จากเรื่องน่ายกย่องของชาวน่านเมื่อตอนที่แล้ว
ก็มาถึงเรื่องน่านิยมของชาวนนทบุรี ชาวนนท์ในที่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่เป็นสมาชิกของโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษานนทบุรี เขต ๑
และคณะทำงานทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำ KM เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรทางการศึกษา
ซึ่งมีหน้าที่หลักในการก่อให้เกิดกระบวนการ "การเรียนรู้ร่วมกัน"
ในทุกขั้นทุกตอนของการทำงานทีเดียว
ย้อนไปเมื่อวันที่ ๒๑-๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ที่ดิฉันได้มีโอกาสไปสังเกตการณ์ ตลาดนัดความรู้สู่การพัฒนาเครือข่ายคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษานนทบุีรี เขต ๑ รุ่นที่ ๒ ที่จัดขึ้น ณ โรงแรมโกลด์เด้นบีช จังหวัดเพชรบุรี และได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำเสนอประสบการณ์ ในการจัดการเรียนการสอนของ โรงเรียนเพลินพัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่อยู่ในเขตตลิ่งชัน อันมีชายแดนติดต่อกันกับจังหวัดนนทบุรี
จุดร่วมของโรงเรียนทั้ง ๒๗ โรงที่พบก็คือ การมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิบัติ ตั้งแต่เรื่องของวิธีการทำงานว่าทำอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ จนกระทั่งถึงการได้ค้นพบว่าเครือข่ายที่มาทั้งหมดมีทรัพย์อะไรอยู่ในมือบ้าง ใครพร้อมให้ในเรื่องใด ใฝ่รู้ในเรื่องใด และทั้งหมดจะเกื้อกูลกันต่อไปในลักษณะใด
การมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในครั้งนี้ ช่วยให้ทุกคนเกิดความมั่นใจในการกลับไปรดน้ำ พรวนดิน ให้เมล็ดพันธุ์KM ในถิ่นตนมีความงอกงาม หยั่งรากลึกลงไปในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น
หน้างานการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาตามบริบทของโรงเรียน
หน้างานการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
หน้างานการปฎิรูปการเรียนรู้ด้วยMI
หน้างานการใช้ICTเพื่อการเรียนรู้
หน้างานการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
หน้างานการสานสายใยครูและศิษย์
หน้างานการนิเทศการสอน
ซึ่งหน้างานทั้งหมดนี้คือทุกหน้างานที่จำเป็นสำหรับความเป็นโรงเรียน และการพัฒนาให้งานของโรงเรียนทั้งหมดเดินหน้าไปสู่การก่อเกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้ทุกส่วนงานของโรงเรียนกลายเป็นพื้นที่ที่มีการจัดการความรู้ เครือข่ายของโรงเรียนในเขต ๑ ทั้งหมดจะสัมพันธ์กันในลักษณะของโครงข่ายระบบนิเวศที่ทุกโรงเรียนจะเข้ามาช่วยกัน อุ้มความสมบูรณ์ในชุดความรู้ที่ตนมีความถนัด แล้วถ่ายทอดประสบการณ์สู่กัน ในรูปของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่จะช่วยให้ทุกคนได้เติบโตไปด้วยกัน อย่างที่ไม่มีใครทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
ปฏิบัติการในครั้งนี้จึงเป็นการก้าวเดินไปบนหนทางของการปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริง ที่ต้องเริ่มสร้างการจัดการความรู้ให้เกิดขึ้นกับทุกตัวบุคคล กับทุกวิธีคิดที่ใช้ในการทำงานอันเป็นสภาพแวดล้อม ที่จะสร้าง"การศึกษา"ให้เกิดขึ้นกับทุกผู้ทุกนาม เพื่อให้สิ่งที่เรียกว่าการจัดการความรู้นี้ปฏิบัติกันจนกลายเป็นวัฒนธรรมของคนในองค์กร จนกลายเป็น"เรื่องจริงของชีวิต"ของเยาวชนที่เขาพบเห็นจนเจนใจ และได้เข้าร่วมอยู่ในกระบวนการจนซึมซาบเข้าไปในความรู้สึกนึกคิด จนเกิดกลายเป็น"เช่นนั้น"
เพราะการจัดการความรู้ไม่ใช่เรื่องที่ทำไปเื่พื่อตอบโจทย์ตัวชี้วัด แต่เป็นเรื่องที่ต้องสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับที่ลึกลงไปถึงทิฏฐิ ที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยแรงกระทำแต่เพียงผิวเผิน
ไม่มีความเห็น