เป็นที่ทราบกันดีว่า หากจะเป็นนักเรียนนายร้อยจะต้องเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารก่อนจึงจะเข้าโรงเรียนนายร้อย จปรหรือสามพรานได้ แต่ในการเรียนแพทย์นั้น พอจบ ม.6 แล้วสามารถสอบเข้าเรียนในคณะแพทย์ได้ ก็จะได้เป็นนักเรียนแพทย์ ในโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ
ผมเคยเสนอเรื่องการเรียนแพทย์ของออสเตรเลียที่ได้ดูงานเมื่อปลายปีที่แล้ว ต่อที่ประชุมคณบดีของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ทางออสเตรเลียเขาใช้โรงพยาบาลที่ให้บริการเป็นที่เรียนแพทย์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเพยาบาลขนาดใหญ่ถึง 400 เตียงอย่างบ้านเราและเขาสามารถใช้คลินิกเอกชนร่วมเป็นแหล่งฝึกการเรียนแพทย์สาขาเวชปฏิบัติทั่วไปหรือเวชศาสตร์ครอบครัวได้ด้วย รวมทั้งในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของเขาโดยการชักชวนนักเรียนมัธยมเข้ามาร่วมกิจกรรมเพื่อเรียนรู้ชีวิตของแพทย์ในชุมชนเพื่อจูงใจให้เลือกเรียนแพทย์ รวมทั้งมีการจูงใจในด้านอื่นๆด้วยเพื่อให้แพทย์สามารถอยู่ในชนบทได้นานขึ้น รายละเอียดจะอยู่ในเรื่องเล่าจากออสเตรเลียแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ผมนำเสนอในวันนั้นก็คือการทำโรงเรียนเตรียมแพทย์ เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกประสบการณ์และพิสูจน์ตนเองว่ามีความรักในวิชาชีพแพทย์จริงหรือไม่หรือเรียนไปเพราะตามกระแส ซึ่งท่านอธิการบดี(อาจารย์มณฑล)ท่านก็เห็นด้วย
พอดีมีเรื่องODOD : One District One Doctor ของรัฐบาลขึ้นมา โดยจะให้โควตาเด็กนักเรียนอำเภอละ 1 คน เพื่อเข้าเรียนแพทย์และจบแล้วปฏิบัติงานในอำเภอของตนเอง โดยเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนแพทย์อีก 4,500 คน ใน 10 ปี พร้อมกับการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แห่งใหม่อีก 8 แห่ง โดยการให้มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการเป็นแหล่งเรียนชั้นปรีคลินิกและใช้โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเป็นแหล่งเรียนชั้นคลินิก เหมือนกับที่ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำอยู่ (แต่ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรกำลังจะขยายโรงพยาบาลของตนเองขึ้นมา ในขณะที่ที่อื่นกำลังทำตามอยู่และเป็นเทรนด์ที่ต่างประเทศก็เริ่มทำตามเช่นกัน) โดยแพทย์ที่เป็นแพทย์ทุนโอดอดนี้จะเรียนฟรี มีค่าใช้จ่ายให้เดือนละ 8,000 บาท จบแล้วต้องใช้ทุนทำงานในโรงพยาบาลของรัฐในอำเภอตัวเอง 12 ปี หรือปรับ 1.8 ล้านบาท โดยทำงานไป 4 ปีแล้วจึงจะขอไปเรียนต่อในสาขาหลักๆได้
ผมก็เลยขอเสนอโครงการโรงเรียนเตรียมแพทย์ เข้ามาในโครงการนี้ โดยให้โรงพยาบาลอำเภอร่วมกับโรงเรียนมัธยมได้จัดกิจกรรมหรือตารางเรียนร่วมกันเพื่อให้เด็กนักเรียนที่สนใจมาเข้าเรียนวิชาเตรียมแพทย์ก่อนตั้งแต่ชั้น ม.4-6 ร่วมไปกับการเรียนตามปกติและมีการติววิชาที่จำเป็นต้องใช้เรียนและสอบเข้าแพทย์เพื่อสร้างความเข้มแข็งในทางวิชาการ ในส่วนการเรียนเตรียมแพทย์นั้น จะเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ชุมชน รู้ปัญหาสุขภาพของชุมชน รู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน รู้จักโรงพยาบาล สถานีอนามัย เรียนรู้ชีวิตการเป็นแพทย์จากแพทย์พี่เลี้ยงในโรงพยาบาลชุมชน ทั้งนี้หากสามารถคัดเลือกตั้งแต่ชั้น ม.4 เลยก็จะดีมาก ในส่วนสถานที่เป็นโรงเรียนเตรียมแพทย์นั้นเน้นคัดเลือกโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดสัก 1 แห่งที่มีความพร้อม แพทย์อยู่นาน โดยให้เด็กนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกมาเรียนชั้นม.4-6 ที่เดียวกันและเข้าโรงเรียนเตรียมแพทย์ที่เดียวกัน เน้นให้เขารู้จักคนก่อนที่จะรู้จักไข้ รู้จักหัวใจของความเป็นมนุษย์ก่อนที่จะรู้จักเครื่องมือแพทย์หรือมีดผ่าตัด
หลังจากที่จบแพทย์มาทำงานใช้ทุนยาวนานถึง 12 ปี น่าจะให้เป็นการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวร่วมไปกับการทำงานได้เลย มีการจัดคอร์สอบรมสนับสนุน มีแพทย์พี่เลี้ยง จะทำให้เขาไม่ต้องลาไปศึกษาต่อนอกพื้นที่อีกและก็สามารถได้วุฒิบัตรได้ด้วยซึ่งทางวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวจะสามารถเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้เรียน อาจารย์หมอติ่ง
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ สมัย JJ เรียนที่จุฬาฯ สองปีแรก เรียกว่า "เตรียมแพทย์" ครับ มีเพื่อนบางคนออกไปสอบเรียนต่อที่อื่นครับ เพราะท่านเรียนแล้วไม่ถูก Spec กับชีวิตท่านครับ ไม่ทรมานไปตลอดชีวิตที่
"ทำเพื่อสังคมครับ"
อยากเป็นเเพทย์มากตอนนี้เรียนอยู่ม.2ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างค่ะ
อยากเรียนแพทย์มากค่ะแต่เรียน กศน จะมีโอกาสไหมคะ
ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะขอบพระคุณค่ะ
เคยมีแพทยืรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง ก็เรียนกศน.ในระดับป.6 และ ม.3 แล้วเข้าโรงเรียนมัธยม4-6 สามารถสอบติดแพทย์เชียงใหม่ได้ครับ
ไม่ได้อยู่ที่ที่เรียนแต่อยู่ที่คะแนนสอบและคุณสมบัติได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือเปล่าครับ ลองศึกษาเกณฑ์และระดับคะแนนดู แต่ยังไงก็ต้องสอบเอเน็ต โอเน็ตครับ
ตอนนี้หนูอยู่มัธยมศึกษาปีที่1 เองเเต่อยากเป็นหมอมากเลยเลยเข้ามาดูเว็บนี้ดีมากเลย
ดีใจมากๆเลยครับ อยากเป็นหมอมาก อีกอย่างทางบ้านเป็นร้านเภสัชและมีญาติเป็นหมอเยอะมาก จึงได้ซึมซับวิถีชีวิตของแพทย์อยู่ตลอด ตอนนี้อยู่ ม.3 ครับ อยากให้มีโรงเรียนเตรียมแพทย์มากเลยครับ เพราะบางคนไม่เก่งวิชาการ แต่ปฏิบัติเป็นเลิศ แต่บางคนวิชาการเก่งแต่ไม่รักในวิชาชีพแพทย์ ทำงานเพื่อให้ตนเองรวย ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ เรียนจบมาก็ไร้ประโยชน์ครับ ปล่อยให้คนที่มีใจรักและพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตนมาช่วยเหลือผู้อื่นดีกว่าครับ ขอให้อนุมัติเร็วๆนะครับ เรื่องโรวเรียนเตรียมแพทย์ ผมจะเข้าไปเรียนด้วยครับ แล้วว่างๆจะไปถามความเห็นจาก รศ.พญ.ภิรมย์ สุคนธาภิรมย์ ณ.พัทลุง ซึ่งเป็นยายของผมเองครับ ตั้งเร็วๆนะครับ โรงเรียนเตรียมแพทย์
อยากเรียนปรึกษาค่ะ ลูกสาวอยากเป็นหมอ แต่พลาดวิชาคณิตฯ ตอนนี้อยู่ปี 1 จุฬาฯ(ครุศาสตร์) คุยกับแม่ว่าไม่ค่อยชอบ อยากมาซิ่วหมออีก อยากเรียนเคมี ชีวะ เพราะมีความสุขกับสายวิทย์ เลยแนะนำให้ลูกไปพบอาจารย์หาทางออก จะดรอป หรือลาออกเพื่อมาเตรียมตัวสอบเลยดีใหม อีกประมาณ 2 เดือน จะสอบแล้ว ถ้าจะจับปลา 2 มือกลัวไม่ดีสักอย่าง ตอนนี้ลูกกำลังต้องการคำปรึกษาค่ะ