เยี่ยมยอดตรงใจมากค่ะ เคยคิดเสมอว่า ทำไมการเลื่อนขั้น เลื่อนระดับจะต้องทำเอง คนที่ควรพิจารณาน่าจะเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจ และควรพิจารณาจากการปฏิบัติจริงตามงานที่ระบุในหน้าที่นั้นๆ ไม่ใช่ให้คนทำงานไปดูว่าตัวเองถึงเวลาถึงระดับที่ต้องขอเลื่อนหรือยัง แล้วก็เขียนบรรยายว่าตัวเองทำอะไร ดียังไง ถึงสมควรได้เลื่อน
ภาคปฏิบัติที่เป็นอยู่ เปิดโอกาสให้คนเขียนเก่ง มองลู่ทางเก่งเจริญก้าวหน้า ส่วนคนทำงานเก่ง เขียนไม่เก่ง ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขาดหรือด้อยโอกาสในการก้าวหน้า หรือถึงขั้นถูกมองว่าไม่รู้จักพัฒนาตนเองเลยด้วยซ้ำ เพราะเขียนชมตัวเองว่าเก่งยังไงไม่เป็น บรรยายไม่ถูกว่าตัวเองทำอะไรดีสมควรได้เลื่อนขั้น
ขอให้ระบบที่อาจารย์เล่าได้มีโอกาสขยายไปสู่วงราชการทุกระดับด้วยเถิดค่ะ น่าจะทำให้คนทำงานมีขวัญกำลังใจ และเอาเวลาไปทำงานจริงๆ และได้รับการส่งเสริมเพราะทำงานจริงๆ ไม่ใช่เพราะเสนอให้ถูกพิจารณา
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เจ้าตัวควรเขียนแค่รายงานผลงานว่าเคยทำอะไรที่สมควรได้รับการเลื่อนฐานะ ( SAR ) แล้วมีดณะกรรมการมาประเมินตามลักษณะที่ อ.เธนศ นำเสนอ
อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่วงการครูหรอกนะคะที่สามารถนำแนวคิดนี้ไปใช้ ในอาณาจักรราชการทุกหย่อมหญ้าต่างหากที่ควรจะใช้แนวคิดเช่นนี้ เพื่อที่ว่าคนทำงานจริง ๆ ก็คือคนที่ควรได้เท่านั้น คะแนนความคิด 100 เต็ม คะแนนปฏิบัติแล้วแต่บุญกรรม
เคยได้ยินไหม สมัยก่อนคนขึ้นบ้านแล้วชักบรรได้น่ะ
ตัวเองขึ้นได้แล้ว ดึงบรรไดไม่ให้คนอื่นเขาได้ขึ้น อยากขึ้นก็ให้มันปีนให้ยาก ๆ หน่อย จำไว้...
ครูที่ผลงานวิชาการไม่อนุมัติบางคนเขาทำด้วยตนเองด้วยความตั้งใจ ผลิตสื่อ นำมาทดลองใช้กับเด็กจริงและเด็กพัฒนาทักษะสูงขึ้น แต่เขียนรายงานไม่เก่ง ผลงานไม่อนุมัติ น่าเห็นใจมากๆ
ส่วนคนที่จ้างทำ จ้างกรรมการแต่ผลงานคัดลอกมา กลับอนุมัติ นี่หรือการศึกษาไทย