5. อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม
ปัจจุบันอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำมาใช้ในประเทศไทยมี 2 อัตรา คือ
5.1 อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ใช้สำหรับธุรกิจขายสินค้าหรือบริการทุกชนิดรวมทั้ง การนำเข้า อัตรานี้รวมภาษีท้องถิ่นไว้แล้ว
5.2 อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 0 มีผลเท่ากับไม่ต้องเสียภาษีจากการขายสินค้าหรือ การให้บริการ และยังได้รับคืนภาษีซื้อ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 0 ใช้สำหรับการประกอบกิจการดังต่อไปนี้
5.2.1 การส่งออกสินค้าของผู้ประกอบกิจการจดทะเบียน
5.2.2 การให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการ ในต่างประเทศตามประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด นอกจากนี้ยังรวมถึงการให้บริการต่อเรือเดินทะเล การให้บริการซ่อมแซมอากาศยานหรือเรือเดินทะเล และการให้บริการประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยสำหรับทรัพย์สินในต่างประเทศหรือสำหรับสินค้าที่ได้ส่งออกนอกราชอาณาจักร และการบริการที่กระทำในราชอาณาจักรเพื่อใช้ผลิตสินค้าในเขตอุตสาหกรรมส่งออก (ดูประกาศอธิบดีฯ (ฉบับที่ 105) ประกอบ)
การให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ให้รวมถึงกิจการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรเพื่อใช้ผลิตสินค้าในเขตปลอดอากรเพื่อส่งออก และการให้บริการที่กระทำในเขตดังกล่าวเพื่อใช้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกด้วย
คำว่า “อุตสาหกรรมส่งออก” หมายถึง กิจการที่อยู่ในประเทศไทย แต่ได้สิทธิพิเศษเสมือนหนึ่งเป็นดินแดนต่างประเทศ
5.2.3 การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยานหรือเรือเดินทะเลที่กระทำโดยผู้ประกอบกิจการที่เป็นนิติบุคคล (เดิมก่อนมีการแก้ไขกฎหมายตามพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 33) พ.ศ. 2541 เริ่มบังคับใช้ 1 มกราคม 2542 นั้น ถ้าเป็นผู้ประกอบกิจการที่เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศจะได้รับอัตราศูนย์เฉพาะกรณีที่ประเทศนั้นให้การปฏิบัติกับนิติบุคคลไทยในทำนองเดียวกัน)
5.2.4 การขายสินค้าหรือการให้การบริการแก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
5.2.5 การขายสินค้าหรือการให้บริการกับองค์การสหประชาชาติ
ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล
5.2.6 การขายสินค้าหรือการให้บริการที่ก่อให้เกิดสินค้าที่มีรูปร่าง หรือ การให้บริการที่ไม่ก่อให้เกิดสินค้าที่มีรูปร่าง แต่ทำให้สินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนด้วยกัน หรือระหว่างผู้ประกอบกิจการที่ประกอบกิจการอยู่ใน เขตอุตสาหกรรมส่งออก ไม่ว่าจะอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออกเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งการขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนกับผู้ประกอบกิจการที่ประกอบกิจการอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก
คำว่า “คลังสินค้าทัณฑ์บน” หมายถึง คลังสินค้าที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้นำเข้าไม่ต้องชำระอากรเป็นเงินจำนวนมาก โดยผ่อนผันให้ผู้นำเข้าเก็บของได้ในคลังสินค้าได้เป็นเวลานานพอสมควร และตลอดเวลาที่ของยังอยู่ในคลังสินค้าผู้นำเข้ายังไม่ต้องชำระเงินอากร และเมื่อผู้นำเข้าประสงค์ จะนำของออกจากคลังสินค้าเป็นจำนวนเท่าไรก็ให้ชำระอากรตามจำนวนที่นำของออกแต่ละคราวไปโดยใช้พิกัดอัตราอากรในวันที่นำของออก หรือถ้าผู้นำเข้าประสงค์จะส่งของกลับคืนไปต่างประเทศก็จะได้รับยกเว้นอากรทั้งขาเข้าและขาออก
6. วิธีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
6.1 แบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แบบคำขอที่ใช้ในการขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ แบบ ภ.พ. 01 ซึ่งในเขตกรุงเทพมหานครขอรับได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เขต/อำเภอ) หรือสำนักงานในจังหวัดอื่นขอรับได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (อำเภอ) ทุกแห่ง
