สาธุเด้อ...คุณท่านพระศรีอารยราช
ขันหมากเบ็ง ข้าน้อย...ยอไหว้ใส่หัว
ขอพระภูมินทร์ไท้มิ่งขวัญไทยอย่าหมองหม่น
คนบาปหลายคึดฮ้ายขอให้พ่ายหลีกไป.
เพิ่นว่าบุญบาปนี่มันหากห่างกันไกล
ไผดวงใจมีธรรมต่อนบุญสิหนุนไว้
ซื่อว่าคนบุญนี่แม่นฝังดินกะหม่นออก
ซาดที่คนบาปฮ้ายแม่นแขนฟ้าห่ากะกิน.
ขันหมากเบ็ง
หรือ ขันหมากเบญจ
คือพานพุ่มดอกไม้ที่ใช้เป็นพานพุ่มบูชาในพิธีกรรม
และบูชาพระรัตนตรัยในวันอุโบสถ หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
รวมทั้งการนำไปบูชาวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
โดยนำไปวางไว้ตามเสารั้ววัด หรือหลักเส (ธาตุ ทำด้วยไม้แก่น
แกะสลักสวยงามเจาะให้เป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดสี่นิ้วฟุต
สำหรับบรรจุอัฐิ) ซึ่งนิยมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
และวันสงกรานต์
ขันหมากเบ็ง
คือพานพุ่มใส่ดอกไม้ หรือเครื่องบูชา ๕
อย่าง ได้แก่ หมาก พลู ธูป เทียน ข้าวตอก ดอกไม้ อย่างละ ๕ คู่
ใช้ใบตองทำเป็นซวย (กรวย) – บายศรี
ใช้ใบตองรีดซ้อนกันให้เป็นรูปคล้ายเจดีย์
ทำเป็นสี่มุมรวมทั้งตรงกลางเป็น 5 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๖ นิ้ว
สูง ๖-๘ นิ้ว ประดับประตูด้วยเครื่อง ๕ อย่าง ดังได้กล่าวแล้ว
ไว้บนยอดแหลมของบายศรี-กรวย-ซวย
เรียงลดหลั่นลงมาตามลำดับเพื่อความสวยงาม
ดอกไม้ซึ่งเป็นที่นิยม เช่น ดอกดาวเรือง
(จะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง) ดอกสามปีบ่อเหนี่ยว
(ดอกบายไม่รู้โรย) เชื่อว่าจะทำให้อายุมั่น ขวัญยืน
แต่ปัจจุบันเห็นนิยมใช้ดอกรัก (ทำให้เกิดความรัก)
วิธีการใช้ขันหมากเบ็ง-เบญจ์
-ใช้เป็นเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย
-ใช้เป็นเครื่องสักการะอยู่ในเครื่องพลีกรรม ไหว้ครู บอกผี
(เซ่นสรวงดวงวิญญาณ)
-บูชาวิญญาณบรรพบุรุษ โดยนำไปบูชาตามหลักเส (ธาตุ) ที่บรรจุอัฐิ
(กระดูก)
-เป็นเครื่องให้พิจารณาเตือนคนได้ พิจารณาเบญจขันธ์คือ รูป เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ
รูป คือ
ร่างที่คลุมรวมกันไว้ด้วยธาตุ ๔ อันเป็นส่วนที่ปรากฏด้วยตา
เวทนา
การเสวยอารมณ์ รู้สึกสุข เดือดร้อน เจ็บ แค้นใจ เบิกบาน เฉยๆ
สัญญา
รู้และจำอารมณ์ที่ผ่านอวัยวะทั้ง ๖ เข้ามาแล้วบันทึกไว้ในใจ
สังขาร
สภาวะปรุงแต่งวิญญาณ ผู้ก่อกรรมเกิดรูปนามติดต่อไป
วิญญาณ
รู้แจ้งอารมณ์ภายในที่สัมผัสปัจจัยภายนอก
พ่อบำเพ็ญ ณ อุบล ได้อรรถาธิบายเพิ่มเติมว่า นอกจากใช้ขันหมากเบ็ง
เป็นเครื่องสักการระบูชาพระรัตนตรัยแล้ว
ยังใช้ในการกราบไหว้ผู้ที่เคารพอย่างสูงอีกด้วย โดยมีเหตุผลว่า
-การกราบโดยทั่วไป เป็น “ นามธรรม ”
(เพราะเมื่อกราบเสร็จเหตุการณ์ก็ผ่านไป)
-การกราบบูชาด้วยขันหมากเบ็ง เป็น “ รูปธรรม
” เพื่อให้การกราบคงอยู่ในรูปขันหมากเบ็ง
ดังนั้น การกราบบูชาด้วยขันหมากเบ็ง
จึงเสมือนการกราบด้วยเบ็ญจางคประดิษฐ์ เป็นเครื่องเบ็ญจขันธ์
เวลาหลายปีที่ผ่านมา ชาวอุบล
ได้ใช้ขันธ์หมากเบ็งเพื่อสักการบูชา ตามความหมายดังกล่าวข้างต้น
ในงานต่างๆ เช่น
-สักการะเทียนหลวงพระราชทาน
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา
-การบวงสรวงสักการะพระปทุมวรราชสุริยวงศ์
(เจ้าคำผง) ผู้สร้างเมืองอุบลฯเจ้าเมืองคนแรก
-ถวายสักการะ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์
ล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ งานพิธีบายศรีเฉลิมพระขวัญฯ
ภาพจำลองเคลื่อนที่ งานแห่เทียนพรรษาฯ
-ถวายสักการะ
พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “
งานราชภัฎมหกรรมวิชาการ เฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษามหาราชินี
ด้านวัฒนธรรม ” ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๗
นอกจากนี้ยังใช้ขันหมากเบ็ง เป็นเครื่องสักการบูชาในวาระสำคัญต่างๆ
อีกด้วย
อาจจะกล่าวได้ว่า “ การบายศรีสู่ขวัญ ” และการสักการบูชาด้วย “
ขันหมากเบ็ง ”
ชาวอีสานได้ยึดถือเป็นประเพณี
และปฏิบัติสืบเนื่องมาตลอดถึงปัจจุบัน
ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่ายิ่งของชาวอีสาน
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้ชำนาญการในการจัดทำ “
พานบายศรี ” หรือ “ พาขวัญ ” และ “ ขันหมากเบ็ง ” มีจำนวนน้อย และอายุมากแล้ว ควรที่จะมีการสืบทอดจัดกิจกรรม “
การพัฒนาอาชีพบายศรีอีสานแบบบูรณาการสู่ชุมชน ”
เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานโดยนำมาประยุกต์กับศิลปะยุคใหม่ให้เกิดความประณีตสวยงาม
อ่อนช้อย สร้างอาชีพ ให้เกิดรายได้แบบยั่งยืน เป็นการส่งเสริม
“ วัฒนธรรมาชีพ ”
ก่อประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม สืบไป
(แม่ใหญ่เฮ็ดขันหมากเบ็งขายที่ อ.ธาตุพนม)
อานิสงส์ถวายหมากเบ็งบูชา
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้เสด็จประทับอยู่ในวิหารเมืองสาวัตถีพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์๕๐๐รูปเป็นบริวารครั้นพระเจ้าปัสเสนทิโกศลได้ทรงตบแต่งดอกไม้ของหอมพร้อมกันยังขันหมากเบ็งมีข้าวพันก้อนด้วยความประณีตบรรจงเสด็จไปถวายแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขพร้อมข้าราชบริพารทั้งหลายเมื่อถวายเสร็จแล้วพระเจ้าปัสเสนทิโกศลได้กราบทูลถามถึงผลอานิสงส์ของการสร้างหมากเบ็งบูชาแก่สมเด็จพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกจะมีอานิสงส์เป็นอย่างไร
พระพุทธองค์ทรงตรัสพระธรรมเทศนาว่า “ ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภารบุคคลใดมีใจศรัทธาใคร่จะทำหมากเบ็งกับข้าวพันก้อนถวายบูชาพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ผู้นั้นเมื่อทำลายขันธ์ไปแล้วก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์เสวยทิพย์สมบัติเป็นสุขสิ้นกาลช้านาน ดังกับหญิงผู้หนึ่ง ซึ่งได้ถวายหมากเบ็งบูชาพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้นทำกาลกิริยาตายไปก็บังเกิดในดาวดึงส์เทวสถานมีวิมานทองสูงสิบสองโยชน์มีนางฟ้าพันหนึ่งเป็นบริวารได้เสวย ทิพย์สมบัติ มากมายดังนี้แลดูกรมหาบพิตรอันบุคคลได้ให้หมากเบ็งบูชาพระรัตนตรัยมีผลมากนักเป็นสำดับชั้นตามขั้นหมากเบ็งคือว่าเมื่อตนได้ตายไปจากมนุษย์โลกนี้แล้วก็ไปอุบัติในบนสวรรค์ชั้นจตุมหาราช เมื่อจุติจากชั้นจาตุมหาราชแล้วก็ได้ไปอุบัติขึ้นในชั้นดาวดึงส์ จนถึงชั้นกามาพจรเป็นที่สุดตามบุญกุศลที่ตนได้กระทำไว้ได้เสวยสมบัติทิพย์มีวิมานอันงามวิจิตร และมีนางเทพกัญญาอัปสรแวดล้อมเป็นบริวารนานได้ ๙ ล้านปีในเมืองมนุษย์จะมีร่างกายผ่องใสปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สมความปรารถนาทุกประการ”.......................... http://www.84000.org/anisong/22.html
มาเก็บความรู้ค่ะ น่าสนใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นค่ะ
สวัสดีครับ มาร่วมเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณี และข้อคิดคติ จากขันหมากเบ็ง ครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณความรู้เรื่องขันหมากเบ็งครับ