ก๊าซปิโตเลียมเหลว กับ ก๊าซหุงต้ม ( LPG )
ก๊าซหุงต้ม
มีชื่อเป็นทางการว่าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ( liquefied petroleum gas :
LPG ) หรือเรียกย่อๆ ว่า แอลพีจี
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแยกน้ำมันดิบในโรงกลั่นน้ำมันหรือการแยกก๊าซธรรมชาติ
ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซปิโตรเลียมเหลวประกอบด้วยส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอน 2 ชนิด คือ
โพรเพนและบิวเทน ในอัตราส่วนเท่าใดก็ได้ หรืออาจจะเป็นโพรเพนบริสุทธิ์
100% หรือบิวเทนบริสุทธิ์ 100% ก็ได้
สำหรับในประเทศไทยก๊าซหุงต้มส่วนใหญ่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติโดยใช้อัตราส่วนผสมของโพรเพน
และบิวเทนประมาณ 70:30 ซึ่งจะให้ค่าความร้อนที่สูง
ทำให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาและค่าเชื้อเพลิง
ก๊าซปิโตรเลียมเหลวสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ในครัวเรือน
ในโรงงานอุตสาหกรรม และในยานพาหนะได้
เช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า
ในโรงงานอุตสาหกรรม และในยานพาหนะ
แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้งานในครัวเรือนโดยตรง
ด้วยคุณสมบัติในการเป็นเชื้อเพลิงติดไฟของก๊าซธรรมชาติและก๊าซหุงต้ม
เพื่อความปลอดภัย
ผู้ใช้ต้องใส่ใจในการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการใช้งานอย่างเคร่งครัด
คุณสมบัติทั่วไปของ LPG
•
เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประกอบด้วยก๊าซโพรเทนและนิวเทน
เป็นหลัก
• ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ปราศจากพิษ (
แต่โดยทั่วไปจะเติมสารเคมีเพื่อความปลอดภัย )
• หนักกว่าอากาศ
• ติดไฟได้ในช่วงของการติดไฟที่ 2
–15 %
ของปริมาณในอากาศ และอุณหภูมิที่ติดไฟได้เองคือ 400 c ํ
คุณประโยชน์ของก๊าซ LPG
•
เป็นเชื้อเพลิงที่นำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมีการเผาไหม้สมบูรณ์
• ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะไอกรีน
• มีราคาถูก 9.5 ( 05/08/48 )
• ก๊าซอยู่ในสภาพแรงดันต่ำ 180 psi
•
อัตราการสิ้นเปลืองก๊าซเทียบเท่ากับการใช้น้ำมันเบนซิน
• อุปกรณ์มีราคาถูกกว่าอุปกรณ์ก๊าซ NGV