6.2 เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
6.2.1 คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.01 จำนวน 3 ฉบับ
6.2.2 สำเนาทะเบียนบ้านหรือหลักฐานแสดงการอยู่อาศัยจริง พร้อมภาพถ่าย บัตรดังกล่าว
6.2.3 บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร พร้อมภาพถ่ายบัตรดังกล่าว
6.2.4 สัญญาเช่าอาคารอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการ (กรณีเช่า) หรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถานประกอบการ และหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น เป็นเจ้าบ้าน สัญญาซื้อขาย คำขอหมายเลขบ้าน ใบโอนกรรมสิทธิ์ สัญญาเช่าช่วง พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านที่ตั้งสถานประกอบการและภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว
6.2.5 หนังสือจัดตั้งห้างหุ้นส่วน พร้อมภาพถ่ายหนังสือ (กรณีเป็นห้างหุ้น ส่วนสามัญหรือคณะบุคคล)
6.2.6 หนังสือรับรองของนายทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัท พร้อมวัตถุประสงค์ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับ และใบทะเบียนพาณิชย์พร้อมภาพถ่ายหนังสือดังกล่าว (กรณีเป็นนิติบุคคล)
6.2.7 บัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ และสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมภาพถ่ายเอกสาร
6.2.8 แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ประกอบการโดยสังเขป และภาพถ่ายสถานประกอบการจำนวน 2 ชุด
6.2.9 ถ้าอบให้ผู้อื่นทำการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 10 บาท บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับอำนาจพร้อมทั้งภาพถ่ายบัตร โดยผู้รับมอบอำนาจต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
7. ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ ตลอดจนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนเป็นผู้รับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่รัฐบาลภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ดังนั้นจึงต้องกำหนดจุดแห่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Tax Point) มาตรา 78 ในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
7.1 กรณีขายสินค้า ความรับผิดในการเสียภาษีทั้งหมดของผู้ขายจะเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ เว้นแต่กรณีที่ผู้ขายได้โอนกรรมสิทธิ์สินค้า หรือได้รับชำระราคาสินค้า หรือได้ออกใบกำกับภาษีก่อนมีการส่งมอบสินค้า ความรับผิดในการเสียภาษีของผู้ขายก็จะเกิดขึ้นตาม ส่วนของการกระทำที่เกิดขึ้น แล้วแต่กรณี
ตัวอย่าง นายกนก ตกลงขายเฟอร์นิเจอร์ 5,000 บาท ให้แก่นายขจรเมื่อวันที่ 18 เมษายน 25X9 แต่ได้ส่งมอบเฟอร์นิเจอร์ให้แก่นายขจรเมื่อวันที่ 23 เมษายน 25X9 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของนายกนกจากค่าขายเฟอร์นิเจอร์ 5,000 บาท จะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 25X9 ซึ่งเป็นวันที่มีการส่งมอบ
7.2 กรณีขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อหรือสัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบ ความรับผิดของผู้ขายจะเกิดขึ้นเมื่อถึงกำหนดชำระราคาตามงวดที่ถึงกำหนดชำระราคาในแต่ละงวด เว้นแต่กรณีที่ผู้ขายได้รับชำระราคาสินค้าหรือได้ออกใบกำกับภาษีก่อนที่จะถึงกำหนดชำระในแต่ละงวด ความรับผิดชอบในการเสียภาษีของผู้ขายดังกล่าวจะเกิดขึ้น แล้วแต่กรณี
ตัวอย่าง บริษัท คะนอง จำกัด ได้ทำสัญญาให้นายพิรุณเช่าซื้อเครื่องซักผ้า 15,000 บาท โดยนายพิรุณตกลงผ่อนชำระเป็น 10 งวด งวดละ 1,500 บาท กำหนดชำระทุก ๆ วันที่ 1 ของเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 25X9 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัท คะนอง จำกัด สำหรับค่าขายเครื่องซักผ้าจะเกิดขึ้นทุกวันที่ 1 ของเดือนถัดไปในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ไม่ว่าในทุกวันที่ 1 ของแต่ละเดือน บริษัท คะนอง จำกัด จะได้รับชำระราคาตรงกำหนดเวลาหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่จะยกเลิกสัญญาเช่าซื้อนั้น ความรับผิดของงวดต่อ ๆ ไปจึงจะไม่เกิดขึ้น (คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 36/2536)
