เมื่อเสด็จพระราชดำเนินให้ชาวเขาเข้าเฝ้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฎีกาเสมอ แต่ที่แปลกที่สุดเห็นจะเป็นฎีกาจากสาวแม้วชื่อ อีหั้ว (อีเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของชื่อ) เริ่มต้นอีหั้วบ่นกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จฯทรงผ่านคดีไปศาลสูงสุดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
อีหั้วมีลูกแล้วหนึ่งคน แต่สามีไปอยู่กับหญิงอื่น แล้วไม่ให้ข้าว คือไม่เลี้ยงดู นางอยากจะเลิกกับสามี "เฮาจะได้เอาผัวใหม่" แต่สามีไม่ยอมให้เลิก
ศาลเรียกสามีมาสืบคดี ได้ความว่าสามีซื้ออีหั้วโดยผ่อนส่งเอาไว้ คือจ่ายหมูแล้วหนึ่งตัว ขาดไก่ราวสองตัวและเงินแถบ (เหรียญเงินจากพม่า) อีกเล็กน้อย ถ้าหย่าไปก็เสียหมูปล่าว เคยเจรจาจะเอาหมูคืน พ่อเจ้าสาวก็เสียดายหมู ไม่ยอมรับลูกสาวแลกเปลี่ยน
อันศาลธรรมาดาๆนั้น ย่อมมีอำนาจจะปรับไหมได้ แต่ศาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับพระราชทานเงินทดแทนแก่จำเลย คือสามีอีหั้ว ซึ่งแปลกมาก
ต่อไปเมื่อผู้เขียนไปเยี่ยมหมู่่บ้านแม้ว เขาถามผู้เขียนว่า "พระเจ้าอยู่หัวเอาเมียแม้วเหรอ" เรื่องนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็รับสั่งยืนยันเมื่อเร็วๆนี้ว่าระบาดเข้าถึงแม้วในลาว ดังนั้นผู้เขียนก็จำต้องถวายรายงาน
มีรับสั่งว่าที่ทรงซื้ออีหั้วไว้นั้น "ฉันให้ท่านภี"
ตั้งแต่นั้นมาเมื่อผู้เขียนไปหมูบ้านของอีหั้ว คือขุนวาง ผู้เขียนก็จะคลี่ถุงนอนปูที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ผู้เขียนจะเอากับข้าวมอบให้แม้วทำ แล้วก็ตั้งวงรับประทานด้วยกัน อีหั้วซึ่งอยู่คนละบ้านจะต้องเอาอาหารอร่อยๆ เช่น อีเก้งต้ม เป็นต้น มาให้ในฐานะภรรยาที่ดี เรื่องนี้ไม่ลงเอยอย่างหวานฉ่ำ เหมือนกับเรื่องอ่านเล่น เพราะเมื่อผู้เขียนไม่ไปขุนวางนานหน่อย อีหั้วก็ไป "เอาผัวใหม่" โดยไม่ได้คืนหมูแก่ผู้เขียน ซึ่งเป็นเรื่องเศร้ามาก
ที่มา : ที่สุดของหัวใจ
สำนักพิมพ์ : กันตนา