ท่านผู้อ่านและผู้สนใจทุกท่านครับ
ปัจจุบันมีโรงเรียนเป็นจำนวนไม่น้อย
ที่ยังจัดระบบการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนไม่เป็น
เมื่อมีการประเมินภายนอก รอบ ๒โดยสมศ.จึงไม่ได้รับการรับรอง
ส่งผลให้ผู้บริหารโรงเรียนอึดอัดและเป็นกังวัลเอามาก
แต่ก็มีโรงเรียนเป็นจำนวนมากสามารถจัดระบบประกันคุณภายในโรงเรียนครบสมบูรณ์
ส่งผลให้นักเรียนมีคุณภาพ เมื่อ
สมศ.มาประเมินก็ได้รับการรับรองอย่างน่าพอใจ และทุกคนชื่นมื่น
ลองมาดูแนวทางการจัดระบบประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนอนุบาลปรางค์กู่
โดย ผอ.วัชรินทร์ กอกหวาน ดูซิ
จัดระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาอย่างไร
ปัญหา
ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน จากการสำรวจ ปรากฏว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยรวม ต่ำ และการประเมินภายนอกรอบที่ 2 ไม่ผ่านเกณฑ์ ท่านจะวางแผนการประเมินภายนอกรอบที่ 3 อย่างไร
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์การประเมินภายนอกของ สมศ. นั้น ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องมีภาวะผู้นำในการบริหารจัดการ โดยดำเนินการจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ตามกฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา (Quality Assurance) มีการดำเนินงานโดยยึดหลักการมีส่วนร่วม 8 ประการ ดังนี้
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้บรรลุถึงมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดไว้ (ทั้งระดับชาติ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน/ปฐมวัย ระดับเขตพื้นที่การศึกษา หรือระดับสถานศึกษาที่กำหนดขึ้นเพิ่มเติมตามบริบท หรือเอกลักษณ์ของสถานศึกษา) หัวใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพ คือ การสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนักถึงความจำเป็นของการทำงานเป็นกลุ่ม ทำงานอย่างมีระบบ และทุกคนต้องถือเป็นหน้าที่ที่จะปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง จัดทำข้อมูลสารสนเทศในส่วนที่รับผิดชอบ ใช้ข้อมูลสารสนเทศนั้นให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนางานเป็นประจำ มีการเก็บรวบรวมข้อมูล และจัดหมวดหมู่ข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้บรรลุถึงมาตรฐานที่กำหนดนั้น ต้องมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ (Strategic Plan) ที่ทุกกิจกรรม / โครงการ / งานมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การยกระดับคุณภาพผู้เรียนทุกด้าน มีการพัฒนาด้านปัจจัยให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรรหาให้เพียงพอ ดูแลรักษาให้ใช้ได้อยู่เสมอและปลอดภัยในการใช้ ประการสำคัญต้องมีระบบและกลไกการปฏิบัติงานตามแผน รวมทั้งติดตามกำกับการดำเนินงานอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง
กระบวนการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกระบวนการทบทวน กลั่นกรอง ตรวจสอบ เพื่อให้คุณภาพเกิดผลที่เป็นเลิศ ผู้บริหารโรงเรียนควรปฏิบัติตามวงจร P D C A ของ damming ดังนี้
1. P (Plan) การวางแผน มีการดำเนินงาน ดังนี้
- สำรวจสภาพปัจจุบันของปัญหาในกรณีปัญหาคุณภาพ (ผลสัมฤทธิ์)ที่ยกขึ้นเป็นหัวข้อเรื่องยังไม่ชัดเจน และหรือเพื่อกำหนดเป้าหมาย
- กำหนดขอบเขตของปัญหาให้ชัดเจน และหาสาเหตุที่แท้จริง
- กำหนด วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย
- กำหนดการประชุมปรึกษาหารือเพื่อวางแผนร่วมกัน
- มอบหมายหน้าที่ที่รับผิดชอบให้นักเรียน ครูและบุคลากร
- กำหนดวิธีการแก้ไขที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย (วิธีเก็บ วิเคราะห์ข้อมูล วิธีการที่จะใช้)
2. D (Do) ปฏิบัติตามแผน มีการดำเนินงาน ดังนี้
- การกำหนดการ ปฏิทินปฏิบัติงาน
- การแยกแยะกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการปฏิบัติ
- กำหนดเวลาที่คาดว่าต้องใช้ในกิจกรรมแต่ละอย่าง
- การจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ
- การจัดการที่ดี
- ดำเนินการตามมติที่ประชุมสมาชิก
- ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
- เก็บข้อมูล ศึกษาข้อเท็จจริงในสาเหตุของปัญหานั้น ๆ
3. C (Check) การประเมินผลการปฏิบัติงาน ทำให้ทราบสภาพการณ์ของงานที่เป็นอยู่ เปรียบเทียบกับ สิ่งที่วางแผน มีการดำเนินงาน ดังนี้
- กำหนดวัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ
- เก็บรวบรวมข้อมูลหลังการดำเนินงาน
- นำข้อมูลมาเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการแก้ไข
- เปรียบเทียบผลที่ได้รับกับเป้าหมายที่วางเอาไว้
- ยืนยันผลลัพธ์
- บันทึกผล การรายงานและเสนอผลการประเมิน
4. A (Act) การแก้ไขปัญหา หากพบว่าผลการตรวจสอบมีข้อบกพร่องทำให้งานไม่ตรงเป้า ผลงานไม่ได้มาตรฐาน ให้ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาตามลักษณะปัญหาที่พบ เพื่อให้ผลงานได้มาตรฐาน โดยใช้มาตรการดังต่อไปนี้
- การย้ำนโยบาย แนวทางปรัชญา
- ปรับปรุงระบบหรือวิธีการทำงานหรืออุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ให้มีประสิทธิภาพ
- ปรับมาตรฐาน /มาตรการ
- วางมาตรการทำงานเพื่อไม่ให้ผิดพลาดหรือเกิดปัญหา ถ้าหากไม่บรรลุตามเป้าหมาย
ให้ร่วมพิจารณาประชุมวางแผนใหม่
การพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความรู้ และอยู่เป็นสุข นั้น ควรจะมีปัจจัยสนับสนุน ดังนี้
ผู้บริหารสถานศึกษา จะต้องใช้หลักการบริหารตามแนวทางหลักธรรมาภิบาล หรือระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี (Good Governances) มี 6 ประการได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
สำหรับด้านครูผู้สอน นั้น นอกจากจะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวทางปฏิรูปการเรียนรู้แล้ว จะต้องจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งด้านวิชาการ วิชางาน และวิชาชีวิตไปพร้อม ๆ กัน กล่าวคือ
และที่สำคัญยิ่ง ทั้งสถานศึกษา และครูผู้สอนจะต้องมีการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้กระบวนการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน นอกจากนี้ต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ทั้งในและนอกห้องเรียน จัดสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและสื่อการเรียนรู้ รวมทั้งแสวงหาแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ ในชุมชน ตลอดจนใช้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรเอกชน และหน่วยงานอื่น ๆ ในการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จแห่ง
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดอย่างแท้จริง เข้มแข็งและยั่งยืน
ให้คำแนะนำที่ดีค่ะ ถ้าผบ.จัดการตามนี้เยี่ยมเลย ขอบคุณ
เป็นกระบวนการที่เยี่ยมยอดค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ต้องนำสู่การปฏิบัติถึงจะเกิดผล
เป็นกระบวนการที่เยี่ยมยอดค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง