ข้าราชการครูมีโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการทางหนึ่งคือ
การจัดทำผลงานทางวิชาการเสนอขอรับการประเมินเพื่อกำหนดตำแหน่งให้สูงขึ้น
ซึ่งตามหลักเกณฑ์นี้ทำให้ครูพยายามทำผลงานกันเป็นจำนวนมาก
จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้ครูพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน
แล้วจึงนำเสนอผลงานที่ดีเหล่านั้นเสนอเป็นผลงานทางวิชาการ
แต่เมื่อการทำผลงานทางวิชาการแพร่หลายและได้รับอนุมัติกันมากขึ้น
ทำให้ครูบางคนที่ไม่ได้มีผลการปฏิบัติที่ดีตามเกณฑ์ที่กำหนดเกิดกิเลสเข้าครอบงำ
อยากได้ประโยชน์เหมือนกับคนอื่นบ้าง จึงพยายามใช้วิชามารหลาย ๆ วิธี
เช่น จ้างบุคคลหรือบริษัทรับจ้างทำ ลอกเลียนผลงานของผู้อื่น เป็นต้น
ซึ่งถือว่าเป็นความเสื่อมเสียด้านคุณธรรมจริยธรรมในวิชาชีพครูอย่างมาก
แม้กระทรวงจะพยายามลงโทษบุคคลเหล่านี้
แต่ก็ยังมีข่าวเกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจำ
มีตัวอย่างหนึ่งที่พูดล้อเลียนกันเกี่ยวกับการลอกผลงานวิชาการของครูจังหวัดน่านที่ลอกผลงานทางวิชาการของครูจังหวัดแพร่
ที่ผ่านการประเมินผลงานเป็นอาจารย์ 3 เรียบร้อยแล้ว
โดยการเปลี่ยนชื่อเรื่องและปกผลงานใหม่เท่านั้น
และคิดว่ากรรมการประเมินคงไม่รู้เพราะอยู่กันคนละจังหวัด แต่เพื่อไม่ให้กรรมการจับได้
จึงพยายามดูข้อความในเล่มทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนชื่อให้เป็นของตน
รวมทั้งชื่อโรงเรียนและจังหวัดด้วย
โดยเฉพาะส่วนใดที่เขียนเป็นจังหวัด"แพร่" ก็แก้เป็น “น่าน” ทั้งหมด
ปรากฏว่าเกิดความแตกและถูกจับได้
เมื่อกรรมการประเมินอ่านผลงานมาพบประโยคหนึ่งที่เขียนว่า
“ผลงานทางวิชาการฉบับนี้ได้เผยน่าน
อย่างน่านหลายแล้ว”
…………………………..
"ตาม
พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 91
กำหนดบทลงโทษไว้ว่า ใครก็ตามที่เป็นผู้จ้าง ไหว้วาน หรือคัดลอกผลงาน
ไม่ว่าจะโดยสิเนหาประการใดก็ตามหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจะมีโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง
ทั้งผู้ให้และผู้รับ"
บางคนไม่ทำอะไรเห็นพวกทำงานคอยแต่จะไปถ่ายรูป
บางรูปก็ไม่ใช่รูปตัวเอง ก็ถ่ายเอกสารเบลอๆไว้
วิชามารเยอะ ต้องให้กรรมการดูการกระทำจริง บางครั้งคนทำงานเก่งเขียนไม่เป็น