7.3 กรณีขายสินค้าโดยมีการตั้งตัวแทนเพื่อขายและได้ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนแล้ว ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ความรับผิดในการเสียภาษีทั้งหมดของผู้ขายจะเกิดขึ้นเมื่อตัวแทนได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ เว้นแต่กรณีที่ตัวแทนได้โอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าให้แก่ผู้ซื้อก่อน หรือได้รับชำระราคาสินค้า หรือได้ออกใบกำกับภาษี หรือได้มีการนำสินค้าไปใช้ ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนที่ตัวแทนจะส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ ความรับผิดในการเสียภาษีของผู้ขายก็จะเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี
ตัวอย่าง บริษัท จันทร์เรือง จำกัด ได้มอบหมายให้บริษัท ฉัตรชัย จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า (ตามหลักเกณฑ์ของประกาศอธิบดีฯ) และได้ส่งมอบสินค้า 20,000 บาท ให้แก่บริษัท ฉัตรชัย จำกัด เมื่อวันที่ 19 เมษายน 25X9 ปรากฏว่าบริษัท ฉัตรชัย จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท จันทร์ฟอง จำกัด ได้ขายสินค้าโดยส่งมอบสินค้าไปทั้งหมดให้แก่ลูกค้าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 25X9 กรณีเช่นนี้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัท จันทร์ฟอง จำกัด จะเกิดขึ้นเต็มตามมูลค่าขายในวันที่ 7 พฤษภาคม 25X9 ซึ่งเป็นวันที่ตัวแทนได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อ
6.4 กรณีการขายสินค้าโดยการส่งออก ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะเกิดขึ้นพร้อมกันกับการชำระอากรขาออก หรือวันที่ได้มีการวางค้ำประกันอากรขาออก แล้วแต่กรณี และหากเป็นกรณีไม่ต้องเสียหรือยกเว้นอากรขาออก ความรับผิดจะเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
6.5 กรณีให้บริการ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ให้บริการเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ เว้นแต่กรณีที่ผู้ให้บริการได้ออกใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าหรือได้ใช้บริการเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระค่าบริการ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำ นั้น ๆ แล้วแต่กรณี
ตัวอย่าง บริษัท ชัยพร จำกัด ได้ให้บริการซ่อมแซมบ้านแก่นายวรุฒ ตกลงราคาค่าบริการ 150,000 บาท โดยงานเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 25X9 แต่นายวรุฒได้ชำระค่าบริการเต็มมูลค่าให้แก่บริษัท ชัยพร จำกัด เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 25X9 กรณีนี้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจาก การให้บริการทั้งหมดของบริษัท ชัยพร จำกัด จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน 25X9
ตามตัวอย่างเดียวกัน หากนายวรุฒชำระค่าบริการในวันที่ 8 มิถุนายน 25X9 เป็นเงินเพียง 90,000 บาท ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัท ชัยพร จำกัด จะเกิดขึ้นเพียง 90,000 บาทเท่านั้น สำหรับค่าบริการส่วนที่เหลือ หากมีการชำระให้ในภายหลัง ความรับผิดของบริษัท ชัยพร จำกัด ก็จะเกิดขึ้นตามส่วนของจำนวนค่าบริการที่ได้รับ หรือในกรณีที่มีการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้นก่อนการชำระค่าบริการดังกล่าวข้างต้น ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของ ผู้ให้บริการก็จะเกิดขึ้นตามส่วน ทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้วตามข้อ 1
6.6 กรณีการให้บริการตามสัญญาที่กำหนดค่าตอบแทนตามส่วนของบริการที่ทำ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ให้บริการเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระค่าบริการตามส่วนของบริการที่สิ้นสุดลง เว้นแต่จะมีการกระทำอย่างอื่นเกิดขึ้นก่อนการชำระค่าบริการทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้วตามข้อ 6.5
ตัวอย่าง บริษัท ชัยพร จำกัด ได้ให้บริการซ่อมแซมบ้านแก่นายวรุฒ ค่าซ่อมแซม 150,000 บาท เมื่อวันที่ 1 เมษายน 25X7 ตกลงว่าจะชำระเงินเมื่องานซ่อมแซมเสร็จแล้วเป็น 3 งวด คือ
งวดที่ 1 เมื่องานเสร็จร้อยละ 25 ชำระ 37,500 บาท
งวดที่ 2 เมื่องานเสร็จร้อยละ 50 ชำระ 75,000 บาท
งวดที่ 3 เมื่องานเสร็จเรียบร้อย ชำระ 37,500 บาท
วันที่ 3 พฤษภาคม 25X9 งานเสร็จร้อยละ 25 นายวรุฒชำระเงินให้ 37,500 บาท ความรับผิดของบริษัท ชัยพร จำกัด ในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 25X9 ใน ส่วนของ 112,500 บาท ที่เหลือจะเกิดความรับผิดในวันที่นายวรุฒชำระค่าซ่อมแซมเฉพาะในส่วนของเงินค่าซ่อมแซมที่บริษัทได้รับชำระ
6.7 กรณีนำเข้าสินค้า ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้นำจะเกิดขึ้นพร้อมกันกับการชำระอากรขาเข้า หรือเมื่อมีการวางค้ำประกันอากรขาเข้า แล้วแต่กรณี และหากเป็นกรณีไม่ต้องเสียหรือยกเว้นอากรขาเข้า ความรับผิดจะเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
6.8 กรณีพิเศษ นอกจากกรณีที่กำหนดข้างต้น การขายสินค้าหรือให้บริการบางกรณีตามกฎกระทรวงฯ ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ได้กำหนดความรับผิดในการเสียภาษีไว้เป็นพิเศษดังนี้
6.8.1 การขายกระแสไฟฟ้า น้ำประปา หรือสินค้าที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้า หรือได้มีการออกใบกำกับภาษีก่อนได้รับชำระราคาสินค้าแล้วแต่กรณี ทั้งนี้โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ
6.8.2 การขายสินค้าที่ไม่มีรูปร่าง เช่น สิทธิในสิทธิบัตร กู๊ดวิลล์ เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สัมปทาน ค่าสิทธิ หรือสินค้าที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้า เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้ เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาสินค้า ก็ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย เช่น โอนกรรมสิทธิ์สินค้า หรือได้ออกใบกำกับภาษี ทั้งนี้ให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี
6.8.3 การขายสินค้าหรือให้บริการด้วยเครื่องอัตโนมัติ โดยชำระราคาด้วยวิธีการหยอดเงิน เหรียญ บัตร หรือด้วยวิธีการในลักษณะทำนองเดียวกัน ให้ความรับผิดใน การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้นำเงิน เหรียญ บัตร หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะทำนองเดียวกันออกจากเครื่องอัตโนมัติ
6.8.4 การขายสินค้าโดยการชำระราคาด้วยการใช้บัตรเครดิต หรือในลักษณะทำนองเดียวกัน ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้า เว้นแต่กรณีที่ได้มี การกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนส่งมอบสินค้า ก็ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย เช่น โอนกรรมสิทธิ์สินค้า หรือเมื่อมีการออกหลักฐานการใช้บัตรเครดิต หรือได้ออกใบกำกับภาษี ทั้งนี้ให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี
6.8.5 การให้บริการโดยการชำระราคาด้วยการใช้บัตรเครดิต หรือในลักษณะทำนองเดียวกันให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการออกหลักฐานการใช้บัตรเครดิต เว้นแต่กรณีที่ได้มีการออกใบกำกับภาษีก่อนการออกหลักฐานการใช้บัตรเครดิตก็ให้ ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการออกใบกำกับภาษีนั้น
6.8.6 การขายสินค้าตามสัญญาจะขายสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้า เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนส่งมอบสินค้า ก็ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย เช่น โอนกรรมสิทธิ์สินค้า หรือได้รับชำระราคาสินค้า หรือได้ออกใบกำกับภาษี ทั้งนี้ให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี
6.8.9 ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการนำสินค้าไปใช้โดยตนเองหรือบุคคลอื่น
โดยมิใช่เพื่อการประกอบกิจการโดยตรงตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อนำไปใช้หรือส่งมอบสินค้าให้บุคคลอื่นเพื่อใช้
6.8.10 ในกรณีสินค้าขาดจากรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจพบ
6.8.11 ในกรณีผู้ประกอบกิจการมีสินค้าคงเหลือ และหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบกิจการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันเลิกประกอบกิจการ ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อเลิกประกอบกิจการหรือแจ้งเลิกประกอบกิจการ เว้นแต่กรณีที่ผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนได้รับอนุญาตให้ออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ต่อไปเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะหยุดประกอบกิจการ ให้ความรับผิดเป็นไปตามข้อ 6.8.1 – 6.8.4
6.8.12 ในกรณีผู้ประกอบกิจการมีสินค้าคงเหลือ และหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบกิจการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ณ วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้วแต่กรณี เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับอนุญาตให้ออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ต่อไปเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะหยุดประกอบกิจการ ให้ความรับผิดเป็นไปตามข้อ 6.8.1 – 6.8.4
แบบพิมพ์ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภ.พ. 01 |
แบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการใช้ยื่นขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่หรือสำนักงานภาษีสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานที่ที่ประกอบการตั้งอยู่ ถ้าผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่หรือสำนักงานภาษีสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ภายในกำหนดเวลา |
ภ.พ. 01.1 |
แบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นชั่วคราว ใช้ยื่นขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราว |
ภ.พ. 02 |
แบบคำขอยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน ผู้ประกอบการใช้ยื่นต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขอยื่นแบบแสดงรายการค้าร่วมกัน |
ภ.พ. 09 |
แบบแจ้งเปลี่ยนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้ยื่นแจ้ง ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในกำหนดเวลา |
ภ.พ. 20 |
ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรออกให้สำหรับผู้ประกอบการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี |
ภ.พ. 30 |
แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี โดยยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ |
|
ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้แยกยื่นและชำระภาษีเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้เว้นแต่ผู้ประกอบการมีความประสงค์จะยื่นแบบฯ และชำระภาษีรวมกันก็ทำได้ โดยต้องขออนุมัติต่อกรมสรรพากรตามแบบ ภ.พ. 02 ก่อน |
ภ.พ. 36 |
แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ทอดตลาดซึ่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้นำเข้าสินค้าหรือบริการ ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ใช้ยื่นนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ภายในกำหนดเวลา |
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเนื้อหาที่อาจารย์นำมาลง
มีประโยชน์ต่อการเรียนของหนูมากเลยค่ะ
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากๆนะค่ะ สำหรับข้อมูลและเนื้อหาต่างๆทั้งหมด
ที่อาจารย์ถ่ายทอดลงเว็ป ทำให้หนูเข้าใจ และ รู้เรื่อง ของภาษีมากขึ้น
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของหนูเป็นอย่างมาก เพราะหนูเรียน เอก บัญชี
ขอให้อาจารย์มีความสุขมากๆนะค่ะ
ถึงหนูจะไม่ได้เรียนกับอาจารย์ แต่หนูก็เคารพอาจารย์นะค่ะ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
อาจารย์ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะ
รักและเคารพอย่างสูงค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ อาจารย์
ขอบคุนมากนะค่ะ
ขอโทดน้ะค้ะ สินค้านำเข้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 9 ประเภทนี่มีอะไรบ้างค้ะ