..เพื่อสองเรา..ตราบชั่วกาล..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท