ภาพบรรยากาศ วันที่ 21 กันยายน 2552
ภาพโครงสร้างของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
เรียนท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ท่านอาจารย์ขยันและทำงานหนักจริง ๆ นะครับ
สรุปคำกล่าวเปิดและให้ข้อคิดในการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา
โดย รองฯ ประเสริฐ แก้วเพ็ชร
รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านในวันนี้ที่ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพ ของอาชีวศึกษา (ในระดับส่วนกลาง) โครงการนี้เป็นนโยบายสำคัญของท่านเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ท่านเลขาธิการ ซึ่งท่านได้มอบหมายให้สสอ. อบรมข้าราชการส่วนกลาง และขอรับการสนับสนุนทางด้านวิชาการจากท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์
ระยะเวลาที่พูดคุยกันเกี่ยวกับการดำเนินโครงการนี้กว่าจะได้เริ่มทำจริง ๆ ก็ใช้เวลาเกือบปี สาเหตุก็เพราะพวกเราในส่วนกลางไม่ค่อยมีเวลา และถ้าให้เป็นแบบนี้เรื่อย ๆราก็จะไม่มีเวลาไปตลอด คือมัวแต่กองอยู่กับส่วนกลาง กองอยู่กับภารกิจ ในที่สุดท่านเลขาฯ ได้สั่งการชัดเจนว่าพวกเราต้องทำโครงการนี้ให้ได้เพราะเป็นโครงการที่สำคัญต่อการทำงานของอาชีวศึกษาในอนาคตเพราะเป็นการเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพให้แก่บุคลากรที่เป็นกำลังสำคัญ และมีแนวทางการทำงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราต้องปลดภาระออกไปให้ได้
ผมและคณะผู้บริหารฯ เห็นว่าโครงการนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ แนวคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับพวกเราต่อไป และเมื่อจบตลอดโครงการฯ กว่า 9 เดือนเราจะได้เรียนรู้อย่างมากมาย
ในอนาคตเมื่อเราเปลี่ยนเป็นสถาบันฯ เราจะต้องทำงานร่วมกับอุดมศึกษา 19 แห่ง วิธีการทำงานจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นพวกเราต้องเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งโครงการนี้จะช่วย..
โครงสร้างตำแหน่งของ สอศ. ในอนาคตที่จะต้องดำเนินการในปีหน้านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพวกเราอย่างแน่นอน ต่อไปในส่วนกลางจะต้องมีคนที่อย่างน้อยที่สุดต้องชำนาญการขึ้นไป คนเก่ง ๆ ที่จะมองอนาคต มองภาพกว้างจะต้องอยู่ที่ส่วนกลาง ส่วนคนอื่น ๆ ในระดับปฏิบัติการต้องไปอยู่ตามสถาบัน เราจะต้องติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้น เราต้องเก่งภาษา คนที่อยู่ส่วนกลางจะต้องทำงานประสานกับหลาย ๆ หน่วยงาน เราจะต้องกว้าง และมีความสามารถ มีความหวังในการเจริญเติบโตในสายงาน และการทำงานวันนี้เราจะต้องไม่สร้างคอกให้ตัวเอง การอยู่ร่วมกันในโครงการนี้จะช่วยทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น
วันนี้เราต้องมองอนาคตและช่วยกันขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เราต้องตระหนักว่าวันนี้เราได้สร้างประโยชน์ให้แก่อาชีวศึกษาอย่างไรบ้าง?
ชีวิตการทำงานขอผมเริ่มจากเป็นครูในโรงเรียนเหลือเลือกที่จังหวัดสงขลา พบความจริงว่าไปโรงเรียนต้องเดินไป พบกับความยากลำบากมากมาย แต่ทำให้เราแข็งแกร่งเมื่อเจอปัญหาต่าง ๆ และถือเป็นการเรียนรู้ พัฒนาตนเอง ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากจนหลายคนว่าผมเป็นหนอนหนังสือ เพราะการอ่านทำให้เราสร้างจินตนาการได้ รู้จักวิธีการคิด วิธีการแก้ปัญหา คนที่อ่านมาจะได้เปรียบจะมองเห็นความคิด เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น เรายิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องแก้ปัญหาที่ยากขึ้นเท่านั้น
วันนี้หลักสูตรปริญญาตรีอาชีวศึกษา ต้องแตกต่างจากคนอื่น เราต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ เพราะเป็นความคาดหวังของสังคม ก็ขอฝากทุกคนไว้ว่าเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
วิธีการทำงานของเราในวันนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน เราต้องทำงานกับคนหมู่มากขึ้น เช่น การทำงานร่วมกับบอร์ด เราต้องเรียนรู้ในทุกระดับ ระดับส่วนกลาง ระดับสถาบัน ซึ่งจะมีกระบวนการที่แตกต่างกันออกไป และโอกาสในวันข้างหน้านั้นเป็นของพวกเรา เราจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ในแต่ละสาขา ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มี การปฏิรูปรอบสองของพวกเราจะต้องเน้นคุณภาพของการทำงาน
การจะทำงานและเป็นผู้นำในวันนี้ต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว อย่าทำตัวให้หนัก หมายถึง เอาปัญหาส่วนตัวเข้ามามากเกินไป บางคนหนักเพราะขาดวิสัยทัศน์ หนักเพราะทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ หนักเพราะมีจิตใจคับแคบ ฯลฯ เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ในวันนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการทำงานของเราต่อไป
Workshop 1 หลังจากฟังอาจารย์แล้ว
กลุ่ม 2
กลุ่ม 1
กลุ่ม 3
กลุ่ม 6
กลุ่ม 4
กลุ่มที่ 5
แนวคิดของเนลสัน แมนเดลา
1 บริหารศัตรู
2 หาเพื่อบ้านแนวรวมมากๆ
3 ไม่เน้นความถูกผิด 100%
ปรับแนวคิดมาใช้กับอาชีวฯ
1 รู้จักเข้าหาศัตรูและผูกมิตร
2 ทำงานร่วมกันได้
3 ทำงานตามเป้าไม่จำเป็นต้องถูกหรือผิด 100% ทำด้วยเหตุผล
ลักษณะผู้นำที่ต้องการ
1 ควรมีวิสัยทัศน์มีความเป็นผู้นำ มีความสามารถบริหารเชิงกลยุทธ์
2 มีภาพลักษณ์ บารมี คุณธรรม ความมีมนุษยสัมพันธ์ วาทศิลป์ การเจรจาต่อรอง กล้าตัดสินใจ
3 ความมุ่งมันสู่ความสำเร็จ ความมุ่งมั่นไม่ใช่
เป็นความคิดที่จะทำ แต่เป็นพลังของจิตใจสำนึกที่จะขับเคลื่อนทีมงาน มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย และความสำเร็จ แม้ว่าจะมีอุปสรรค ปัญหาใดก็ตาม
มีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล และไม่ใช่การสร้างภาพ
มีความกล้าที่จะทำ โดยมีการศึกษาอย่างรอบคอบ
สู้และให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยากที่ต้องเผชิญ
ลักษณะผู้นำของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ในความคิดของข้าพเจ้า นางบรรจง จันทร์หอม สังกัดสำนักติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษา มีดังนี้
1 ผู้นำมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีหลักการบริหารจัดการที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ปิดกั้นโอกาส ดูแลและรักษาผลประโยชน์ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาควรได้
2 ผู้นำต้องมีความเป็นกันเอง ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ รับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา
3 ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี สร้างองค์กรให้เป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับของสังคมได้
ผู้นำสำหรับการอาชีวศึกษาที่ใฝ่ฝัน
1 เป็นผู้นำด้วยจิตวิญญาณ คือทำเพื่อการอาชีวศึกษา เพื่อสังคมประเทศชาติฃ
2 เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความรอบรู้ด้านการอาชีวศึกษา
3 เป็นผู้นำที่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรมจริยธรรม บริหารจัดการด้วยความโปร่งใส
แนวคิดของ เนลสัน แมนเดลา
1 การเป็นผู้นำอย่างไปเน้น ถูกหรือผิด แบบ 100%
2 การจัดการบริหารศัตรู
3 การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับเพื่อน
แนวคิดของ เนลสัน แมนเดลา
1 การเป็นผู้นำอย่างไปเน้น ถูกหรือผิด แบบ 100%
2 การจัดการบริหารศัตรู
3 การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับเพื่อน
ปรับใช้กับแนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา
1 การทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น ไม่สามารถที่จะกล่าวอ้างว่า ปฏิบัติไม่ถูกต้องทั้งหมด 100% หรือถูกต้องทั้งหมด เพราะการทำงานชั้นใดชั้นหนึ่งของแต่ละบุคคลมีแนวคิด วิธีการปฏิบัติงาน ความชำนาญงาน จะประสบการณ์ในแต่ละศาสตร์ไม่เหมือนกัน จึงควรกำหนดผลสัมฤทธิ์ของงานที่เข้าข่ายว่าประสบผลตามเป้าหมายประมาณ 80% ไม่เกิน 5% ก็น่าจะถือว่าเน้นตามเป้าหมายการคิดแล้ว
2 การสำรวจข้อผิดพลาดของเป้าหมายควรกำหนดที่ไม่ตรงกับนโยบายรัฐบาลนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาแล้วนมาปรับใช้กับลักษณะงานที่จะต้องทำในอนาคตต่อไป
3 การสร้างความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง จากผู้บริหารจนถึงระดับปฏิบัตงานให้มีบรรยากาศการร่วมมือกับทำงาน เพื่อพัฒนาองค์กรในลักษณะทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยตนเองร่วมกัน ตามระดับความสำคัญของงาน
ผู้นำในฝันของนางสาวทัชธกร อ่อนน้อม
รักองค์กร เข้าใจในระบบบริบท และวัฒนธรรมองค์กร มีความจริงใจที่จะพัฒนาและนำพาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ เป็นที่ยอมรับของสังคม อย่างสง่างามมีเกียรติมีศักดิ์ศรี
มีวิสัยทัศน์ มีความคิดสร้างสรรค์ก้าวทันต่อเหตุการณ์ของสังคมโลก กล้าคิด กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง หนักแน่น มีการบริหารจัดการที่ดีมีความยืดหยุ่นให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชา ใช้ทั้งพระเดช และพระคุณ
มีความอบอุ่น เป็นมิตร เป็นกันเอง มีเหตุและผล เป็นที่ไว้วางใจ เป็นจุดศูนย์รวมของพลังรักและศรัทธา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะหลอมรวมความเป็นหนึ่งเดียว การมีเอกภาพ ที่จะช่วยกันนำพา การอาชีวศึกษา สู่ความเป็นเลิศ
แนวคิดของเนลสัน แมนเดลา
1 มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ในสิ่งที่คิด
2 เห็นทุกคนเป็นมิตร
3 จัดนำศัตรูมาเป็นส่วนร่วม
ปรับแนวคิดมาใช้กับอาชีวะฯ
1 ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
2 รับฟังความคิดเห็นของเพื่อร่วมงาน
3 ควรมีความสามัคคีทั้งให้มากกว่านี้
การวิเคราะห์ลักษณะความเป็นผู้นำของ แมนเดลา มีลักษณะบุคลิกที่ผสมผสานกัน กล่าวคือ เป็นผู้นำที่มีหลักการมีความชัดเจน ถูกต้อง รวมทั้งมีความเข้มแข็งมุ่งมั่น มั่นใจในตัวเองเป็นอิสระ ในเวลาเดียวกัน มีความสงบนิ่ง อดทน คือเงียบจึงสามารถสร้างศรัทธาในหมู่ปวงชนได้
วิเคราะห์ เมนเดลลา
1 มีความตั้งใจจริง
2 มีเป้าหมายทางการทำงาน
3 มีอุดมการณ์อแน่วแน่
4 มองไปข้างหน้า
5 สู่คุณธรรม
6 เปิดใจ ยอมรับฟังผู้อื่น
ผู้นในระบบอาชีวศึกษาควรเป็นอย่างไร
1 ควรเป็น หัว+หน้า
หัว - ฉลาด รอบรุ้ใฝ่รู้ มีเหตุผล
วางแผนเก่ง + จัดการดี มาตรฐาน
ทำได้จริง ทให้ดูเป็นตัวอย่าง สากล
มีวิชั่น
นำไปสู่ คิดในภาพรวม
หน้า - รับผิดและชอ (รับผิดชอบ)
มีจรรยาบรรณ
มีคุณธรรม
2 เป็นศูนย์รวมของ ความศรัทธาในผู้นำ
3 เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ไม่ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อส่วนรวม องค์กร สังคม ประเทศ มวลมนุษย์ในโลก
คุณค่าของการเป็นมนุษย์ที่ดี คืออะไร
วัดจากหลังตายไปแล้ว มีคนยกย่อง ควมดีของเขา
1 รุ้จักหน้าที่ ตั้งใจทำให้เต็มที่
2 มีความกล้า กล้าคิดนำเสนอ กล้ารับผิดรับชอบ
3 เผชิญ เปิดเผยเมื่ออยู่ข้าหน้า สนับสนุนใครก็ทำอย่างจริงจัง
4 การบริหารคู่แข่ง ศึกษา วิเคราะห์ คู่แข่ง ห้ามละเลยศัตรู
เลี้ยงให้อยู่ (กันชน) ตีให้ตาย รู้เขารุ้เรา
5 มีภาพลักาณ์ที่ดี ให้เป็นพฤติกรรม เป็นสังคมนั้นๆ
6 ไม่มีถูกหรือผิด 100% รู้จักยืดหยุ่น นำสู่ win win
7 รู้จักพอและถอย แบ่งกันกิน แบ่งกันอยู่ ใช้ วงการเดียวกัน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่คนเดียวไม่ได้ อย่าเห็นแต่ตัวมากเกินค้ำเสรีภาพผู้อื่น รู้จักหน้าที่สิทธิ เสรีภาพ
สุดท้ายอย่าลืมดูแลสุขภาพ เงินซื้อ ไม่ได้ทุกอย่าง คนใกล้ตัว ต้องมีความสุข
คิดดี ปฏิบัติดี ย กระทำดี รอบข้างสุข เราก็สุข หน้าตาดี (สร้างได้)
ใช้เวลาทั้งชีวิต ชอบอยากเป็นพระเอง กระทำโดยตัวเอง ของดีและถุก ไม่มีในโลก ตะเนินเหยื่อ ถ้าโง่แล้วโลกมาก
การนำแนวทางความเป็นผู้นำของ เมนเดลล่า มาปรับใช้กับการบริหารงาน สอศ.คือ
1 ภาวะผู้นำ ที่มองอนาคตและเส้นทางขององค์กรที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่แน่นอน
2 ความกล้าหาญ ที่จะทำให้องค์กรสามารถเดินไปสู่ความเป็นและเป็นที่ยอมรับของสังคม มีภาพลักษณ์ที่ดี
3 การรู้เขารู้เรา เพื่อให้การพัฒนาองค์กรไปในทิศทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและสามารถในการแข่งขัน
ภาวะผู้นำ สอศ.
1 กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ
2 เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง
3 ให้ขวัญและกำลังใจผู้ร่วมงาน
ลักษณะผู้นำของ สอศ.ในความคิดของข้าพเจ้า
1 ต้องการ ให้ผู้นำมีความเป็นกันเองไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่ใช้ระบบเจ้าขุนมูลนาย
2 ต้องการให้ผู้นมีวิสัยทัศน์กว้างไกล รับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา
3 ต้องการให้ผู้นมีการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดกับองค์กรมีการประชาสัมพันธ์การื่อสารแบบ 360 องศา การสร้างเครือข่าย เพื่อนำองค์กรให้เจริญก้าวหน้าก้าวสู่สังคมอย่างสง่างาม
ลักษณะผู้นำ สอศ. ในความคิดของข้าพเจ้า
1 มีความเป็นกันเอง มีความเป็นมิตร สร้างความอบอุ่นและความประทับใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้เกิดความศรัทธาภักดีต่อองค์กร
2 มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล มีหลักการบริหารจัดการที่ดี ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้รับความเป็นธรรม มีคามก้าวหน้าในสายงาน
3 มีความเป็นเหตุผล รับฟังความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา มีอัธยาศัยที่ดีให้คำแนะนำให้คำปรึกษา มีจิตใจที่หนักแน่น ถูกต้อง ชัดเจน
ลักษณะผู้นำของ สอศ. ในการคิดของข้าพเจ้า
1 มีความมุ่งมั่นที่จะให้หน่วยงานพัฒนาไปจากรูปแบบเดิมๆ (ล้าหลัง)
2 กล้าคิด กล้าทำ และจุดประกายความคิดในรูปแบบใหม่ ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
3 ใส่ใจในรายละเอียดของการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา รับฟังความคิดเห็นและยอมรับในสิ่งที่ถูกต้อง
ลักษณะผู้นำของ สอศ. ในความคิดของข้าพเจ้า
1 กล้าตัดสินใจ มีเหตุผลให้ความเมตตาต่อบุคคลโดยทั่วไป
2 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3 มีความเป็นกันเอง ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ทุกระดับชั้น
สอศ.ต้องการผู้นำ 3 เรื่อง คือ
1 ผู้นำที่มารถตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์
2 ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการนำองค์กรไปข้างหน้า กล้คิดนอกกรอบไม่ยึดติดแนวคิดเดิม ๆ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
3 ผู้นำที่มีคุณธรรม จริยธรรม
ข้าพเจ้าคิดว่า ภาวะผู้นำของ สอศ. ควร
1 เป็นผู้นำองค์กรที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีความยุตธรรมให้ทั้งคุณและโทษแก่ข้าราชการด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นแก่อามิสทรัพย์สิน มีความเที่ยงตรงเป็นที่พึ่งของบุคลากรทั้งหลายในองค์กร
2 เป็นผู้นำที่มีวิชั่น เป็นผู้มองการณ์ไกล รู้ทันต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถนำองค์กรไปยังเป้าหมายดโดยใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องและนำองค์กรไปสู่สากลอย่างเหมาะสมแก่สภาวการณ์
3 เป็นผู้มีบารมีจากการสั่งสมประสบการณ์ สร้างศรัทธาให้เกิดแก่ข้าราชการ จากการที่มีผู้นำเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านความสามารถในการบริหารองค์กร คิดถูกต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง มุ่งผลสัมฤทธิ์ให้เกิดแกองค์กรเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ
การนำแนวทางความเป็นผู้นำของเมนเดลว่า มาปรับใช้กับการบริหารงานของ สอศ. คือ
1 ต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในแต่ละด้าน และเป็นคนที่สามารถเชื่อมโยง การทำงานของ สอศ. สู่หน่อยงานภายนอกได้
2 ต้องเปิดใจกว้าง รับฟังผู้ร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชา
3 สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคุณค่าในการทำงานผู้ใต้บังคับบัญชา
ผู้นำของสอศ. ควรมีภาวะดังนี้
1 มีจิตใจใฝ่รู้
2 ตั้งมั่นบนความโอบอ้อมอารีและรู้จักให้อภัย
3 ฉลาดเฉลียว การศึกษาที่ มีข้อมูลพร้อม
แนวคิดของเนลสัน มันเดลา
1 ความกล้าหาญ
2 การบริหารศัตรู
3 การเป็นผู้นำที่ดี ต้องรู้ว่า “จังหวะไหนจะพอหรือจะถอย”
ปรับใช้กับแนวคิดในการบริหารจัดการสำนักงานฯ
1 ความกล้าหาญ ต้องกล้าตัดสินใจยึดมั่นในหลักการเช่น การกระจายอำนาจสู่สถานศึกษาหรือสถาบันให้โอกาสข้าราชการพลเรือนสู่ความเจริญก้าวหน้า
2 การบริหารศัตรูผูกมิตรกับเพื่อร่วมงานสร้างเครือข่ายแนวร่วม
3 การเป็นผู้นำที่ดีรู้จักพอ ยึดหลักจริยธรรมและเศรษฐกิจพอเพียง
จากการอ่านความเป็นผู้นำของเมนเดลา มีความเห็นว่า เขาเป็นผู้นำที่มีความอดทน มีความกล้าหาญเป็นผู้นำอย่างชาญฉลาดซึ่งผู้นำในการจัดการอาชีวศึกษา สามารถนำไปใช้ในการบริหารงานในองค์กรได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิเคราะห์ผู้บริหารอาชีวศึกษาควรมีลักษณะดังนี้
1 ต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ซึ่งสามารถมาสู่การปฏิบัติได้ มีทุกองค์กรหลัก
2 ต้องมีบุคลการที่มีคุณภาพในการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถให้วิสัยทัศน์บรรลุผล
3 ต้องมีการบริหารงานอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
ลักษณะการเป็นผู้นำ (ของ สอศ.) ที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1. ต้องมีวิสัยทัศน์ (Vision – Creative / Innovative)
2. ต้องมีความรู้ (Knowledge) ด้านการศึกษา/การอาชีวศึกษา (Know how – Know who)
3. ต้องมีทักษะ (Skills) หลักของการบริหารจัดการองค์กร/ บุคลากร “Put the right man on the right job at the right time in the right place.”
4. ต้องมีปัญญา “wisdom” กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
5. ต้องมีคุณธรรมจริยธรรม และความเป็นธรรม
6. ต้องมีภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดี
“สรุปก็คือต้องเป็นทั้งนักการศึกษาและนักบริหารที่ชาญฉลาด”
ผู้นำของ สอศ. ควรมีลักษณะเป็น 3C Model ดังนี้
1. เป็น Creative Model: เป็นผู้มีวิธีคิดที่กล้าหาญ เฉียบคม และมุ่งมั่น แต่มีความพร้อมที่จะปรับวิธีคิด และวิธีการทำงานแบบ 360 องศา เพื่อไปสู่ความสำเร็จที่เป็นจุดยืนทางความคิด
2. เป็น Coaching Model: เป็นผู้เพียบพร้อมทักษะปฏิบัติ และมีกลยุทธ์ในการร่วมปรับปรุง แก้ไขปัญหาองค์กรสู่ความเป็นเลิศที่แยบยล
3. เป็น Compromise Model: เป็นผู้เข้าใจเรื่องจังหวะและโอกาสแห่งชัยชนะ รู้เขารู้เรา พร้อมทั้งหากลักประนีประนอมและตกลงร่วมกันแบบ win – win
ผู้นำควรเป็นองค์กรอาชีวศึกษา
1. มีความมุ่งมั่น และมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดสู่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้
2. สนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และทีมงานไปสู่จุดหมายของความสำเร็จ
3. มีหลักการและภาพลักษณ์ที่ดีเป็นที่เชื่อถือของบุคลากรภายนอกองค์กรและมี Creativity เสนอแนวทาง วิธีการให้องค์กรโดดเด่น และแนวทางที่นำไปสู่การปฏิบัติได้ สร้างความเชื่อถือให้กับองค์กร
ภาวะผู้นำของสอศ.ที่ต้องการ
1. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มองการณ์ไกล มีวิสัยทัศน์ที่ดีที่ทำให้องค์กร (สอศ.) มีความเจริญ ก้าวหน้า เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานอื่น ๆ
2. มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ มีคุณธรรมในใจ มีจริยธรรมที่ดี
3. มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
4. มีการให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำงานได้ผลดี มีประสิทธิภาพ นำผลสัมเร็จให้แก่ สอศ.
5. รู้จักระบบการจัดการที่ดี
ภาวะผู้นำของสอศ.ที่ต้องการ
1. มีคุณธรรมจริยธรรม
2. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3. มีความยุติธรรม
4. มีความซื่อสัตย์สุจริต
5. มีมนุษยสัมพันธ์ดี
6. มีความรับผิดชอบสูง
7. เป็นผู้นำที่ดี
ภาวะผู้นำของสอศ.ที่ต้องการ
1. เป้าหมายในการทำงานชัดเจน ยึดมั่นอุดมการณ์สู่เป้าหมายของงาน
2. มีความเสียสละ
3. มองการณ์ไกล มีวิสัยทัศน์
4. มีความเอื้ออาทร ซื่อสัตย์ ยุติธรรมและมีคุณธรรม
ภาวะผู้นำของสอศ.ที่ต้องการ
1. กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลงในสิ่งใหม่ ๆ ที่ทันสมัย ก้าวหน้า มีวิสัยทัศน์
2. มีความเสียสละ
3. สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา มองช่องทางและสร้างโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชา มีช่องทางที่จะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
4. ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะทำให้งานบรรลุเป้าหมาย
5. มีความยุติธรรม
ภาวะผู้นำของสอศ.ที่ต้องการ
1. มีวสัยทัศน์ที่ชัดเจน สามารถนำมากำหนดเป็นพันธกิจ เป้าประสงค์ และกลยุทธ์ขององค์กรได้ (Vision)
2. เป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงตามโลกาภิวัตน์ (Change Agent)
3. มีความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
4. รู้ปัญหาต่าง ๆ ของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อหาทางแก้ไข ปรับปรุง (Coaching)
5. สนับสนุนและเป็นต้นทางของการทำงานเป็นทีม (Teamwork)
จากบทความของ Nelson Mandela ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ คนที่ 11 มีเป้าหมายในการทำงานชัดเจน มีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งในการที่ได้มีการดำเนินที่เป็นระบบชัดเจน
สำหรับบทบาทผู้นำของอาชีวศึกษา ควรมีดังนี้
1. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในด้าน IT
2. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
3. ทำงานอย่างมีความมุ่งมั่น
จากบทความของ Nelson Mandela ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ คนที่ 11 มีเป้าหมายในการทำงานชัดเจน มีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดงานเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยใช้กลยุทธ์ในการดำเนินงานโดยเริ่มจากการเป็นผู้เคลื่อนไหวในทางสันติ และกลายมาเป็นผู้นำกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ตลอดจนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อต้านใต้ดินโดยใช้อาวุธ อาทิ การก่อวินาศกรรม จนเป็นที่รู้จักในฐานะนักต่อต้านนโยบายแยกคนต่างผิว และสามารถสร้างความปรองดองด้วยนโยบายประธานไมตรี
สำหรับบทบาทผู้นำของอาชีวศึกษา ควรมีดังนี้
1. เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการอาชีวศึกษาด้วยการบริหารจัดการยุคใหม่ในการผลิตนักศึกษาสู่สังคมอย่างมีคุณภาพสูงสุด
2. เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงที่จะปฏิรูปจัดการอาชีวศึกษาให้ทันการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนความต้องการของตลาดแรงงาน
3. ส่งเสริมบุคลากรในองค์กรให้มีความก้าวหน้าในการทำงาน พิจารณาความดีความชอบและเลื่อนตำแหน่งด้วยความยุติธรรม โปร่งใส
การมีศรัทธา เชื่อมั่นในคุณค่าของตนเองและต้องดึงมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การพัฒนาคนเพื่อนำไปปรับใช้กับตัวเราเองและเพื่อนร่วมงาน และนำไปใช้ในการปฏิบัติงานจริงให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ควรศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต
เรื่องคนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในองค์กร
ใน 2 วันนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการค้นหาคุณค่าของตัวเองและของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อดึงคุณค่าและศักยภาพของเขาเหล่านั้นในการสร้างทีมงาน และมอบหมายงานได้ตรงตามความสามารถของเขา
ได้รับความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับภาวะผู้นำซึ่งสามารถจุดประกายความคิดให้นำไปพัฒนาการอาชีวศึกาให้เข้มแข็งสามารถผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพสูงสุด สู่สังคมและทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคมโลกที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ได้รับ
1 วิธีการบริหารจัดการองค์กรในฐานะผู้นำ โดยเฉพาะการบริหารทรัพยากรบุคคล
2 วิธีการรักษาทรัพยากรบุคคลให้อยู่คู่กับองค์กรด้วยความรักและศรัทธา
Lesson Learn จากการเรียนรู้
1 วิธีการค้นหาคุณค่าของวิธีการเพิ่มคุณค่าของตัวเองรวมถึงวิธีการนำคุณค่าของตัวเองไปพัฒนาปรับไปใช้ในการทำงาน เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จและการมีความสุขในการทำงาน
ทฤษฎีภาวะผู้นำ
วิธีการเรียนรู้
การให้ความสำคัญทรัพยากรมนุษย์
ได้แนวความคิดในการมองภาพองค์รวมว่าการจะขับเคลื่อนองค์กรได้ดีต้องประกอบด้วยบุคลากรที่พร้อมที่ดี การที่บุคลากรที่พร้อมต้องเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเองเพื่อยกระดับตนเองและองค์กรให้สูงยิ่งขึ้น
สิ่งที่ได้รับ
ได้มีการริเริ่มและมีหลักเกณฑ์และแนวทางการบริหารงาน การสร้างบรรยากาศในการพัฒนาบุคคลในการทำงานร่วมกัน ผู้ร่วมงานที่บุคลิกภาพที่แตกต่างจากตัวเอาเพื่อปรับสภาพในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
มองเห็นคุณค่าและความสามารถของบุคลากรในองค์กรของเรา
ทำให้เกิดความเชื่อมั่น มั่นใจ ทำให้เกิดพลังอยากะทำงานให้ได้ประสิทธิภาพต่อไป เพื่อต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ได้แนวคิดและหลักการในการเป็นผู้นำที่ดีในการทำงานให้ประสบความสำเร็จและทำงานอย่างมีความสุขและมีส่วนร่วมของทุกคน ทำให้เกิดพลังในการทำงานขององค์กรกลุ่มงาน ฯลฯ
ในระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันกับหลักสูตรนี้ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานเป็นแนวทางในการทำงานชัดเจนมากขึ้น
ได้แนวคิดในการทำงาน การเห็นคุณค่าของตนเอง
สิ่งที่อยากให้เพิ่มเติม
อยากให้มีระบบอาวุโส ในการแต่งตั้งผู้บริหาร
สิ่งที่ได้จากการเข้ารับการอบรม ได้หลายสิ่งจากการอบรม แต่สิ่งที่ถูกใจและพอใจ คือเรื่องการสร้างเครือข่ายการมีคุณธรรม จริยธรรม อยู่ในใจ หรืออให้ความเป็นธรรมกับลูกน้อง (อย่างที่บอกว่าอยากได้อะไรจากคนอื่นต้องให้เขาก่อนเสมอ หรือเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาก่อน)
สิ่งที่ได้จากการรับการพัฒนาในช่วง 2 วัน ทำให้เกิดความไม่ท้อแท้ในการทำงานเหมือนได้รับแรงกระตุ้นให้สามารถกลับไปสู้กับงานที่คิดว่ามีอุปสรรคมากมาย จากที่เคยเบื่อหน่ายกับการติดต่อบุคลากรในองค์กรทำให้เข้าใจและสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับประยุกต์ใช้ในการการทำงานกับแต่ละบุคคลได้อย่างไรและคิดว่าความรู้ที่ได้รับในครั้งนี้จะนำไปใช้ได้ในอนาคตการทำงานได้ตลอด
การอบรมครั้งนี้ได้รับความประทับใจในครั้งนี้คือ
การนำคุณค่าของบุคคลแต่ละคนไปใช้ในการปฏิบัติงานให้ดีที่สุด
ได้เรียนรู้ว่า
ถ้ามีความเชื่อมั่นในคุณค่าของคนทุกคนในองค์กรและพัฒนาคนในองค์กรให้มีความศรัทธาในผู้นำและศักยภาพของคนทุกคนมาช่วยกันทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเกิดความมีส่วนรวมในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
การสื่อสารจะช่วยให้เกิดการทำงานได้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเห็นภาพองค์รวมของ HRD และ HRM จะต้องดำเนินการได้ด้วยกันถึงบรรลุผลสำเร็จขององค์กรและให้ความสำคัญของการบริหารจัดการคนภายในองค์กร
ได้อะไรใน 2 วัน
ได้รู้คุณค่าและศักยภาพของความเป็นมนุษย์
ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กรคือ คน
เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดพลังในการทำงาน
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ได้รัยรู้หลักการที่ดีในการบริหารงานมากขึ้น ทำให้สามารถนำไปปรับใช้ได้
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
การพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์ของคน ในองค์กร โดยอาจจัดทำโครงการบูรณาการและการทำงานร่วมกันทุกๆสำนักในการพัฒนาอาชีวศึกษา
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
การเป็นผู้นำต้องมีความศรัธาในคุณค่าของบุคคลในองค์กร และให้โอกาสในการแสดงออก หรือมีส่วนร่วมในการบริหารงาน
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนและ เรียนรู้ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ HRD และ HRM เพื่อให้องค์กรสู่ความสำเร็จและมีความสุขในการทำงาน
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อการปฏิบัติงาน คือการที่จะนำประสบความสำเร็จและนำพาองค์กรเดินไปสู่เป้าหมายนั้นคือคนที่เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ในการนำศักยภาพคุณค่าในแต่ละคนมาร่วมกัน ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการทำงานและเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นต้องได้ขวัญและกำลังใจได้รับการดูแล สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้น
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
การที่กระตุ้นให้เกิดความคิดและจุดประกายการเป็นผู้นำ โดยนำหลักแนวคิดในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ และได้เรียนรู้การมีภาวะผู้นำ ได้เรียนรู้ตนเอง ได้เรียนรู้ผู้บริหารเจ้านายหรือลูกน้อง และสามารถนำไปปรับใช้ ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้
ต้องเข้าใจคุณค่าของตนเองและเข้าใจคุณค่าของทีมงาน ทำให้กลับไปทำงานต้องทำและต้องตระหนักว่า ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีมงานในคุณค่าแห่งตนเองรวมทั้งการขับเคลื่อนองค์กรร่วมกัน มองเป้าหมายองค์กรร่วมกัน
ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับ Career Path มองคุณค่าของการขับเคลื่อนกรมอาชีวศึกษาของประเทศแทน
เปิดโลกแห่งการพัฒนาตนเอง และ Learning Society ในกลุ่มงาน
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ คือได้นำข้อคิดในการนำนำไปใช้ในการปฎิบัติงานคือ ความเข้าใจคุณค่าและการดึงคุณค่าและศักยภาพของตนเองและทีมงาน เพื่อสร้าง Team Work Relationship ระหว่างหัวหน้ากลุ่มงานและทีมงาน มองเป้าหมายรวมกันและพยายามร่วมมือรวมใจกันเพื่อไปถึงเป้าหมายขององค์กร
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ คือ การหาคุณหาของตนเอง นำเสนอต่อองค์กร และนำคุณค่านั้นใส่ลงในงานในหน้าที่ปฏิบัติงาน แล้วเราจะทำงานอย่างมีความสุข, ประสบความสำเร็จ, win win, ทั้งเราและองค์กร
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ คือ ได้ความรู้ว่าในบรรดาปัจจัยต่างๆในองค์กร ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือคน เนื่องจากคนเป็นผู้ขับเคลื่อนปัจจัยอื่นๆขององค์กร ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของ บุคคลากรจึงต้องพัฒนาศักยภาพเพื่อให้องค์กรมีความสามารถแข่งขันในสังคมโลกได้
สิ่งที่อยากให้เพิ่มเติมคือ อยากให้มีระบบ อาวุโส ในการแต่งตั้งผู้บริหาร ในส่วนที่ได้จากการเข้าอบรมในครั้งนี้คือเรื่องการสร้างเครือค่าย การคุณธรรมจริยธรรม อยู่ในใจ หรือให้ความเป็นธรรมกับน้องๆ
การเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้นในองค์กร ก็คือ การเปลี่ยนแปลงคน คนเป็นปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนและนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำหรือผู้ตามแต่การจะเปลี่ยนแปลงคนทั้งหมดในองค์กร ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแค่ให้แต่ละคนรู้สึกที่จะเข้ามามีส่วนร่ววมอย่างจริงจัง พัฒนาอย่างจริงจัง เริ่มทำอย่างจริงจัง
แต่ทั้งหมดนี้ ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ตัวเราต้องรู้จักคุณค่าของตัวเอง รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเราเอง
ต้องพาตัวเองไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อองค์กร เมื่อตัวเราพร้อม การทำงานเป็นทีม เป็นองค์กรก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
นิทานเรื่องหนึ่ง เล่ากันว่า
ตอนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่ๆ อวัยวะต่างๆ
ในร่างกายก็ทะเลาะกันว่า ใครควรจะเป็นหัวหน้า
สมองก็บอกว ่า
ฉันควรจะเป็นหัวหน้า
เพราะฉันคิดและตัดสินใจต่างๆนานา '
เท้าก็เถียงและบอกว่า
ฉันต่างหากที่ควรเป็นหัวหน้า
เพราะฉันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
และต้องพาพวก แกทั้งหลายเคลื่อนไปยังจุดหมาย
มือก็สวนขึ้นมาทันที
ฉันต่างหากที่ควรเป็นหัวหน้า
เพราะฉันทำงานหาเงิน มาทำให้พวกแกทั้งหลาย มีชีวิตอยู่ได้ '
แล้วทั้งอวัยวะทั้งร่างกายก็ต่างยกเหตุผลที่ว่าตัวเองควรเป็นหัวหน้า
จนมาถึง ' ตูด '
ยังไม่ทันจะเอ่ยเหตุผลของตัวเอง
ทุกอวัยวะก็ขำกลิ้งแล้วพร้อมใจบอกว่า
ไม่มีทาง พวกเราไม่มีวันให้ตูดเป็นหัวหน้าแน่นอน '
เมื่อเป็นดังนั้น ตูดก็สไตร์ค ไม่ยอมทำงาน
เพียงไม่นาน อวัยวะต่างๆ ก็ปั่นป่วนไปหมด
สมองที่ว่าแน่ๆถึงกับสลบเหมือด
จนในที่สุดต้องยอมให้ตูดเป็นหัวหน้า
จากนั้นทุกอวัยวะก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป
ใน ขณะที่หัวหน้า ก็มีหน้าที่นั่งเฉย แล้วก็ปล่อยอึออกมา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าดูถูกในคุณค่าและความสามารถของทุกคน
ทุกคนก้อมีหน้าที่ ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เหมือนฟันเฟืองที่มำให้องค์กรเดินต่อไปได้
แต่หากคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า ไม่ได้ทำคุณค่าอะไรเลย ภาพลักษณ์ที่ออกมาก้อจะเป็นแค่ "ตูด" เหมือนในนิทานนี่เอง
อาชีวะ ต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร และต้องเข้มแข็งขึ้นกว่านี้
ไม่งั้นสิ่งต่างๆ ที่สั่งสมมา จะมลายหายสิ้น
คนอาชีวะ พันธุ์แท้ ต้องเข้มแข็งเพื่อพวกเราเองและเพื่อองค์กร
จากหนังสือทรัพยากรพันธ์แท้ ของนายพารณ อิศรเสนา และดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ ได้ข้อติด แนวทางในการบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ผู้บริหารทุกระดับ ของ สอศ. ดังนี้
1. บริหารองค์กรต้องตระหนัก ให้ความสำคัญ และกำหนดนโยบาย แผนงานและโครงการ ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรทุกระดับ อย่างเป็นธรรม ทั่วถึงและสมำเสมอ
2. องค์ต้องกำหนดกิจกรรม แผนการดำเนินการที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรเห็นคุณค่าของบุคลากร ให้ความสนใจ ใกล้ชิด สนับสนุนความก้าวหน้าในสายงาน ที่ชัด เป็นรูปธรรม และทันสถานการณ์
3. บุคลากรทุกคนต้องได้รับการสนับสนุนให้มีการพัฒนาตนเอง และการเข้าร่วมรับการพัฒนาตามแผนที่องค์กรกำหนด เพื่อให้เป็นบุคลากรที่มีความเก่ง คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน และคนดี คือ เป็นผู้มีความประพฤติดี มีนำใจ ใฝ่ความรู้ มุคุณธรรม มีจิตใจรักองค์กร นอกจากนั้นยังต้องมีหลักการทำงานที่มีเป้าหมายและเน้นคุณภาพ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันองค์กรก็ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ด้วย
4. ปัญหา ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของบุคลากรในองค์ต้องได้รับการดูแลแก้ไขอย่างมีระบบ รวดเร็ว เป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง
5. พัฒนาระบบการสื่อสารภายในองค์กรให้มากขึ้น เป็นการสร้างความเข้าใจ มองภาพองค์รวม มีเป้าหมายเดียวกัน รู้เส้นทางที่จะปฏิบัติไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน การสร้างขวัญและกำลังใจ รวมถึงเส้นทางความก้าวหน้าให้บุคลากรทุกคนทีชัดเจน
จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า :ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกับการชี้แจง ครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด มีประโยชนและแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา คือ การปฏิบัติงานราชการมีกฎ ระเบียบ วินัย ข้อบังคับ ให้ทุกคนพึงปฏิบัติ ดังนั้นการปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาล ในขณะเดียวกันต้องพึงสำนึกเสมอว่า ทุกคนมีคุณค่า และศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์
การวิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping เปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L's และ 2R's ของอาชีวะ แล้วพบว่ามีความสอดคล้องและสามารถปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการทำ Mind Mapping เป็นการมองภาพ และร่วมวางแผนในองค์รวม โดยการนำแนวทฤษฎี 4 L's และ 2R's ที่มีการเรียนรู้แบบใหม่ วิเคราะห์แลกเปลี่ยนความคิด สร้างบรรยากาศการแสวงหาความรู้ร่วมกัน สร้างโอกาสในการเรียนรู้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นโอกาสในการร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กันและกัน เมื่อมีการรวมตัวกันส่งผลให้เกิดเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ในองค์กร มีการติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่บนพื้นฐานของความจริงและตรงประเด็นในเรื่องนั้น ๆ
จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า :ศึกษา
1. บทเรียนจากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ศึกษากรณีของคุณยรรยง
1.1 การเป็นข้าราชการประจำ ต้องมีจุดยืนของการบริหารองค์กร ไม่เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ให้นักการเมือง
1.2 ข้าราชการประจำต้องบริหารให้องค์กรหรือราชการได้ประโยชน์อย่างสุงสุด
1.3 การบริหารจัดการทุกอย่างต้องมีหลักการ โปร่งใส ตรวจสอบได้
2. esson learn จากบทความภาษาอังกฤษ
ระบบราชการไทยควรยกเลิกระบบอุปถัมภ์ในแง่ของการพิจารณาความดีความชอบ และควรเน้นการพิจารณากันที่ฝีมือและผลงาน
นอกจากนี้ต้องให้โอกาสคนทุกคนได้มีโอกาสทำงานและแสดงฝีมืออย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
3. เปรียบเทียบแนวคิด Mind Mapping และ 4L's และ 2R's แตกต่างหรือสอดคล้องกันอย่างไร
Mind Mapping ช่วยสอนให้บุคลลคิดอย่างเป็นระบบและปฏิบัติอย่างสมำเสมอ ซึ่งเป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ส่วน 4L's และ 2R's เป็นหลักการที่นอกจากจะเน้นให้บุคคลพัฒนาตัวเองแล้ว ยังเน้นให้มองในภาพรวมขององค์กรด้วย
1.ประเด็นแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษาจากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า : ศึกษากรณี คุณยรรยง พวงราช
1.1 การทำงานของข้าราชการยุคใหม่ นอกจากงานที่ต้องเน้นคุณภาพแล้ว ตัวข้าราชการเองก็ต้องมีคุณธรรมควบคู่ไปด้วยกล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้จะถูกแทรกแซง ถูกกดดันทั้งจากฝ่ายการเมืองหรือจากอำนาจที่ไม่ชอบธรรม
1.2 ผู้บังคับชาต้องเป็นตัวอย่างที่ดี มีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน รู้บทบาทหน้าที่ของตน ต้องฝึกตัวเองให้ใฝ่รู้ตลอดเวลา ฝึกการคิดวิเคราะห์กลั่นกรองก่อนตัดสินใจ รู้จักใช้การสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจและได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ
1.3 การสร้างความตระหนักให้เกิดกับข้าราชการทุกคนว่า “การเข้ามาเป็นข้าราชการ คือ การมาทำงานให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณพระองค์ท่าน”
2.ประเด็นแง่คิดที่เป็นประโยชน์ จากบทความภาษาอังกฤษ The new Office social contract
การรักษาคนที่มีทั้งความสามารถและมีความรักในองค์กรให้อยู่กับองค์กรไว้นานๆ เป็นเรื่องที่ยาก เพราะเด็กรุ่นใหม่มีความสามารถในการทำงานแต่ขาดความรัก ความผูกพันกับองค์กร กับคนรุ่นเก่าที่มีความรักองค์กรแต่ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน องค์กรควรหาทางแก้ไขความแตกต่างโดยให้คนทั้งสองรุ่น เรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งประสิทธิภาพในการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรเพื่อรักษาคนไว้ให้นานที่สุด
3.เปรียบเทียบ Mind Mapping กับ 4L's และ 2R's
การทำ Mind Mapping เป็นการช่วยวางระบบความคิดของคนให้สามารถเชื่อมโยงเรื่องต่างๆอย่างมีเหตุมีผล ทำได้ทุกเรื่องทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ และสามารถเห็นกรอบความคิดในภาพรวมได้ทั้งหมดในกระดาษเพียงหน้าเดียว สามารถประยุกต์ใช้กับองค์กรได้คล้ายกับแนวคิดของ 4L's และ 2R's
จากบทความภาษาอังกฤษ : ในองค์ใดก็ตามย่อมมีบุคลากรในหลาย ๆ รุ่น ทั้งรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ทักษะในนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่กับรุ่นเก่าที่มีความรู้และประสบการณ์การทำงาน รักองค์กร จะทำอย่างไรให้เกิดการผสมผสานศักยภาพระหว่างคนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนางานขององค์กรให้ก้าวหน้า มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และองค์กรจะมีกลวิธีอย่างไรที่จะรักษาบุคลากรให้อยู่ในองค์กรนาน ๆ
หนังสือ"ทรัพยากรมนุษ์พันธุ์แท้" ที่ได้รับมอบจาก ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างปรเทศ ในโอกาสที่เข้าร่วม การอบรมหลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นำ ระยะที่ 1 (รุ่นที่ 2) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย. 2552 ณ. จังหวัดนครนายก เป็นหนังสือที่มีคุณค่า ให้ความรู้
บุคคลที่ส่งคุณค่า 2 ท่าน ได้แก่ คุณพารณ อิสรเสนา ณ.อยุธยา และ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ มีความเชื่อ ศรัทธาและความ
มุ่งมั่น เรียก "คน" ว่าคน เป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดต่อองค์กร (Human Capital) ดังนั้นต้องมีการลงทุน
คน : เป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดต่อองค์กร (Human Capital) ด้วยทฤษฎี (8K' s (K-kapital )
K1 - Human Capital K2 - Intelleetual Capital
ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา
k3 - Extrical Capital K4 - Happiness Capital
ทุนทางจริยธรรม ทุนแห่งความสุข
k5 - Social Capital k6 - Sustaniable
ทุนทางสังคม ทุนแห่งความยั่งยืน
k7 - Digital Capital k8 - Talented Capital
ทุนแห่งเทคโนโลยี สารสนเทศ ทุนทางความรู้
การพัฒนาคน : HR เป็นยุทธศาสตร์ ( Strategies )ที่ใช้การบริหารบุคคล ( Personal Functional ) ประกอบด้วย
1. องค์กรและผู้นำ มีปรัชญา เน้นคนเป็นสำคัญ
2. วางแผนคนให้สอดคล้องกับงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
3. สร้างศักยภาพของคนให้เห็น ความสามารถในการเรียนรู้และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (Learning Organization)
4. สร้างแรงจูงใจ (Motivation) ให้อิสรภาพในการทำงาน เพื่อเพิ่มผลผลิต
5. เสริมสร้างคุณภาพชีวิต (สุขภาพกายและจิต)
การสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ( Competitiveness) : คนต้องเป็น "ผู้เรียนรู้ที่ดี" (Good Learner) มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอและขยายวงกว้างสู่ภาคประชาชน เพื่อเป็น "Global Citizen)
สรุป : ต้นแบบของคน ต้อง "เก่ง" - เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด "ดี" - ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้คู่คุณธรรม
ทดสอบ
จากหนังสือทรัพยากรพันธุ์แท้ของนายพารณ อิศรเสนาและ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้ข้อคิดแนวทางในการบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ดังนี้
1. บุคลากรทุกระดับมีคุณค่า มีความสำคัญทุกคนเหมือนฟันเฟืองทุกตัวต้องทำงานไปพร้อม ๆ กัน
2. ต้องสร้างองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
3. ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความรักในองค์กร
4. ให้ทุกคนได้เห็นความก้าวหน้าในการทำงานทุกตำแหน่ง ด้วยความสามารถ โปร่งใสและเป็นธรรม
5. กาวิธีการให้บุคลากรมีแนวคิดในการคิดเชิงบวกและคิดนอกกรอบในการทำงาน
จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจกกรณีที่คุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในได้ชี้แจง ครม. เรื่องการประมูล
ข้าวโพด เป็นการชี้แจงแบบสอนมวยนักการเมือง นั้น เป็นประเด็นที่สามารถนำมาใช้เป็นแง่คิดต่อการทำงานของข้าราชการประจำ
ดังนี้
1. การทำงานต้องศึกษาข้อมูล กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้รอบคอบ
2. ทำงานอย่างโปร่งใส
3. รักเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการประจำ
4. ทำงานด้วยการเดินสายกลาง
การวิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping เปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L's และ 2 R's มีความสอดคล้องกันและสามารถนำมาปรับใช้
กับการเรียนรู้ในองค์กรได้ เพราะ Mind Mapping เป็นการมองภาพในองค์รวมที่สามารถอธิบายถึงวิธีการที่จะไปถึงจุดหมาย
ปลายทางได้หลาย ๆ ทาง เช่นเดียวกับการเรียนรู้ในองค์กรก็สามารถเรียนรู้ได้หลายทาง ซึ่งการเรียนรู้ที่เป็นองค์รวมนั้น หากนำ
ทฤษฎี 4 L's และ 2 R's มาใช้จะทำให้เกิดวิธีการเรียนรู้ สร้างโอกาสและสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ รวมถึงการรวมกลุ่มกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งการเรียนรู้ในองค์กรก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ได้พบเห็นและได้จากการทำงานที่เกิดจากประสบการณ์
แง่คิดที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการบริหารคนใน สอศ. จากบทความภาษาอังกฤษ "The new office social contract
Loyalty is out, performance is in" คือ การสร้างบรรยากาศการทำงานระหว่างองค์กรกับบุคลากรให้เกิดความผูกพัน ความศรัทธา
และภักดีต่อองค์กร ซึ่งจะส่งผลต่อการบริหารจัดการองค์กร โดยประเมินผลการทำงานจากผลงานที่ได้ทำอย่างเป็นธรรม รวมถึง
การซื้อใจบุคลากรด้วยความเสียสละของผู้บริหาร มีการสร้างบรรยากาศในการทำงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการทำงานและ
มีการฝึกฝนพัฒนาบุคลากรให้ทำงานอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง
จากบทความภาษาอังกฤษ The new Office Social Contract: Loyalty is out, Performance is in บทความนี้บรรยายถึงความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย สภาวะการแข่งขันของการตลาด การมุ่งเน้นผลผลิต ส่งผลให้ความรู้สึกของคนในองค์กรในด้านแรงจูงใจในการทำงานพลอยเปลี่ยนไปตามยุคด้วย ซึ่งตามบทความได้ยกตัวอย่างของบริษัทยักษ์ใหญ่มาแต่อดีต IBM นาย Vincent Papke ซึ่งทำงานให้ IBM มาตั้งแต่เมื่อ 27 ปีก่อน ความพอใจในการทำงานของเขาคือการได้อยู่ในองค์กรที่มั่นคง มีบรรยากาศแบบครอบครัว คนในองค์กรมีความรู้สึกผูกพัน ภักดีกับองค์กร แตกต่างกับ นาย Steven Cohn อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ แรงจูงใจในการทำงานของเขาคือการได้รับค่าจ้างตามสัญญาข้อตกลงการจ้างที่ตนพอใจ และบริษัทฯ จะได้ผลงานตามข้อตกลงนั้น ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจ ไม่มีความผูกพันทางจิตใจกับองค์กร เป็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนตามกาลเวลา ที่คนใกล้จะเป็นเครื่องจักรมากขึ้น ความผูกพันทางจิตใจลดน้อยถอยลง ซึ่งเราสามารถสังเกตสภาพความเปลี่ยนแปลงของสังคมในบ้านเราได้ เช่น สภาพสังคมในชนบทที่คนในชุมชนมีความผูกพันกันเหมือนญาติพี่น้อง กับสังคมชีวิตในเมืองใหญ่ที่เน้นปัจเจกชน การเอาชีวิตของตนให้อยู่รอด ความรู้สึกผูกพันฉันท์ญาติลดน้อยลง
ในองค์กรใหญ่ต่าง ๆ จึงต้องบริหารคนให้มีความเหมาะสมเพราะยังมีบุคคลากรใน 2 ยุค ต้องผสมผสานให้บุคคลากรกลุ่มเก่าดั้งเดิมได้เข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของโลก และต้องบริหารจัดการสมัยใหม่ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันต้องพัฒนาคนทั้งสองกลุ่มให้มีศักยภาพสูง เพื่อให้เขาได้ผลิตผลงานที่มีคุณภาพให้แก่องค์กรด้วย
จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า กรณีของอธิบดีฯ ยรรยง พวงราช ในกรณีชี้แจง ครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 13 พค.52 นายยรรยง ฯ เป็นข้าราชการประจำ ในตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้รับมอบหมายจาก รมว.กระทรวงพาณิชย์ ให้มาชี้แจงต่อครม.ในเรื่องมติของครม.ชุดที่แล้ว ซึ่งได้อนุมัติเรื่องการประมูลข้าวโพดไปแล้ว จึงจะขอให้ ครม.ชุดนี้ให้ความเห็นชอบตามมติดังกล่าว
บทบาทของข้าราชการประจำในการนำเสนอพิจารณาในเรื่องนโยบาย ที่มีผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ควรใช้ประสบการณ์และข้อมูลที่ครบถ้วน ชัดเจน บนพื้นฐานฃองการโปร่งใส เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง
การเปรียบเทียบ Mind Mapping กับทฤษฏี 4L's และ 2R's ว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรนั้น Mind Mapping เป็นเรื่องของการถ่ายทอดความคิดและข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสมองลงสู่กระดาษ เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพในองค์รวมและข้อมูลส่วนย่อยที่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างความคิดหลักและความคิดรอง ทำให้สามารถนำภาพองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีอยู่ดังกล่าว ไปคิดต่อยอดหรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก (ฮั่นแน่!) ย่อมมีความสัมพันธ์กับทฤษฏี 2R's อย่างแน่เท้ เพราะการถ่ายทอดความคิดในลักษณะ Mind Map จะต้องมองความเป็นจริงหรือใช้ R ตัวที่ 1 คือ Reality การใช้ข้อมูลที่เป็นจริง มองภาพที่เป็นจริงไม่บิดเบือน และการเขียนผังความคิดจะต้องมีความ Relevance มองให้ตรงประเด็น ตรงกับเนื้อหาให้มากที่สุด ใช้ข้อมูลที่มีความเกี่ยวพัน หรือมีความเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่ต้องการให้มากที่สุด เพื่อให้ Mind Map นั้นมีความแจ่มชัด (Oh! my god)
Mind Mapping มีความเกี่ยวพันกับทฤษฏี 4L's ซึ่งเป็นทฤษฏีของการเรียนรู้ Mind Mapping เป็น Learning Methodlogy ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นการคิดวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และสรุปรวบยอด การใช้วิธีการของ Mind Mapping มาใช้ ทำให้เกิด Learnging Environment สร้างบรรยาการในการเรียนรู้ร่วมกัน ทุกคนนำข้อมูลของตนมาแลกเปลี่ยนและเขียนลงในผังความคิดที่มีความเชื่อมโยงกันได้ และยังสร้าง Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้เพราะทุกคนได้พบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลและสามารถร่วมกันสร้างองค์ความรู้ใหม่ขึ้นได้ ประการสุดท้าย Mind Mapping ทำให้เกิดจุดเริ่มต้นของ Learning Communities สร้างชุมชนในการเรียนรู้ ได้ทำ workshop ร่วมกัน ติดต่อสื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลาทาง Internet หรือผ่าน blog ถึงกัน เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ขึ้น (ไม่ใช่ย่อย เฮียแกสรุปได้ไงเนี่ย!)
ส่งการบ้าน มาทางเมลล์..Zip file เรียบร้อยแล้วนะคะ
โดยสรุป อ่านแล้วน่าสนใจมากค่ะ แต่หากผู้บริหารต้องเข้าใจและเห็นประโยชน์ของ HRD และ HRM อย่างจริงใจ
จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า กรณีของอธิบดีฯ ยรรยง พวงราช ชี้แจง ครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ที่เป็นประโยชน์และให้แง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา คือการเปลี่ยนแปลงที่สูงมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม การศึกษา การเมือง ดังนั้นผู้บริหารแนวใหม่ ต้องเชื่อมโยงกับโลกความจริง ( Reality) ให้ความสำคัญในเรื่องระบบเปิดโดยองค์กรจะต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างกว้างขวางกับสภาพแวดล้อม ต้องเป็นนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีโลกทัศน์กว้างไกล มุ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าบรรยากาศทางการเมือง เพื่อทำให้องค์กรเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นความสำเร็จของงาน
สวัสดีครับอาจารย์และพี่ๆ
บทความเรื่อง The new office social contract
บทความกล่าวถึงลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับคนทำงาน
ในอดีต คนทำงานต้องการความมั่นคงและค่าแรงเพิ่มสม่ำเสมอจากบริษัท
ขณะที่บริษัทต้องการความซื่อสัตย์จงรักภักดีอยู่กับบริษัทไปอย่างยาวนาน
ในขณะที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในยุคต่อๆมา คนทำงานต้องการความตื่นเต้นท้าทาย
ต้องการบริษัทที่มีแววความเจริญก้าวหน้าที่จะช่วยทำให้เขาพัฒนาตัวเองและอาชีพได้มากขึ้น
ซึ่งรายได้ก็ต้องยุติธรรมและสอดคล้องกับตลาด
และบริษัทก็ต้องการ “ผลิตภาพ”และ” “พันธะสัญญา” จากคนทำงาน
เป็นการแลกเปลี่ยนในรูปแบบ ถ้าคุณให้ (ตามที่เราต้องการ) คุณก็จะได้(รับสิ่งที่ตกลงกันไว้)
หรือเรียกว่าเป็นสัญญาผลิตภาพ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปสำหรับคนทำงานและองค์กรคือ เลิกพูดเรื่อง ภักดีต่อองค์กรได้แล้ว
เอาความสามารถมาแสดงให้ดูเลยดีกว่า ถ้าคุณไม่มีความสามารถสร้างประโยชน์ต่อองค์กร ก็ไม่สมควรทำงานที่องค์กรนี้อีกต่อไป
และในทางกลับกัน หากบริษัทไม่ให้ตามความสามรถที่คนทำงานมี คนทำงานก็ย่อมจะจากไปหาบริษัทใหม่ที่มีเงื่อนไขดีกว่า
แม้ว่าจะมีเสียงแย้งว่า งานมีอะไรมากกว่าผลิตภาพ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วย ชอบหรือไม่ชอบ
ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นแล้วและฝังตัวอยู่ในบริษัทยุคปัจจุบัน
หน่วยงานราชการมีเรื่องนี้หรือไม่ ข้าราชการต้องการเปลี่ยนแปลงให้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความสามารถ
จริงหรือ หากความมั่นคงยังคงเป็นจุดเด่นของงานราชการ ความสามารถคงวางไว้ห่างตัวได้ สุดปรารถนาคือความสามารถในการ
นำตนเองไปอยู่ในตำแหน่งงานที่มีผลประโยชน์แอบแฝง (เบี้ยเลี้ยง ค่าจ้างพิเศษ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก เที่ยวต่างประเทศ จัดประชุม
พิมพ์เอกสาร คุมการเงิน) ในบางประเทศมีข้าราชการสามารถใช้งานราชการที่เป็นงานประจำพลิกไปเป็นการรับจ้างทำงานที่ตนเอง
รับผิดชอบได้ด้วยวิธีการจ้างหน่วยงานอื่นทำงานภารกิจของตนและหน่วยงานอื่นนั้นมาจ้างตนเองทำงานภารกิจของตนอีกที
คนทำงานที่ญี่ปุ่นกลัวตำแหน่งงานที่นั่งใกล้หน้าต่างอย่างยิ่ง แต่ข้าราชการบางประเทศแสวงหาตำแหน่งนั้นตลอดชีวิต
Lesson From A Student Of Life
“Winston Shurchill saved the free world, but Peter Drucker showed us how to make that free world work.”
Peter Drucker กูรูด้านการบริหารจัดการที่เน้นการเรียนรู้ตลอดเวลา ได้รับการยอมรับอยางยิ่งใหญ่เช่นประโยคด้านบน
แต่คนผู้นี้ไม่ยอมรับการให้สัมภาษณ์หรือรับเชิญปรากฏตัวใดๆถึงกับมีการเตรียมพิมพ์โปสการ์ดตอบปฏิเสธไว้แจกเลย
Peter Drucker ไม่เคยลืมคำสอนของเขาที่ว่า อย่าถามว่าคุณบรรลุความสำเร็จแค่ไหนแต่ควรถามว่าคุณเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นแค่ไหน เมื่ออายุถึง 85 ปี ถูกถามว่าในจำนวนงานเขียน 26 เล่ม (งานระดับเขย่าโลก) คุณภูมิใจเล่มไหนที่สุด คำตอบของเขาคือ “เล่มต่อไป” แม้จะอายุถึงช่วงบั้นปลายแล้ว เขายังคงมีผลงานทางการบริหารจัดการสู่สาธารณชนโดยตลอด
หลายครั้งสำหรับคนที่เป็น The Great ระดับโลก
พบว่า ความคิด ความรู้ ที่คนเหล่านี้ถ่ายทอด สั่งสอน
เพื่อพัฒนาผู้คนทั้งโลกนั้น มีประโยชน์มหาศาล
แต่สิ่งเหล่านั้นยังมีค่าไม่เท่ากับบทเรียนคำสอน
ที่ The Great เหล่านี้ ใช้วัตรปฏิบัติของการดำรงชีวิต
เป็นบทเรียนสอนโลก
ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ ครม.
ข้าราชการกับนักการเมือง
มิติด้านความรู้ประสบการณ์
คน คนหนึ่งทำงานในหน้าที่เรื่องนี้มายาวนาน มีทั้งประสบการณ์ ความรู้ คุณวุฒิ วัยวุฒิ
คนอีกคนหนึ่งมีการศึกษาระดับสูง/ต่างประเทศ มีความพร้อมด้านเศรษฐกิจและสังคม
อายุน้อยกว่าคนข้างบน เริ่มมากทำงานเรื่องนี้เมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว
มิติด้านทัศนคติต่อกัน
คน คนหนึ่งมองว่าคนอื่นรู้น้อยกว่า หรือไม่รู้เรื่องที่ตนรู้ ตนรู้มากกว่า
คนอีกคนหนึ่งมองว่าคนข้างบนมีผลประโยชน์แอบแฝงมาเกี่ยวข้องในการทำงาน
มิติด้านการสื่อสาร
น้ำเสียง น้ำคำ น้ำใจ เจตนา มีปัญหาที่ฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่าย
มิติด้านการมองโลก
I am OK You are not OK
มนุษย์มีศักดิ์ศรีเท่ากัน เสมอภาคกัน
เมื่อไร ที่ใด สถานการณ์ไหน กาลเทศะใด
ที่คนอีกคนมีสิทธิในการดูหมิ่น ดูแคลน ดุด่า คนอีกคน
หรือว่าศักดิ์ศรีคนไม่เท่ากัน
ปริญญาเอกเหนือกว่าประถมสี่ จบการศึกษาจากต่างประเทศเหนือกว่าในประเทศ
เกิดที่กรุงเทพ เหนือกว่า เกิดที่โคราช อายุ 80 เหนือกว่าอายุ 20
พูดภาษาอังกฤษเหนือกว่าพูดลาว นามสกุล ณ วอชิงตัน เหนือกว่า โคกข้อยน้อย
ชำนาญการพิเศษเหนือกว่าปฏิบัติการ ขับแคมรี่เหนือกว่าขับโซลูน่า
รัฐมนตรีเหนือกว่าข้าราชการ นายกรัฐมนตรีเหนือกว่ารัฐมนตรี
มีติอาชีวศึกษา
..................................................................(คำตอบอยู่ที่คุณ)
Self Study
1.จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจก : กรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกับการชี้แจงครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา
สรุปประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา
การตัดสินใจสำหรับผู้นำหรือหัวหน้างาน ย่อมมีผลกระทบต่องานที่เกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันทุกองค์กรต่างก็ต้องทำการตัดสินใจทั้งสิ้น โดยในการดำเนินงานภายในองค์กรต่างก็ต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มากมาย ในการแก้ปัญหาเหล่านั้นต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ และตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในการแก้ปัญหานั้นอาจมีวิธีที่เป็นไปได้หลายทาง จึงจำเป็นต้องทำการตัดสินใจเลือกทางเลือกในการแก้ปัญหาที่เหมาะสม หรือเพื่อให้เป็น ไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ได้วางไว้มากที่สุด
สาเหตุของการตัดสินใจผิดพลาด 4 เรื่อง
ขาดประสบการณ์
ขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณ
มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
เล่นพวกหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัว
การป้องกัน
มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน
มีทีมงานที่ปรึกษา
เน้นความเป็นธรรมาภิบาล
มีการดำเนินการติดตามอย่างใกล้ชิด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษารูปแบบการทำงานส่วนหนึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
มีผลต่อเนื่องมาจากการเมืองในองค์กรเกิดขึ้นเฉกเช่นเสมือนองค์กรอื่นๆในภาคราชการของไทย
ดังนั้นในการตัดสินใจจึงควรมีกรอบในการตัดสินใจเพื่อสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมีข้อมูลสนุบสนุน ดังแสดงในรูป
การตัดสินใจ กำหนดปัญหา การแก้ปัญหา
ออกแบบ
เลือก
นำไปปฎิบัติ
ตรวจสอบ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Self Study 2 : ประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กร
จากบทความ “ The new office social contract : Loyalty is out , performance is in”
บทความสะท้อนให้เห็นความแนวคิดที่แตกต่างของบุคคล 2 วัยในบริษัทใหญ่ของ IBM วัฒนธรรมการทำงานแบบเก่าเน้นเรื่องความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อองค์กร เป็นการทำงานในระบบเกื้อหนุนพึ่งพาอาศัยกัน เปรียบองค์กรเป็นเสมือนครอบครัวใหญ่ กิจกรรมการทำงานเปรียบเสมือนกิจกรรมของครอบครัว เน้นความสุข ความผูกพันในการทำงาน แต่การทำงานของวัฒนธรรมแบบใหม่เน้นที่ความมั่นคงขององค์กร โอกาสในการก้าวหน้าในอาชีพคุ้มค่ากับสิ่งที่เขาทำให้กับองค์กร ยิ่งทำงานให้ได้มากก็จะได้รับผลตอบแทนมาก การจ่ายเงินรางวัลและโบนัสจะตัดสินจากผลงานมากกว่าความอาวุโสของการทำงาน ทำให้คนไม่มีความผูกพันกับองค์กร เกิดการย้ายงานมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการทำงานตามวัฒนธรรมแบบใหม่จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี ความเป็นโลกาภิวัฒน์ของโลกธุรกิจทำให้เกิดการแข่งขันทางการตลาดสูง ซึ่งผลดังกล่าวทำให้องค์กรต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานมาเน้นที่ผลผลิตหรือผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้น การบริหารงานในองค์กรในยุคใหม่เราต้องส่งเสริมให้คนได้รับการพัฒนา เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่งเสริมการแข่งขันทางการตลาด และควรทำให้พนักงานรู้สึกว่างานของตนมีความสำคัญ เพื่อให้คนทำงานอย่างมีความสุข มีความคิดสร้างสรรค์ มีความผูกพันกับองค์กร และทำงานให้องค์กรอย่างเข้มแข็งมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อองค์กร ซึ่งจะก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีมเพื่อร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Self Study 3. วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping เปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s
ข้อ3. วิเคราะห์ แนวคิดของ Mind Mapping มาเปรียบเทียบ กับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s
ทฤษฏี 4 L’s : เพื่อการเรียนรู้และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
Learning Methodology มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
Learning Opportunities สร้างโอกาสในการเรียนรู้
Learning Communities สร้างชุมชนการเรียนรู้
ทฤษฏี 2 R’s : Reality (มองความจริง) & Relevance (ตรงประเด็น)
ความสอดคล้อง ของ 4 L’s 2 R’s กับ Mind Map เป็นทฤษฎีที่ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้สำหรับมนุษย์ โดย 4 L’s นั้น เป็นการอธิบายถึง วิธีการเรียน การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ การสร้างโอกาสให้การเรียนรู้ และสร้างชุมชนการเรียนรู้ ทฤษฎี 2 R’s สอนให้เกิดการมองภาพตามความเป็นจริงก่อให้เกิดการคิดเชิงระบบ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ครอบคลุมได้ตรงประเด็น วิธีการ Mind Map จะทำให้เข้าใจในวิธีการเรียนรู้ซึ่งเป็นเรื่องของการจินตนาการเชื่อมโยงความคิดในเชิงระบบที่สัมพันธ์กันด้วยเหตุและผลในเรื่องที่เราต้องการศึกษาหรือบริหารจัดการ โดยมองความจริง (Reality) และเป็นการช่วยความจำ เกิดความคิดสร้างสรรค์ ช่วยในการนำเสนอ สื่อสาร วางแผนและบริหารงาน สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ทำให้สนุกในการที่จะคิดเชื่อมโยงต่อเนื่องอย่างเป็นระบบสามารถวิเคราะห์ปัญหาและเรียนรู้อย่างตรงประเด็น (Relevance) เท่ากับเป็นการสร้างโอกาสทางการเรียนรู้ ทำให้กระบวนการเรียนรู้ได้มากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 วิธีการสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงาน เพราะเมื่อบุคลากรในองค์กรมีนิสัยรักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา ก็จะส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในอนาคตของการเป็นคลื่นลูกที่ 4 เป็นเรื่องของการแข่งขันกันด้วยเรื่องของ wisdom หรือ knowledgeหากองค์กรใดมีทุนมนุษย์ที่มีองค์ความรู้ที่เข้มแข็งและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดองค์กรนั้นย่อมได้เปรียบต่อแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น
น.ส. พรศิริ บุษรารัตน์
สสอ. สอศ.
การบ้านสำหรับการเรียนรู้ระยะที่ 1 จากการอ่านหนังสือ
สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้
คำตอบ
สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ คือ แนวคิดในการนำองค์กรให้ประสบสู่
ความเป็นเลิศ
1. ด้านการปฏิบัติงาน
1.1 ควรทำงานเป็น Teamwork และ Trust in Human Value
1.2 ควรมี Network และ Partnership
1.3 ควรสร้าง แรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
1.4 ควรส่งเสริม Innovation
2. ด้านการพัฒนาบุคลากร
2.1 ควรมีนโยบายส่งเสริม Human Capital และ Ethical Capital
2.2 ควรพัฒนาบุคลากรให้มีคุณสมบัติเป็น Global Citizen และ Global Knowledge โดยเฉพาะ
Rational Systematic Thinking
2.2 ควรพัฒนาบุคลากร ให้มี Functional Skill, Conceptual Skill และ Personal Skill
2.3 ควรปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ learning organization
การบ้านสำหรับการเรียนรู้ระยะที่ 2 (Self Study)
4. จากบทความหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจก : ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กับการชี้แจง ครม. เรื่องการประมูลข้าวโพด ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา (อาจศึกษาควบคู่กับหนังสือ Think Again)
คำตอบ
ขอเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา ดังนี้
1.จะต้องใฝ่รู้ และหมั่นหาประสบการณ์ต่อการทำงานตลอดเวลา
2.ต้องมีความรอบคอบและใช้วิจารณญาณในตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่แท้จริง
3.จะต้องไม่เล่นพวกหรือใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแสวงหาผลประโยชน์
4.จะต้องใช้ระบบการติดตามและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล เป็นเครื่องมือในการบริหาร
5.จะต้องนำเสนอแนวคิดที่เฉียบคม อย่างรู้เขารู้เรา
6. ต้องกล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร โดยเน้นหลักธรรมาภิบาล
5.จากบทความภาษาอังกฤษ “The new office social contract : Loyalty is out, performance is in” ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กรของท่าน
คำตอบ
ขอเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กรของอาชีวศึกษา ดังนี้
1.การใช้เครือข่ายในการจัดอาชีวศึกษา
2.ความก้าวหน้าในวิถีทางราชการควรขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมากกว่าระบบอาวุโส
3. การจ่ายค่าตอบแทนและโบนัส ควรขึ้นกับความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล
6. วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s ของอาจารย์จีระว่ามีความสอดคล้องหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้อย่างไร
คำตอบ
1.เปรียบเทียบแนวคิดของ Mind Mapping กับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s
ทั้ง 3 แนวคิด คล้ายกันตรงที่เป็นการแสดงความสัมพันธ์ แต่แตกต่างกันตรงที่การถ่ายทอดนำเสนอเพื่อให้เกิดการปฏิบัติ กล่าวคือ Mind Mapping เป็นการแสดงความสัมพันธ์ในลักษณะการถ่ายทอดความคิด โดยใช้ภาพ สีเส้น และการโยงใย ส่วน 4 L’s เป็นการสะท้อนระดับการเรียนรู้ของสังคมที่ต้องมาบูรณาการโดยใช้ความนึกคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ถ่ายทอดเป็นตัวอักษร และ 2 R’s เป็นการแสดงความสัมพันธ์ในลักษณะการศึกษาและวิเคราะห์ จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และเกี่ยวข้องสัมพันธ์ตรงประเด็นโดยใช้ความนึกคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ถ่ายทอดเป็นตัวอักษร เช่นเดียวกับ 4 L’s ซึ่งถ้าสามารถ บูรณาการแนวคิดของ 4 L’s และ 2 R’s มาเขียนเป็น Mind Mapping ได้ จะทำให้เห็นเส้นทางการทำงานที่เป็นขั้นตอนชัดเจน และง่ายต่อการบริหารจัดการ เนื่องจาก Mind Mapping เป็นการสื่อด้วยภาพ เส้นสาย จึงง่ายต่อการเข้าใจและจดจำ
2. การนำมาปรับใช้กับการเรียนรู้ขององค์กร
2.1 Mind Mapping ปรับใช้เป็นเส้นทางการสั่งงานของหัวหน้างาน สู่ลูกน้องเริ่ม ตั้งแต่จุด เริ่มต้นของงาน จนถึงจุดหมายปลายทางของงาน (พร้อมแสดงชื่อผู้รับผิดชอบ)
2.2 4 L’s ปรับใช้ในการพัฒนา Learning Organization ให้มีทั้ง 4 ระดับ คือ การเรียนรู้ ในระดับชาวบ้าน การเรียนรู้ในระบบและนอกระบบการศึกษา การเรียนรู้ในระบบการทำธุรกิจและอุตสาหกรรม และการเรียนรู้ในระดับ ประเทศ เพื่อนำความรอบรู้มาบูรณาการ Creative Thinking
2.3 2 R’s ปรับใช้ในการติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษาเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารบนฐานข้อมูลตรงประเด็นและเป็นจริง
กรณีศึกษาของคุณยรรยง พวงราช : การทำงานของผู้นำองค์กร จะใช้ความรู้ ความสามารถเชิงวิชาการหรือความเก่ง
เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้ความรอบรู้และประสบการณ์ โดยใช้วิจารณญาณ หาข้อมูลให้ครบถ้วน
มีการปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบกับทีมงาน เน้นธรรมาภิบาล และต้องติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ผู้นำองค์กรจะต้องมีความเข้าใจ บทบาทของนักการเมืองกับข้าราชการประจำในระบบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ได้รับผลกระทบจากการเมือง
จากบทความ The new office social contract : ..... วิธีการที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการองค์กร ควรจะยึดทางสายกลางโดยมี
นโยบายที่เป็นส่วนผสมลงตัวระหว่างการให้ผลตอบแทนจากการประเมินการทำงานจากผลงานที่ได้อย่างเป็นธรรม แต่ในขณะเดียวกันต้องมีนโยบายที่จะซื้อใจพนักงานให้เกิดความภักดีต่อองค์กรด้วย เช่น มีสวัสดิการที่ดี บรรยากาศทำงานดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงมีการฝึกฝนพนักงานให้ทำงานอย่างมีคุณภาพ อย่างไรก็ดีการวางนโยบายโดยยึดทางสายกลาง ควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงบริบททางสังคมของแต่ละสังคมด้วย เช่น ระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้การทำงานมิได้ถูกประเมินอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส จนได้บุคลากรที่ไร้ประสิทธิภาพแท้จริงเข้ามาบริหารงาน แต่องค์กรก็เพิกเฉย หากองค์กรสามารถบริหารจัดการให้เป็นตามทางสายกลางดังกล่าว มีนโยบายที่ผสมผสานจากทัศนคติจากทั้งสองด้าน นำไปสู่คุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดี ได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างชัดเจนตามความสามารถ และมีความรู้สึกที่ดีร่วมกัน ย่อมจะช่วยให้องค์กรฝ่าฟันอุปสรรคในยามวิกฤติและทำให้องค์กรมีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เรื่อง ส่งงานการเรียนรู้ จาก จันทนา อินทรัตน์
บทความภาษาอังกฤษ " The new office social contract : Loyalty is out. performance is in " ประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กร สอศ.คือ การสะท้อนภาพการเปลี่ยนที่สูงมากขององค์กรในปัจจุบัน บทบาทหน้าที่ของผู้นำ ค้องมีทักษะ เทคนิคการบริหารจัดการภายในองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถสร้างความร่วมมือบนพื้นฐานของความแตกต่างของบุคคล ด้านทัศคติ แนวคิดในการทำงาน วัยวุฒิ ความรู้ ความต้องการ โดยหาทางรับมือ/แก้ไข/พัฒนา ให้ถูกทาง ต้องให้บุคลากรเข้าใจว่า การเอาตัวรอดในสังคมเพียงคนเดียวเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในยุคปัจจุบัน ต้องพึ่งทฤษฎีการอยู่ร่วมกัน ต้องสนใจเรื่องสายใย chain โดยการสร้างพันธมิตรการทำงานร่วมกันเพื่อให้องค์กรมีความเป็นหนึ่งเดียว มีการตกลงเป้าหมายร่วมกัน กำหนด Key Performance ที่กำหนดระยะเวลาและผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน
จันทนา อินทรัตน์
หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ อ่านแล้วได้ประโยชน์ต่ออาชีวศึกษาในหลายประเด็น อาทิ วิธีคิด วิธีการทำงาน ของนักบริหารมืออาชีพ 2 ท่าน คือ ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ท่านจีระ หงส์ลดารมย์ ที่มีกลยุทธ์ในการสร้างความเป็นเลิศให้องค์กรจากแรงจูงใจ เป็นแบบอย่างพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของผู้นำต่อการทำให้องค์กรเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นความสำเร็จของงาน (Good Execution) เป็นนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีโลกทัศน์กว้างและไกล
ชี้แนะให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพความเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ (Human Ability) เน้นการเชื่อว่าคนทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพยสินอื่นใดในองค์กร ในการพัฒนาคนไม่ใช่พัฒนาแต่พนักงานแต่จะพํฒนาไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทำให้เกิดแนวคิดในการพัฒนา สอศ.ว่า ทำอย่างไรจึงจะสร้างพันธมิตรและการทำงานร่วมกันกับหน่วยงาน และบุคคล อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนมัธยม ผู้ปกครอง นักศึกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้ดีขึ้นในทุกระดับชั้น และบริหารไปถึงลูกค้าคือ บริษัท องค์กร หน่วยงานที่ใช้สินค้า เพื่อให้ได้นักศึกษาที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการและเป็นที่เรียกหาของลูกค้า
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ศิริพร กลิ่นปาน (สวพ.)
1.กรณีศึกษาของคุณยรรยง พวงราช : การทำงานของผู้นำองค์กร มีหลายวิธีที่เลือก จะเลือกความถูกต้อง หรืองถูกใจนาย
ด้วยประสบการณ์แล้วท่านคงทราบว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร จะทำใจได้แค่ไหน ?......
2.จากบทความ The new office social contract : ..... วิธีการที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการองค์กร อย่างแท้จริงแล้วถ้าทุกคน
มีจิตสำนึกลึก ๆ ที่รู้จักองค์กร รู้จักหน้าที่ รู้จักตัวตน และยึดกฎ เกณฑ์ที่วางร่วมกันแล้ว องค์กรก็จะเจริญก้าวหน้าขึ้นๆ ไป
3. เปรียบเทียบแนวคิดของ Mind Mapping กับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s
การจะนำแนวคิดใดมาใช้นั้น จะต้องดูว่าองค์กรของเราเป็นรูปแบบใดและนำหลักอะไรมาใช้ถึงจะเหมาะสมค่ะ
จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ อ่านแล้วได้ประโยชน์ต่ออาชีวศึกษาในหลายประเด็นแต่ที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนา
ทุกคนในองค์กรและทุกด้านให้ไปพร้อมๆ เพื่อความสมดุลย์ในหน่วยงาน............
หนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ เป็นหนังสือที่รวมแนวคิด ความเห็น และประสบการณ์ที่ผ่านมายาวนานของท่านอาจารย์ พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และท่านอาจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ยืนยันและผลักดัน ขบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างไม่ลดละมาโดยตลอด ทำให้เห็นว่าทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุดเหนือกว่าทรัพยากรอื่นใด เนื่องทรัพยากรมนุษย์สามารถเป็นได้ทั้งผู้สร้าง ผู้พัฒนาและผู้ทำลายทรัพยากรอื่น ๆ เมื่อทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญดังกล่าวแล้ว ในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็ต้องคำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ชุมชน สังคม และประเทศ
ข้อ 1 จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า กรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กับการชี้แจง ครม. เรื่องการประมูลข้าวโพด
เมื่ออ่านแล้วได้แง่คิดที่สามารถนำมาใช้กับการทำงานได้ดังนี้ คือ
ข้อ 2. จากบทความ “_The new office social contract: Loyalty is out, pertormance is in” ได้แง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กร
แนวทางในการบริหารงานด้านบุคลากรขององค์กร สิ่งที่สำคัญเป็นลำดับแรกคือ บุคลากรภายในหน่วยงานนั้น ๆ หน่วยงานจำเป็นต้องกำหนดนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลในแต่ละด้านเพื่อให้เกิดความพึงพอใจ เช่น ด้านการสรรหาข้าราชการ ด้านวินัย ด้านส่งเสริมขวัญกำลังใจ ด้านการวางแผนความก้าวหน้าในสายงานอาชีพ ด้านการจ่ายค่าตอบแทน รวมถึงแนวทางการพัฒนาข้าราชการต้องชัดเจนและต้องสอดคล้องและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ คำสั่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนต้องยึดถือระบบคุณธรรมและจริยธรรมเป็นหลักในการปฏิบัติ จึงจะนำพาองค์กรไปสู่วัตถุประสงค์และเป้าหมายเดียวกันได้
ข้อ 3. การวิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’s c]t 2 R’s ของอาจารย์จีระว่ามีความสอดคล้องกัน เป็นแนวคิดที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้ การแสดงความสัมพันธ์ การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ ทั้งแนวคิดของ Mind Mapping และแนวคิด 4 L’s c]t 2 R’s สามารถนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-----------------------------------------
ชื่อ นางรัตนาวดี ชมโฉม สังกัดสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา เข้าอบรมรุ่นที่2 ระยะที่1
เรียน ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์
อาจารย์คะ ขอส่งการบ้าน 3 ข้อดังนี้
1. การบ้านข้อที่ 1 ศึกษากรณีคุณยรรยงที่ครม. จากการอ่านบทความแล้วขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษาคือ
1.1 การทำงานอะไร ต้องศึกษาความเป็นไปได้และหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าถูกต้องหรือไม่ที่จะทำเช่นนั้น
1.2 การที่คุณยรรยง เป็นผู้แถลงข้ออธิบายต่อครม. เช่นนั้นอาจเป็นเพราะข้าราชการประจำต้องฟังนักการเมืองที่เป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่า สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม ฉะนั้นก่อนที่เราจะเข้าไปทำงานใดๆต้องดูความถูกต้องและต้องปรึกษาหารือกับผู้เกี่ยวข้องให้รอบคอบก่อนทำ
1.3 เห็นด้วยกับจุดอ่อนของคุณ ยรรยง ที่อ่อนหรือขาดประสบการณ์ การทำงานที่ทำไป ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองทำให้คนอื่นมองคุณยรรยงไปในแง่ลบ ทำให้เราคิดได้ว่า ก่อนทำงานที่ได้รับมอบหมายต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณางานนั้นๆให้รอบคอบก่อน โดยคำนึงถึงคุณธรรม ความถูกต้องและผลลัพธ์ที่ได้ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหลังจากการทำงานนั้นๆแล้ว โดยเฉพาะประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
1.4 ควรปรึกษาผู้มีประสบการณ์ และหาทางป้องกันสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่จะเกิดขึ้น หลังการทำงานนั้นๆให้ยึดหลักการ Think Again
1.5 ต้องฝึกฝนตนเองให้มีความเฉลียวฉลาดในการทำงานด้านอาชีวศึกษาโดยต้องตื่นตัวอยู่เสมอในเรื่องใฝ่รู้ ใฝ่ที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ผู้อื่น นำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานของตนเองโดยยึดหลักทฤษฎี 4L’s และ2R’s ซึ่งสามารถจะพัฒนาการอาชีวศึกษาให้เจริญก้าวหน้าได้ ในยุคเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในภาวะปัจจุบันนี้
1.6 การจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จต้องทำงานเป็นทีมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมาประกอบกับความคิดเห็นของเรา คือ การทำงานของอาชีวศึกษาต้องฟังเสียงรอบด้านเช่น ผู้ปกครองนักเรียน-นักศึกษา,ผู้ประกอบการที่จะรับนักเรียน-นักศึกษาเข้าทำงาน นักเรียน-นักศึกษา ผู้บริหารส่วนกลางและผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และสอศ.ที่จะขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด และนำผลการประเมินมาปรับปรุงแก้ไขการทำงานให้ดีกว่าเดิม
2. การบ้านข้อที่ 2 จากบทความภาษาอังกฤษ The new office social contract: Loyalty is out,
performance is in
หลังจากอ่านบทความแล้วได้แง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในสสอ.ดังนี้
2.1 ต้องกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการทำงานของสสอ.ให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม ให้ทุกคนในสสอ.ร่วมมือกันปฏิบัติตาม ผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์(Vision) ที่กว้างไกลมีกลยุทธ (Strategy)และวิธีการให้ลูกน้องทำงานด้วยความเต็มใจและมีผลงานที่ปรากฏชัดเจน
2.2 วางแผนการพัฒนาคนในสสอ.ให้ทำงานได้ผลดีบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้โดยหาความต้องการพัฒนาการเรียนรู้ของคนในสสอ.เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ให้โอกาสทุกคนได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้และทักษะในการทำงาน
2.3 มีการบริหารจัดการที่ดีคือ จัดระบบการทำงานให้เป็นระบบว่าใครทำหน้าที่อะไรไม่ทับซ้อนกัน ร่วมกันทำงานให้บรรลุเป้าหมายของสสอ. โดยใช้วิธีการระดมสมองจากหลายฝ่ายเพื่อให้ได้ความคิดที่แตกต่างและดีกว่าเดิม
ในการปฏิบัติงานและต้องพัฒนาการทำงานให้มีความสุข สนุกกับการทำงานเป็นทีม ต้องให้ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน พัฒนาคนให้มีทักษะเพิ่มขึ้น มีความมั่นคงในหน้าที่การงานเหมือนในบทความที่กล่าวว่า Add to his skills and further his long range career goals.
2.4 มีแนวทางในการประเมินคุณภาพของคน เช่น Pay and bonuses are based on performance measures instead of seniority.
2.5 ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาบุคคลในองค์กร เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน มี
นวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้น มีนโยบายใหม่ๆจากรัฐบาลและสอศ. เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อการประเมินผลการทำงานของคนในสสอ.
2.6 การเป็นผู้บริหารที่ดีต้องใส่ใจลูกน้องในทุกๆเรื่อง เช่น ในบทความที่กล่าวว่า “These workers also want to be inspired by the vision of the company and its reputation and to be confident they can have an impact on the work of the company” ดั้งนั้นสสอ.ควรกระตุ้นการทำงานของลูกน้องด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กรเมื่อผลการทำงานสำเร็จอย่างมีคุณภาพดีก็ควรยกย่อง ชมเชย ให้เกิดเป็นตัวอย่างแก่คนอื่นๆ เพื่อให้ลูกน้องเกิดความมั่นใจในตนเองและตั้งใจทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม
3. การบ้านข้อที่3 วิเคราะห์แนวคิดของ Mind mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด4L’s และ2R’s ของ
อาจารย์จีระ ว่ามีความสอดคล้องหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ในองค์กรได้อย่างไร คำตอบคือ
3.1 ความสอดคล้องของแนวคิดMind Mapping กับ4L’sและ2R’s
จากแนวความคิดของดิฉันเห็นว่า การเรียนรู้ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันเป็นผลจากการที่คนเราทำ
กิจกรรมต่างๆแล้วเกิดประสบการณ์และเกิดทักษะต่างๆขึ้นเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมค่อนข้างถาวร เป็นองค์ความรู้ที่อยู่ในคนคนนั้นแล้ว ดังนั้นความสอดคล้องของแนวคิดของทฤษฎี4L’s 2R’s และ Mind Mapping
คือ การเรียนรู้ของคนเกิดจากการลงมือทำงานชิ้นนั้นๆจนเกิดประสบการณ์และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องและดีขึ้นกว่าเดิมเพราะเรามีการจดบันทึก เช่นใช้แผนผังเพื่อแสดงคำหรือแนวคิดจากการมองเห็นภาพองค์รวม เป็นความคิดรวบยอด(Concept)คือเป็นความคิดหลักและแตกกิ่งก้านเป็นความคิดรองและความคิดย่อยๆเหมือนกับมีวิธีการเรียนรู้ที่ดี สร้างบรรยากาศและโอกาสในการเรียนรู้ (ใช้จิตวิทยาให้ผู้เรียนเกิดความอยากเรียนรู้) ใช้การสื่อ ความหมายด้วยข้อความและรูปภาพให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้นและเหมือนกับการวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้จากการมองความจริงและตรงประเด็น (2R’s) และผลที่ได้รับคือองค์ความรู้ที่พร้อมจะถ่ายทอดสู่คนอื่นๆต่อไปเปรียบเทียบได้กับการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
3.2 ความแตกแต่งของแนวคิด Mind mapping กับ4L’sและ2R’s
Mind Mapping เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ใช้สมองทั้ง 2 ซีกไปพร้อมกันในการแสดงความคิดหลัก ความคิดรอง ออกมาเป็นคำหรือข้อความที่แผ่ออกจากศูนย์กลาง ใช้สื่อความหมายด้วยข้อความหรือรูปภาพคล้ายๆการแตกกิ่งก้านของต้นไม้ ส่วนแนวคิด 4L’s และ 2R’s เป็นการเรียนรู้จากการคิดวิเคราะห์ปัญหา เชิงตรรกะ ใช้สมองซีกซ้าย
เป็นส่วนใหญ่
3.3 สามารถนำหลักการและแนวคิดของMind Mapping ,4L’s และ2R’s ไปปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้ดังนี้
1) Mind Mapping ใช้กับการทำงานต่างๆได้หลากหลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพื่อการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่น ใช้วางแผนการจัดประชุม สัมมนาใช้สรุปผลการทำงานเสนอผู้บริหาร 2) การใช้ Mind Mappingเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงานในองค์กร นำมาเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นความคิดหลัก ความคิดรอง หรือความคิดย่อยของเราที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน เพื่อการวิเคราะห์แก้ไข การทำงานนั้นๆให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิม และสรุปรวบรวม เป็นองค์ความรู้ไว้ถ่ายทอดให้รุ่นหลังเป็นข้อมูลในการเรียนรู้ต่อไป
3) ใช้วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน โดยใช้ทฤษฎี 2R’s มองความจริงให้ตรง
ประเด็น ได้ความคิดรวบยอด เป็นโจทย์ในการทำ Mind Mapping เพื่อการระดมสมอง หาข้อมูลเท็จจริง ที่เกี่ยวข้องต่อไป จะทำให้มองเห็นปัญหาว่าติดขัดอยู่ในส่วนใด พร้อมที่จะแก้ไข และนำทฤษฎี 4L’s มาใช้ในการจัดฝึกอบรมเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ จนสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้เกิดขึ้นในองค์กร และเก็บเกี่ยวองค์ความรู้นั้นๆไว้เพื่อการถ่ายทอดให้นักเรียน นักศึกษา ผู้ร่วมงาน หรือรุ่นน้องๆใช้เป็นกรณีศึกษาแก้ปัญหา ในการปฏิบัติงานในเรื่องนั้นได้ถูกต้อง
4) ใช้นำเสนอข้อมูลจัดระบบความคิดช่วยความจำ วิเคราะห์เนื้อหาฝึกอบรม รวมทั้งสรุปข้อมูล
5) นำไปประยุกต์ใช้ในงานการฝึกอบรม โดยใช้วางแผนโครงการ กำหนดหลักสูตรฝึกอบรม
กลยุทธ์ในการทำงานนำเสนอผลงานการฝึกอบรม และใช้เก็บข้อมูล ความรู้ ความคิด แนวคิดและสรุปเป็นแผนผังหรือรูปภาพ รายงานเสนอผู้บังคับบัญชารับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารต่อไป
6) การเขียนแผนที่ความคิดเหมือนกับเครื่องมือทางด้านการบริหารงานต่างๆที่มีคุณค่า คุณภาพใน
ตัวเอง ช่วยให้คนทำงานเป็นทีมได้และรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆได้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นขององค์กร เนื่องจากทุกคนมีส่วนร่วมในการวางแผนการทำงาน ดังนั้นจึงทำงานด้วยกันเป็นทีมได้ ผลงานที่ได้มีคุณภาพตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
รัตนาวดี ชมโฉม (รุ่นที่2 ระยะที่1)
จันทนา อินทรัตน์
การวิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping กับแนวคิด 4L's และ 2 R's ของ อ.จีระ พบว่าMind Mapping เป็นแผนผังทางความคิดให้มองเห็นภาพ ในองค์รวมและข้อมูลย่อย ที่เชื่อมโยงถึงกันในแต่ละขั้นตอน โดยใช้ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ชื่อมโยงกับโลกความจริง (Reativity) และมีความ Relevance มองให้ตรงประเด็นกับเนื้อหามากที่สุด เพื่อให้เกิดภาพที่ชัดเจนไม่ผิดเป้าหมาย สำหรับแนวคิด 4L's และ 2 R's ของ อ.จีระ เป็นเรื่องของการเรียนรู้จากการคิดวิเคราะห์ปัญหาเชิงตรรกะ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้รวมกันในการดำเนินงานได้
1. จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจก : ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กับการชี้แจง ครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ขอนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา ดังนี้
1. การทำงาน ต้องพัฒนาโดยหมั่นศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ที่เป็นปัจจุบัน ข้อมูลถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการสามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้ และนำมาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเพื่อให้ผลงานมีประสิทธิภาพสูง
2. การทำงานเป็นทีมต้องแนะนำแนวทางให้เข้าใจตรงกัน มีการปรึกษาหารือ ร่วมแสดงความคิดเห็นวิธีการดำเนินงานอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลงานบรรลุตรงตามเป้าหมาย
3. การทำงานย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง ต้องรู้จักหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปด้วยดี หรือมีผลเสียน้อยที่สุด
บางครั้งอาจต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
4. ถ้ามีผลประโยชน์ทับซ้อนต้องเน้นธรรมาภิบาล
5. ถ้ามีการเล่นพวกหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัว ต้องมีการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด
2. จากบทความภาษาอังกฤษ “The new office social contract : Loyalty is out, Performance is in”
ขอนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กร ดังนี้
1. ผู้นำองค์กร ต้องกำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ในการทำงานอย่างชัดเจน และต้องชี้แจง แนะนำบุคลากรทุกคน
ให้เข้าใจความหมายวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ขององค์กรไปในทิศทางเดียวกัน
2. ผู้นำองค์กร ต้องมีความยุติธรรม และให้บุคลากรในองค์กร เข้าพบได้ง่าย เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ ชี้แนะ
รับฟัง ความคิดเห็นฯ
3. องค์กรต้องพัฒนาบุคลากร(ทุกคน)ภายในองค์กร ส่งเสริมให้มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ
ความเชี่ยวชาญเพิ่มมากขึ้น
4. เมื่อองค์กรน่าอยู่ บุคลากรทุกคน มีขวัญกำลังใจ ก็ปฏิบัติงานอย่างมีความสุข มีความคิดสร้างสรรค์ มีความผูกพันกับองค์กร มีความซื่อสัตย์ มีความจงรักภักดีต่อองค์กร ทำให้เกิดการทำงานเป็นทีมและองค์กรก็จะถึงเป้าหมายที่กำหนด
3. วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s ของอาจารย์จีระ
ว่ามีความสอดคล้องหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้อย่างไร
ตอบ ทฤษฎี 4 L’s เพื่อการเรียนรู้และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
Learning Methodology มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
Learning Opportunities สร้างโอกาสในการเรียนรู้
Learning Communities สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
ทฤษฎี 2 R’s เพื่อการวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้
Reality มองความจริง
Relevance ตรงประเด็น
ความสอดคล้องของ Mind Mapping กับ 4 L’s และ 2 R’s Mind Mapping เป็นวิธีการเรียนรู้ที่สนุก หน้าสนใจ สามารถนำ Mind Mapping ไปใช้ในการปฏิบัติงานและในชีวิตประจำวันได้ โดยการคิดกว้างเป็นหลักใหญ่ก่อน แล้วแตกความคิดย่อย
ซึ่งต้องมีความสัมพันธ์กันด้วยเหตุและผล โดยออกมาเป็นคำ ข้อความสั้นๆเข้าใจง่าย รูปภาพ การใช้สี ลายเส้น ทำให้ดูสวยงามและเข้าใจง่าย ส่วน 4 L’s และ 2 R’s เป็นทฤษฎีที่ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ โดย 4 L’s หมายถึง วิธีการเรียนรู้ที่ดี การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ และทฤษฎี 2 R’s คือมักจะค้นพบแนวความคิดจากการศึกษาและวิเคราะห์จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องสัมพันธ์ตรงประเด็นกับสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว สามารถนำทั้ง 2 วิธี มาปรับใช้ในการทำงานได้ ถ้าบุคลากรในองค์กรมีโอกาสในการเรียนรู้ มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี มีชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่ดี ก็ทำให้การทำงาน ทำงานอย่างมีความสุข ผลงานก็มีประสิทธิภาพมากองค์กรบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
หนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”
สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” เป็นหนังสือที่เผยแพร่ความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ต่อสังคม โดยนำบุคคลที่ทรงคุณค่า และได้รับการยอมรับนับถืออย่างกว้างขวางทั้งสองท่านในเรื่องทรัพยากรมนุษย์ ทั้งด้านเป็นผู้นำความคิด
ผู้บุกเบิก และปฏิบัติ คือคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ นำเสนอในรูปแบบของการสนทนา
ทั้งบทสนทนา โดยตรงจากท่านทั้งสอง และบทสนทนาจากผู้ใกล้ชิดและร่วมปฏิบัติงาน เป็นการกล่าวถึงความเชื่อ ความศรัทธาและความมุ่งมั่นเรื่องคนที่ตรงกันของทั้งสองท่าน ตลอดจนประวัติพอสังเขป ของแต่ละท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติและผลงานด้านการทำงานที่เกี่ยวกับคน เข้าใจถึงแนวทางในการทำงานของท่านทั้งสอง และแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ซึ่งข้าพเจ้ามีความรู้สึกประทับใจ “คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร” ซึ่งผู้บริหารจะต้องทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ฝึกสอนและพี่เลี้ยงพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดเวลา เพื่อให้เขาสามารถเรียนรู้และสามารถปลดปล่อยความรู้ความสามารถของเขาออกมาอย่างเต็มที่ด้วยการส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและสนับสนุนให้มีการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
กรณีศึกษาคุณยรรยงที่ครม.
ปัญหา มีการถกถียงกันอย่างหนักระหว่างนายกฯอภิสิทธิ์และครม.ท่านอื่น ๆ เรื่องการขออนุมัติ ครม.ประมูลข้าวโพด รมต.พรทิวา นาคาสัย ได้ให้อธิบดีกรมการค้า คุณยรรยง พวงราช ชี้แจง และได้อธิบาย
ยืนกรานว่า ครม.ชุดที่แล้วอนุมัติไปแล้ว ครม.จะทำสัญญาเองไม่ได้และขอครม. ให้ความเห็นชอบตามมติเดิม
ภาวะการณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องปกติระหว่างการเมืองกับข้าราชการประจำ เกิดขึ้นเสมอ ตามภาระหน้าที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ บางครั้งทำในเรื่องที่ถูกใจฝ่ายหนึ่ง แต่ก็ไม่ถูกใจอีกฝ่ายหนี่ง
ในกรณีดังกล่าว คุณยรรยง ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างท่านนายกฯ กับ รมต.พรทิวา คุณยรรยง
ต้องสามารถบริหารความขัดแย้ง ต้องมีมุมมองปัญหา 360 องศา ต้องมีข้อมูลแน่น สถานการณ์ที่กดดัน ต้องมีสติเพียงพอ ใช้การสื่อสารและต้องมีวาทะการเจรจาต่อรอง ภายใต้การวิเคราะห์สถานะการณ์แบบ win-win เพื่อไม่เกิดการเสียหน้า
ณัฏฐี ศรีสวัสดิ์
สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา
-------------------------------------------------------
The new office social contract : Loyalty is out, performance is in
บริษัท IBM เป็นบริษัทใหญ่ระดับชาติ จำเป็นอยู่แล้วที่บริษัทจะต้องคำนึงถึงผลประกอบการ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่เดิมบริษัทคำนึงถึงระบบอาวุโส ความจงรักภักดีของพนักงานต่อบริษัท มีการบริหารงานบุคคลแบบความสัมพันธ์เหมือนเป็นครอบครัว มีการทำงานเป็นทีม แต่เมื่อมีวิวัฒนาการเทคโนโลยี ทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการแข่งขันที่รุนแรง เพื่อความอยู่รอดของหน่วยงาน บริษัท IBM ได้ปรับเปลี่ยนระบบ HRM คำนึงถึงคุณภาพของการปฏิบัติงานของพนักงานที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตให้แก่องค์กร
ในโลกของความเป็นจริง ในมุมของพนักงานในองค์กร ก็จะมีความคิด ทัศนคติที่หลากหลาย บางคนต้องการทำงานที่มีความสุข ทั้งด้านเงินเดือน สวัสดิการ ความก้าวหน้าในตำแหน่ง ในอาชีพ ความมีชื่อเสียง การเป็นที่ยอมรับ (ทฤษฏีมาสโลว์) และเพื่อความอยู่รอด
วิเคราะห์ในสถานการณ์ win-win องค์กรจะต้องบริหาร HRD ให้พนักงานมีความสุข สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี กระตุ้น ผลักดันให้มีสิ่งจูงใจให้เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร เขามีส่วนร่วมในการบริหาร มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ทำให้เกิดการจิตมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับงาน ทำงานอย่างมีความหมาย เป้าหมายขององค์กรและเป้าหมายของพนักงานจะเป็นเป้าหมายเดียวกัน นอกจากนั้นองค์กรต้องคำนึงถึงการคืนประโยชน์สู่สังคม
“การตื่นนอนทุกเช้า เพื่อมาทำงาน เหมือนมีพลังจิต มุ่งมั่น ที่จะมุ่งสู่ความสำเร็จเดียวกัน”
ณัฏฐี ศรีสวัสดิ์
สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา
1. จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจก : ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกับการชี้แจง ครม. เรื่องการปiะมูลข้าวโพด ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา (อาจศึกษาควบคู่กับหนังสือ Think Again)
การทำงานของส่วนราชการโดยการนำของรัฐมนตรี ที่ผ่านมา สอศ. ก็เป็นเหมือนส่วนราชการอื่น ๆ ทั่วไปที่ต้องมุ่งงานที่รัฐมนตรีให้ความสนใจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่นักการเมือง จึงขอเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา ดังนี้
1. ไม่ควรมุ่งงานตามนักการเมืองจนลืมการพัฒนางานตามภารกิจหลักขององค์กรให้มีคุณภาพและสนองต่อการพัฒนาประเทศซึ่งเป็นงานที่ยั่งยืนและต้องใช้ความต่อเนื่อง
2. ข้าราชการในระดับสูงต้องกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ และส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ยึดติดกับตำแหน่งหน้าที่ที่อาจถูกโยกย้าย ซึ่งในที่สุดแม้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของนักการเมือง แต่จะเป็นที่ยอมรับของสังคม และข้าราชการในองค์กร ซึ่งถึงแม้ผู้นำจะต้องถูกโยกย้ายไป แต่ข้าราชการในองค์กรย่อมมีความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรี และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตนตามผู้บริหารที่เขาภาคภูมิใจ
3. ควรปรับวัฒนธรรมการทำงาน และการปฏิบัติตัวระหว่างข้าราชการและนักการเมืองไทย ที่นักการเมืองดูมีอำนาจยิ่งใหญ่ ข้าราชการต้องยอมทำตามทุกอย่าง ให้เป็นวัฒนธรรมการทำงานแบบร่วมรับฟัง และร่วมทำงานไปด้วยกัน เพราะผู้ที่จะต้องคงอยู่กับองค์กรและพัฒนาองค์กรตลอดไปคือข้าราชการ
2. จากบทความภาษาอังกฤษ “The new office social contract : Loyalty is out, performance is in” ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กรของท่าน
บทความกล่าวถึงการทำงาน 2 รูปแบบ คือ แบบการจงรักภักดีต่อองค์กร และแบบมุ่งผลตอบแทนจากความสามารถในการทำงาน ทั้ง 2 แบบ มีส่วนดีในการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการบริหารงาน โดยเฉพาะกับระบบราชการใน สอศ. ได้ โดยสร้างความจงรักภักดีและความศรัทธาให้เกิดขึ้นกับองค์กรเพื่อความมั่นคงขององค์กร เมื่อเกิดปัญหาหรือภาวะวิกฤตในองค์กร องค์กรก็จะยังสามารถฟื้นคืนสู่สภาพปกติได้ง่ายกว่า พร้อมทั้งมีการประเมินผลจากความสามารถในการทำงาน ไม่เน้นความอาวุโส เพราะจะบั่นทอนกำลังใจขผงผู้น้อยที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย
3. วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’ s และ 2 R’ s ของอาจารย์จีระว่ามีความสอดคล้องหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้อย่างไร
Mind Mapping เป็นผังมโนภาพเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยบันทึกความคิดเพื่อให้เห็นภาพความคิดที่หลากหลายมุมมองที่กว้างและชัดเจนกว่าการบันทึกโดยที่ยังไม่จัดระบบระเบียบความคิดใด ๆ อีกทั้งเป็นวิธีการที่สอดคล้องกับโครงสร้างทางการคิดของมนุษย์ที่บางช่วงมนุษย์จะสูญเสียสมาธิและความจดจ่อไปโดยอัตโนมัติขณะที่กำลังคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การทำให้สมองได้คิด ได้ทำงานตามธรรมชาตินั้น มีลักษณะเหมือนต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านออกไปเรื่อย ๆ
ผังมโนภาพใช้เป็นแนวคิดไร้รูปแบบตายตัวเพื่อใช้ในการเรียนรู้ การระดมสมอง การจดจำข้อมูล การจินตนาการและการแก้ปัญหา
ดร.โทนี บูซาน ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในเรื่องแผนที่ความคิด มาช่วยในการจดจำระยะยาวที่เรียกว่าวิธีเนโมนิก ซึ่งได้แก่การนำความรู้ใหม่ไปผูกโยงกับความรู้เดิมที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสมองซีกขวาโดยการจินตนาการ ด้วยหลักการใช้คำหลักเป็นตัวกำหนดแล้วขยายกิ่งก้านสาขาออกไป
แนวคิด 2 R’ s เป็นทฤษฎีเพื่อการวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้ จาก Reality การมองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น
แนวคิด 4 L’ s เป็นทฤษฎีเพื่อการเรียนรู้และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
Learning Methodology มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
Learning Opportunities สร้างโอกาสในการเรียนรู้
Learning Communities สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
จากแนวคิดของ Mind Mapping ดังกล่าวข้างต้น เมื่อเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’ s และ 2 R’ s จึงมีความสอดคล้องกัน คือ เป็นแนวคิดเพื่อช่วยในการเรียนรู้และการแก้ปัญหาของมนุษย์ ซึ่งทั้ง 3 ทฤษฎีสามารถนำมาปรับใช้ในการเรียนรู้ในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดังนี้
สำนักงาน ก.พ.ร. ได้กำหนดให้ทุกส่วนราชการดำเนินการทำ KM (Knowledge Management) ในองค์กร โดยส่วนราชการได้จัดทำและเผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ ไว้ในสื่อ เช่น เว็บไซต์ แผ่นซีดี คู่มือ เอกสาร ส่วนมากบุคลากรในองค์กรไม่ให้ความสนใจเข้าไปศึกษาค้นคว้า ทำให้ KM ไม่มีชีวิต เปลี่ยนเป็น Knowledge Monument แทน จึงไม่สามารถผลักดันให้เกิดเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง ซึ่งจากทั้ง 3 ทฤษฎีนี้จะเป็นแนวทางในการดำเนินการด้าน KM ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่จะต้อง สร้าง 4 L’ s ให้เกิดขึ้น แล้ว KM จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในตัวของแต่ละบุคคล โดยไม่ต้องกำหนดเป็นข้อบังคับ หรือข้อปฏิบัติที่ทำให้บุคลากรคิดว่าเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ หรือเสียเวลาในการเรียนรู้
4. อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้และสรุปว่าอ่านแล้วได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่ออาชีวศึกษา 1 หน้า
จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ มีสิ่งที่เป็นประโยชน์แง่คิดอย่างมากมายในการบริหารจัดการองค์กรด้านทรัพยากรบุคคล หากผู้บริหารทุกท่านไม่ว่าจะเป็นระบบราชการหรือภาคเอกชนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และมีการปรับใช้การบริหารจัดการบุคคลตามแนวทางในหนังสือ เชื่อว่าจะต้องส่งผลถึงการพัฒนาประเทศที่ดีกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
สำหรับข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้และเห็นว่าควรนำมาปรับใช้กับการบริหารจัดการด้านบุคลากรของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในขณะนี้ มีดังนี้
1. ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ มีความคิดว่าคนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร เพราะองค์กรที่อยู่รอดคือองค์กรที่ดูแลเรื่องคน องค์กรที่อยู่ไม่รอดคือองค์กรที่ไม่พัฒนาคน
2. การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของสินค้าหรือบริการขององค์กร ควรทำควบคู่ไปกับการพัฒนาคน (Make people before making product) เพราะปัจจุบันมีการมุ่งมั่นที่จะเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตหลักของ สอศ. เพียงอย่างเดียว
3. เกณฑ์การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) กำหนดให้องค์กรตอบคำถามว่าวัฒนธรรมขององค์กรคืออะไร ซึ่ง สอศ. ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อหาคำตอบว่าวัฒนธรรมของ สอศ. เป็นอย่างไร ดังนั้นจึงน่าจะสร้างวัฒนธรรมขององค์กรให้ชัดเจนในเรื่องการทำงาน อาจจัดทำเป็นคำขวัญเพื่อเป็นทิศทางให้บุคลากรทราบวิธีการทำงานขององค์กร เช่น วัฒนธรรมความก้าวหน้าแก่ผู้ที่มีศักยภาพ โดยไม่ดูความอาวุโส หรือกำหนดเป็นคำขวัญ เช่น “ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม”
4. สอศ. ควรมีการลงทุนเพื่อพัฒนาคน ทั้งการฝึกอบรมที่ต่อเนื่อง และการให้ทุนเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยควรกำหนดเป็นแผนการพัฒนาบุคลากรในแต่ละระดับให้ทุกคนได้เข้ารับการฝึกอบรมปีละกี่วัน ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละกลุ่มตำแหน่ง หรือตามหน้าที่ความรับผิดชอบของสำนัก
5. ผู้บริหารควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงาน ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่าองค์กรเรามีผู้บริหารดี มีแนวความคิดดี มีระบบบริหารจัดการดี บุคลากรจะเกิดความภาคภูมิใจในองค์กร และยินดีที่จะทุ่มเททำงานโดยอัตโนมัติไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุม
6. การสร้างบรรยากาศในการทำงาน ทั้งทางด้านกายภาพ และบรรยากาศการเป็นมิตร การเป็นทีมเวิร์ค การเป็นครอบครัว การสร้างความผูกพันเหมือนพี่น้อง ซึ่งปัจจุบัน สอศ. มีการจัดประชุมผู้บริหารระดับสูง (เลขาธิการ รองเลขาธิการ ที่ปรึกษา และผู้อำนวยการสำนัก) ทุกวันอังคารของสัปดาห์ จึงเห็นควรให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับหัวหน้ากลุ่ม กลุ่มงาน อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี
กณัฐฐา จำลองกุล (สมอ./ สอศ.)
การเรียนรู้ระยะที่ 1
สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ คือ การนำองค์กรให้ประสบสู่ความเป็นเลิศ ในการปฏิบัติงานควรสร้างTeamworkที่เข้มแข็ง มีการสร้างเครือข่าย-สร้าง แรงจูงใจ ส่งเสริมความคิดริเริ่ม-การสร้างนวัตกรรม มีการจัดการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างทั่วถึงทุกระดับ
การเรียนรู้ระยะที่ 2 (Self Study)
1. จากบทความในหนังสือพิมพ์ ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกับการชี้แจง ครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา (อาจศึกษาควบคู่กับหนังสือ Think Again)
: การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด สู่การปฏิบัติงานของข้าราชการภายใต้กฎระเบียบราชการ ในการทำงานต้องหาข้อมูลให้ครบถ้วน ต้องมีการปรึกษาหารือกันเป็นทีม มีความละเอียดรอบคอบใช้วิจารณญาณในตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่แท้จริง คือต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการปฏิบัติงาน และต้องมีการติดตามประเมินผลตลอดทุกขั้นตอน
2.จากบทความภาษาอังกฤษ “The new office social contract : Loyalty is out, performance is in”
ประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กรของอาชีวศึกษา ได้แก่ ความสามารถในการใช้เครือข่ายในการจัดอาชีวศึกษา ความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการควรขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมากกว่าระบบอาวุโส การให้ผลประโยชน์ค่าตอบแทนและโบนัส ควรขึ้นกับความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล
3. เปรียบเทียบแนวคิดของ Mind Mapping กับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s
ทั้ง 3 แนวคิด คล้ายกันตรงที่เป็นการแสดงความสัมพันธ์ การเรียนรู้ของคนเกิดจากการลงมือทำงานชิ้นนั้นๆจนเกิดประสบการณ์และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องและดีขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากมีการจดบันทึก การใช้แผนผังเพื่อสื่อความหมายคำหรือแนวคิดจากการมองเห็นภาพองค์รวม เป็นความคิดรวบยอด คือเป็นความคิดหลักและต่อกิ่งก้านเป็นความคิดรองย่อยๆต่อๆกันไปเหมือนกับมีวิธีการเรียนรู้ที่ดี สร้างบรรยากาศและโอกาสในการเรียนรู้ ใช้จิตวิทยาให้ผู้เรียนเกิดความอยากเรียนรู้ ใช้การสื่อ ความหมายด้วยข้อความและรูปภาพให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้นเหมือนกับการวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้จากการมองความจริงตรงประเด็น และผลที่ได้รับคือองค์ความรู้ที่พร้อมจะถ่ายทอดสู่คนอื่นๆต่อไปเปรียบเทียบได้กับการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
ส่วนความต่างของแนวคิด Mind mapping กับ4L’sและ2R’s
Mind Mapping เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ใช้สมองทั้ง 2 ซีกไปพร้อมกันในการแสดงความคิดหลัก ความคิดรอง ออกมาเป็นคำหรือข้อความที่แผ่ออกจากศูนย์กลาง ใช้สื่อความหมายด้วยข้อความหรือรูปภาพคล้ายๆการต่อกิ่งก้านของต้นไม้ ส่วนแนวคิด 4L’s และ 2R’s เป็นการเรียนรู้จากการคิดวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล โดยจะใช้สมองซีกซ้ายเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งถ้าสามารถ บูรณาการแนวคิดของ 4 L’s และ 2 R’s มาเขียนเป็น Mind Mapping ได้ จะทำให้เห็นเส้นทางการทำงานที่เป็นขั้นตอนชัดเจน และง่ายต่อการบริหารจัดการ เนื่องจาก Mind Mapping เป็นการสื่อด้วยภาพ เส้นสาย จึงง่ายต่อการเข้าใจและจดจำ ซึ่งสามารถสื่อให้ใครๆรู้และเข้าใจขบวนการทำงานตามแนวคิดของตนเองได้
การบ้านสำหรับการเรียนรู้ระยะที่ 2 (Self Study)
1. จากบทความในหนังสือพิมพ์ ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกับการชี้แจง ครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ข้าพเจ้าขอนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา
ตอบ ประเด็นเป็นที่ทราบกันว่า รัฐบาลเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายในการบริหารประเทศโดยผ่านมติของคณะรัฐมนตรี และทางข้าราชการประจำเป็นผู้รับนโยบายไปปฏิบัติ ในกรณีของคุณยรรยงฯปฏิบัติตามหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งหน้าที่ในการแถลงควรเป็นหน้าที่ของ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วเป็นเกมการเมือง และเกิดเหตุการณ์ในยุคของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เน้นการบริหารราชการ ความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใสเป็นที่ตั้ง
ส่วนประเด็นที่นำมาใช้ในการจัดการทำงานของอาชีวศึกษาต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบต่างๆที่ข้าราชการต้องปฏิบัติตาม และหรือกรณีต้องอาศัยประสบการณ์มาช่วยในการแก้ไขไม่ได้ ด้วยปัญหาเรื่องเดียวกันนั้นอาจจะอยู่ในส่วนบริบทที่ต่างกัน แต่สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับปัญหานั้นให้มากที่สุด และข้อมูลก็มีความถูกต้องมากที่สุด เพราะข้อมูลจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถช่วยในการแก้ปัญหาได้
2. จากบทความภาษาอังกฤษ "The new office social contract: Loyalty is out, perfomance is in" ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารงานคนในองค์กรของท่าน
ตอบ สรุปรายละเอียดจากบทความเป็นประเด็น ได้ดังนี้
1. นาย Vincent Papke ทำงานในบริษัท IBM มาแล้ว 27 ปี สิ่งที่คาดหวังจากบริษัท ฯ ว่า ความมั่นคงและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในช่วงต้นปี 1990 ที่มีการตัดรายจ่ายของบริษัทฯ นาย Papke วัย 63 ปี ถูกจ้างออก
2. นาย Steve Cohn วัย 29 ปี เป็นบุคคลที่มีรายชื่อที่ทางบริษัทฯ ต้องการ ทำให้เขามีโอกาสเพิ่มความสามารถเป้าหมายและความสามารถในอาชีพ
จะเห็นได้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นพนักงานที่มีความสามารถในการจัดการและเชี่ยวชาญในการทำงานในประเทศอเมริกา จะมอง
ระบบเกื้อหนุนกันแบบเก่าไม่สามารถใช้ได้ในในบริษัทของประเทศอเมริกา
ส่วนเงินเดือนและโบนัสขึ้นอยู่กับการทำงานแทนที่จะดูที่ความอาวุโส
ในเนื้อหาจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัท IBM และบริษัททั่ว ๆ ไป จะมีการใช้สัญญาประชาคมกับพนักงาน ความผูกพันกับองค์กรที่ลูกจ้างทำงาน ส่งผลให้การปฎิบัติงานมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงขึ้น ดังนั้นองค์กรควรตระหนัก เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ สร้างให้ทุกคนมีความจงรักภักดี
3. วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด L’s
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ข้อ 1 ศึกษากรณีคุณยรรยงพวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กับ การชี้แจง ครม. เรื่องการประมูลข้าวโพด ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (คาดว่าน่าจะยังคงรักษาราชการ ปลัดกระทรวงพาณิชย์อยู่) หากพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการประจำกับข้าราชการการเมือง ในอดีต นั้น ข้าราชการประจำจะเป็นผู้แนะนำข้าราชการการเมือง หรือกล่าวได้ว่า ข้าราชการประจำเดินนำข้าราชการการเมือง แต่ต่อมา ข้าราชการการเมืองค่อยๆพัฒนาตัวเอง สะสมประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นจนสามารถควบคุมข้าราชการประจำได้อย่างเด็ดขาด ดังเช่นในปัจจุบัน
กรณีคุณยรรยงพวงราชกับการชี้แจง ครม. เรื่องการประมูลข้าวโพด จากการประกันของรัฐบาลเป็นประเด็นปัญหาของพรรคการเมือง และรมว.พาณิชย์ได้ให้คุณยรรยงเป็นผู้ชี้แจงแทน ซึ่งได้พยายามนำเสนอให้สั้นได้ใจความมากที่สุดและเป็นไปตามความต้องการของ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต่อมาก็ได้นำข้อมูลไปชี้แจงต่อ ครม. ให้เห็นว่า การประมูลขายข้าวโพดครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบที่ปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว ข้อนี้ ข้าพเจ้ามองต่างมุม จากข้อคิดเห็นที่ว่า คุณยรรยงผิดพลาดในการนำเสนอครั้งนั้น ซึ่งถึงแม้ข้อเสนอของคุณยรรยงไม่ได้รับอนุมัติจาก ครม. และโดนตำหนิจาก รัฐมนตรีบางท่านโดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่คุณยรรยงก็ได้ใจ และความพึงพอใจจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหากคุณยรรยงเสนอในแนวทางอื่นๆที่เป็นข้อมูลทั่วๆไป ไม่เจาะประเด็น ก็อาจจะไม่ได้รับการเสนอ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทั้งๆที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็น อธิบดีกรมการค้าภายในเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จึงนับได้ว่าเป็นอธิบดีที่มีอาวุโสไม่มากนักที่จะก้าวชึ้น หรือได้รับแต่งตั้งให้เป็น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่คุณยรรยงสามารถเข้ากับฝ่ายการเมืองได้ โดยอาจอาศัยความเป็นลูกคนอีสาน สำหรับกรณีคุณหญิงทิพาวดี ในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ กพ. ระดับ 11 การโยกย้ายข้าราชการตำแหน่ง 11 ไม่ง่ายนักเนื่องจากมีตำแหน่งข้าราชการระดับ 11 ไม่มาก จึงแตกต่างกับกรณีคุณยรรยงที่จะต้องพยายามให้ฝ่ายการเมืองแต่งตั้งตนเองเป็นปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นการเลื่อนตำแหน่งจากระดับ 9 เป็นระดับ 10 ซึ่งเรื่องในลักษณะนี้ น่าจะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว
สำหรับการนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา ในแง่คิดของข้าราชการประจำในพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัว ควรมุ่งเน้นธรรมาภิบาล ปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามระเบียบ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงาน ประเทศชาติและประชาชน
ส่งการบ้านข้อ 2 จากบทความภาษาอังกฤษThe new office social contract: Loyalty is out, performance is in
ได้แง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กร ดังนี้
1. ความซื่อสัตย์ต่อองค์กร เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ขององค์กร และการปฏิบัติงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีผลงานที่ดี ส่งผลให้องค์กรมีความก้าวหน้า บรรลุตามแผน ที่กำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีของทุกองค์กร จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารขององค์กร ต้องพยายามนำองค์กรให้ได้ตามที่องค์กรอยากจะเป็น
2. องค์กรต้องพยายามสร้างวิสัยทัศน์ ให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานทุกคนศรัทธา โดยเริ่มแรกต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้มีการระดมความคิด แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รวมทั้งผู้นำองค์กรต้องเป็นตัวอย่างที่ดีเป็นที่ศรัทธาของพนักงาน
3. กระตุ้นให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน มีการสร้างแรงจูงใจ ให้มีผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมต่อทุกคน
4. สร้างระบบการปฏิบัติงานอย่างเป็นขั้นตอน ย่อมเป็นที่ประจักษ์ได้ว่าองค์กรของเราทุกคนย่อมเป็นองค์กรที่ดี มีผลการปฏิบัติงานบรรลุตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้
ข้อ 4 จากเนื้อหาในหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ มีประเด็นสาระสำคัญที่สามารถนำมาประยุกต์กับการปรับปรุง หรือนำมาใช้ในการบริหารงาน ของ สอศ. ได้เป็นอย่างดี แต่มีข้อสำคัญที่ควรตระหนัก คือ เนื้อหาในหนังสือนำผลสำเร็จจากการบริหารงานองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ที่ประสบกับความสำเร็จมาอย่างยาวนาน เช่นบริษัทปูนซีเมนต์ไทยมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานแบบองค์รวมกับหน่วยราชการไทย อาจมีข้อจำกัดเรื่องระเบียบราชการอยู่หลายประการ ประการแรกได้แก่ ด้านงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีระเบียบต่างๆ ที่ทำให้การปรับปรุงหน่วยราชการไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเหมือนบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ใน สอศ. ได้หลายประการกล่าวคือ
1. การสร้างจรรยาบรรณขึ้นในหน่วยงาน หัวหน้าหน่วยงานจำเป็นต้องสร้างจรรยาบรรณในการ
ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีวิธีปฏิบัติงานที่มีแบบแผนที่ดีก็จะสามารถนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จได้ตามแผนที่กำหนดไว้
2. การสร้างความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่ทุกคนให้มีต่อองค์กร ซึ่งจะทำให้ทุกคนทุ่มเทการปฏิบัติงาน
อย่างสุดความสามารถ และเต็มกำลังตามศักยภาพ ซึ่งถ้าหาก สอส. สามารถทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความซื่อสัตย์ต่อองค์กร เป็นที่น่าเชื่อได้ว่า การบริหารงานของ สอศ. จะประสบควมสำเร็จ
3. สอศ. ควรมีแผนพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ให้เหมือนหรือคล้ายๆกับบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เช่น
มีทุนการศึกษาตามสาขาที่ต้องการและขาดแคลน และหากไม่สามารถจัดได้อย่างทั่วถึงก็ควรมีมาตรการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นธรรม นอกจากนี้ควรมีแผนการฝึกอบรมทั้งระยะสั้น และระยะยาว รวมทั้งจัดให้มีการได้ไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงด้วย
4. ควรสร้างคุณธรรม-จริยธรรมให้เกิดขึ้นในหน่วยงานให้มากที่สุด ปัญหาเรื่องคุณธรรม-จริยธรรม
เป็นประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาหน่วยงานราชการเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถพัฒนาหรือปรับปรุงหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพได้เหมือนบริษัทเอกชน การสร้างคุณธรรม จริยธรรม หลักๆ ได้แก่ คุณธรรมด้านความดีความชอบ (การให้ขั้นเงินเดือน) และคุณธรรมในการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างเป็นธรรม
ส่งการบ้านข้อ 3
Mind Map เป็นแผนผัง (Diagram) ใช้เพื่อแสดงแนวความคิดที่แผ่ออกออกจากสมอง ใช้การสื่อความหมายด้วยข้อความและรูปภาพคล้ายๆ การแตกกิ่งก้านของต้นไม้. Mind Map ช่วยทำให้สิ่งต่างๆ มองภาพได้ง่ายขึ้น เช่น สิ่งที่เป็นนามธรรมสู่รูปธรรม การเรียนรู้ต่างๆ ของมนุษย์
การตัดสินใจกรณีมีหลายทางเลือก ดังนั้น บุคคลโดยทั่วไปทุกคนและทุกระดับจึงสามารถนำไปใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น การวิเคราะห์กลยุทธ์ สรุปรายงานการประชุม การระดมความคิดเห็น การวางแผนโครงการ การนำเสนอผลงาน การเก็บรวบรวมข้อมูล ความรู้ แนวคิด เป็นต้น การเขียน Mind Map จะเป็นการเขียน โดยกำหนดหัวเรื่องหลักของแนวคิด (Concept) ไว้ตรงจุดกึ่งกลาง หลังจากนั้นก็เขียนความคิด ออกเป็นกิ่งก้านคล้ายๆ กิ่งของต้นไม้ แต่ละกิ่งก้านก็แตกใบย่อยออกหลายๆ ใบ โดยแต่ละใบเปรียบเสมือนหัวข้อหรือเนื้อหาที่ต้องการในวัตถุประสงค์นั้นๆ
ดังนั้นเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L s และ 2 R s ของอาจารย์จีระ ซึ่ง 4 L s เป็นทฤษฎีเพื่อการเรียนรู้และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และ 2 R s เป็นการวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้โดยการมองความจริง และตรงประเด็น ก็จะเห็นได้ว่ามีความสอดคล้องและสัมพันธ์กัน เนื่องจากว่า Mind Map นั้นเป็นการแสดงแนวความคิดโดยสื่อความหมายด้วยข้อความและรูปภาพ เพื่อช่วยทำให้มองเห็นและเข้าใจแนวความคิดนั้นๆได้ง่ายขึ้น ฉะนั้น วิธีการเรียนรู้ที่ดี และการรู้จักคิดวิเคราะห์ปัญหาที่ตรงประเด็น ตรงต่อความจริง ก็จะส่งผลให้การสื่อความหมายแนวความคิด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การระดมความคิดเห็น การคิดวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆ มีความชัดเจน ถูกต้อง มีความเป็นจริง และข้อมูลมีความถูกต้องตรงกับประเด็นนั้นๆ
เรียนท่าน อ.จีระ ขอส่งคำตอบทั้ง 3ข้อครับ
ข้อ 1 กรณีคุณยรรยง พวงราช เห็นด้วยตามบทความที่อาจารย์เขียน หากแต่ ข้อดีที่คุณยรรยงมีก็คือ
1. ความกล้าของข้าราชการประจำซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยพบ
2. การพูดบนพื้นฐานของความจริงโดยไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งเพื่อเอาใจกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด เพราะอาจทำให้ข้อเท็จจริงเบี่ยงเบนและหลงประเด็น
การทำงานในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่จริงก็มีส่วนคล้ายกรณีศึกษานี้ โดยการที่ผู้บริหารสถานศึกษาทุกระดับแม้แต่ส่วนกลางไม่กล้าพูดความจริงเพื่อให้การแก้ปัญหาได้ถูกจุดเนื่องจากกลัวจะโดนข้อหาขัดนโยบายซึ่งทำให้ขาดโอกาสในการทำงาน การทำงานกรณีของคุณยรรยง อาจขาดศิลปะในการทำงานอันเนื่องจากแรงกดดันในการที่ต้องมาเป็นตัวแทนรัฐมนตรีในการชี้แจงซึ่งอาจถูกใจ-ไม่ถูกใจผู้บริหารรัฐบาล แต่ในสถานการณ์ใดใดในขณะนั้นไม่มีใครเข้าใจและแก้ปัญหาได้ดีเท่าคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเอง
ข้อ 2 บทความภาษาอังกฤษ “The new office social contract : Loyalty is out ,performance is in” มีแง่คิดที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและบริหารงานในองค์กร ดังนี้
2.1. การทำงานหนัก ทำให้เราสามารถพัฒนา
2.2. การทำงานโดยมีประสิทธิภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานปัจจุบันมากกว่าการภักดีองค์กรเพราะการให้ผลตอบแทนสูงก็สามารถเป็นแรงจูงใจให้คนอยากทำงานในองค์กรมากขึ้นอยู่แล้ว จึงทำให้ต้องมีการแสดงประสิทธิภาพของการทำงานตลอดเวลาเพื่อแข่งขันการมีรายได้ที่สูงและการได้รับโอกาสในการทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียงและผลประกอบการดีมีค่าตอบแทนที่ดี
2.3. การบริหารที่ดีเลิศเพียงใดขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในขณะนั้น ผู้บริหารจึงต้องรู้ทันการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการทำงานของตนตลอดเวลาเพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ
2.4. บุคคลควรมีการพัฒนาทักษะการทำงานให้สูงขึ้นจึงจะอยู่ได้ในโลกปัจจุบัน
ข้อ 3 ทฤษฎี 4L’s และ 2R’s สอดคล้องกับแนวคิดแบบ Mind Mapping อย่างไรนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้อย่างไร
ประเด็นความสอดคล้องและการนำไปปรับใช้ ทฤษฎี 4L’s ว่าด้วยการเรียนรู้ทั้งในส่วนของวิธีการ บรรยากาศ โอกาส และสังคม ส่วนทฤษฎี 2R’s ว่าด้วยการมองความจริงให้ตรงประเด็น การทำ Mind Mapping หรือผังมโนภาพถือว่าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยบันทึกความคิดเพื่อให้เห็นภาพความคิดที่หลากหลายมุมมองที่กว้างและชัดเจนกว่าการบันทึกที่โดยยังไม่จัดระบบระเบียบความคิดใดๆ อีกทั้งเป็นวิธีการที่สอดคล้องกับโครงสร้างทางการคิดของมนุษย์ที่บางช่วงมนุษย์จะสูญเสียสมาธิและความจดจ่อไปโดยอัตโนมัติขณะที่กำลังคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การทำให้สมองได้คิด ได้ทำงานตามธรรมชาตินั้น มีลักษณะเหมือนต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านออกไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีส่วนอย่างมากในการที่จะทำให้ 4L’s มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการที่ ระบบความคิดไม่ถูกจำกัดทำให้มีมุมมองที่ออกมาหลากหลาย และสามารถทำให้เราเลือกมองความจริงให้ตรงประเด็น ตามทฤษฎี 2R’s ได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการระดมความคิดในองค์กรเพื่อการแก้ปัญหาหรือการหาทางออกและทางเลือกจึงสามารถใช้ทั้ง 4L’s 2R’s และ Mind Mapping มาบูรณาการและประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน เรวัฒน์ เอี่ยมจินตนากิจ สำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา รุ่น 2
ส่งการบ้านค่ะ ข้อ 4.อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้วได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่ออาชีวศึกษา
สอศ.ต้องเน้นในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าเพิ่ม ของ คน ในองค์กรมากกว่าทรัพยากรอื่นๆ เช่น สิ่งของ เงินทองหรือเครื่องจักร ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่มีอะไรแน่นอน การพัฒนาคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ องค์กรจะเข้มแข็งและเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นอยู่กับคุณภาพของคน เพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด
การบ้าน
ข้อ 1 ผู้นำองค์กรอาชีวศึกษา ควรให้ความเน้นเรื่องคนเป็นสำคัญ ด้วยการปลูกจิตสำนึกให้แก่บุคลากรด้วยการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจิตใจ ให้เป็นผู้มีศีลธรรม คิดบวก มีวิสัยทัศน์ ให้ความสัมพันธ์กับหน่วยงาน/องกร-ผูบริหารระดับนโยบาย และโดยเฉพาะประชาชนหน่วยงานทุกฝ่ายด้วยความจริงใจ เสียสละ จึงจะทำให้อาชีวศึกษาประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ข้อ 3 แนวคิดของ Mind Mapping เป็นการสร้างแผนที่ในใจของเรา เพื่อที่จะดำเนินไปให้สู่จุดหมายปลายทาง เห็นได้ว่า เป็นการใช้ความรู้ ปัญหา อุปสรรค กำหนดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และรวบรวมจากความคิดที่ กระจัดกระจายไปสู่จุดหมายปลายทางที่เป็นหัวใจสำคัญตรงกับแนวคิดทั้งสองด้าน ดังกล่าว คือ ผู้ปฏิบัติจะต้องเป็นรู้จริง และตรงประเด็น (2 R's) อีกทั้งก่อให้เกิดการเรียนรู้วิธีการ สร้างบรรยาศ โอกาศ และให้ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ (4 L's)
การบ้าน
ข้อ 1 จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจก : ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในกับการชี้แจง ครม. เรื่องการปiะมูลข้าวโพด ประเด็นที่เป็นประโยชน์
1.1 ผู้บริหารอาชีวศึกษาควรมีจุดยืนในการบริหารงาน ตามนโยบาย อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ควรมุ่งงานที่ไม่ถูกต้องไม่โปร่งใสตามนักการเมืองมากเกินไป ต้องมีทั้งศาสตร์ และศิลป์ในการบริหารงาน รู้จักการเจรจา อย่ากลัวการถูกโยกย้ายมากเกินไป ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม เน้นผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
1.2. ข้าราชการในองค์กร ฯ ควรปรับวัฒนธรรมการทำงานของตนเอง เน้นการทำงานเป็นทีม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการทำงาน มีความรอบคอบในการใช้วจารณญานในการตัดสินใจ ไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองโดยไม่จำเป็น
ข้อ 2 จากบทความภาษาอังกฤษ ประเด็นที่เป็นประโยชน์ และแง่คดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กร ดังนี้
2.1. คนในองค์กรต้องทำงานอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจจึงจะทำให้สามารถพัฒนางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.2. คนในองค์กร ถ้ามีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งองค์กรต้องให้ผลตอบแทนสูงก็จะทำให้เป็นแรงจูงใจให้คนอยากทำงานในองค์กรมากขึ้น
2.3. ผู้บริหารและบุคลากรในองค์กรต้องก้าวทันเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมทันการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการทำงานของตลอดเวลาเพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ
2.4. ผู้บรหารองค์กรต้องคิดเสมอว่า"บุคลากรในองค์กรเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด สมควรได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพ่มศักยภาพในผลผลิต
ข้อ 3 วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping เปลียบเทียบกับ แนวคิด 4 L's และ 2 R's
ทั้ง 3 แนวคิด คล้ายกันตรงที่การเรียนรู้ของคนเกิดจากการลงมือฝึกปฏิบัติชิ้นงานเพื่อให้เกิดประสบการณ์ในงานนั้น ๆ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นกว่าเดิม มีการจดบันทึก การใช้แผนผังเพื่อสื่อความหมายคำหรือแนวคิดจากการมองเห็นภาพองค์รวม เป็นความคิดรวบยอด เป็นความคิดหลักและต่อกิ่งก้านเป็นความคิดรองย่อยๆ ต่อเนื่องกันเหมือนมีวิธีการเรียนรู้ มีการสร้างบรรยากาศ โอกาสของการเรียนรู้ โดยใช้จิตวิทยาให้ผู้เรียนเกิดความอยากเรียนรู้ ใช้การสื่อ ความหมายด้วยข้อความและรูปภาพให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้นเหมือนกับการวิเคราะห์ปัญหาและการเรียนรู้จากการมองความจริงตรงประเด็น และผลที่ได้รับคือองค์ความรู้ที่พร้อมจะถ่ายทอดสู่คนอื่นๆ เปรียบเทียบได้กับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
ส่วนความต่างของแนวคิด Mind mapping กับ4L’sและ2R’s Mind Mapping เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ใช้สมองทั้ง 2 ซีกไปพร้อมกันในการแสดงความคิดหลัก ความคิดรอง ออกมาเป็นคำหรือข้อความที่แผ่ออกจากศูนย์กลาง ใช้สื่อความหมายด้วยข้อความหรือรูปภาพคล้ายๆการต่อกิ่งก้านของต้นไม้ ส่วนแนวคิด 4L’s และ 2R’s เป็นการเรียนรู้จากการคิดวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล โดยจะใช้สมองซีกซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ถ้าสามารถ บูรณาการแนวคิดของ 4 L’s และ 2 R’s มาเขียนเป็น Mind Mapping ได้ จะทำให้เห็นเส้นทางการทำงานที่เป็นขั้นตอนชัดเจน และง่ายต่อการบริหารจัดการ สามารถสื่อให้ใครๆรู้และเข้าใจขบวนการทำงานตามแนวคิดของตนเองได้
1. จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่แจก : ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กับการชี้แจงครม.เรื่องการประมูลข้าวโพด ขอให้นำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา ( อาจศึกษาควบคู่กับหนังสือ Think Again )
จากบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้าประเด็นที่เป็นประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานของอาชีวศึกษา คือ
การทำงานทุกอย่างต้องเมื่อได้รับมอบหมายแล้วต้องศึกษาหาข้อมูลความเป็นไปได้ให้มากที่สุดเพื่อจะได้นำมาวิเคราะห์ดูความถูกต้องและเหมาะสมในการดำเนินงาน การที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพและถูกต้อง ควรจะมีที่ปรึกษาและผู้ร่วมงานที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ในการทำงานที่ดีจะต้องทำงานเป็นทีม มีการแบ่งงานที่ชัดเจน และต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ร่วมงาน มีความกระตือรือร้นและใฝ่หาความรู้อยู่เสมอและนำความรู้จากประสบการณ์มาใช้กับการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ต้องมีหลักธรรมะในการดำเนินการมีความเป็นธรรมให้กับผู้ร่วมงานทุกคนเน้นธรรมาภิบาล การแก้ไขปัญหาของการทำงานต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องตามกฎระเบียบที่ข้าราชต้องปฏิบัติตาม เมื่อเสร็จสิ้นงานแต่ละครั้งต้องมีการติดตามและประเมินผลการทำงาน และนำผลการประเมินที่ได้มาปรับปรุงงานให้มีความถูกต้องและดีกว่าเดิม
2. จากบทความภาษาอังกฤษ “The new office social contract : Loyalty is out. Performance is in ’’ ขอให้นำเสนอประเด็นที่ประโยชน์และแง่คิดต่อการทำงานและการบริหารคนในองค์กรของท่าน
หลังจากอ่านบทความแล้วได้แง่คิดในการทำงานและบริหารคนในหน่วยงานคือ
การทำงานต้องทำตามพันธะกิจ และวิสัยทัศน์ และมีกลยุทธ์ในการทำงานของกลุ่มงานให้ชัดเจนโดยเฉพาะผู้นำ ข้าราชการต้องมีความรักองค์กรรักผู้บริหารและผู้ร่วมงาน ผู้บริหารต้องมีความเอื้ออาทรต่อผู้ร่วมงาน ต้องมีความเป็นกันเองและอดทน และอดกลั้น ผู้บริหารควรดูแลผลตอบแทนให้ผู้ร่วมงาน การให้รางวัลหรือโบนัสควรดูจากผลปฏิบัติการจริงและให้อย่างยุติธรรม
3. วิเคราะห์แนวคิดของ Mind Mapping ที่เรียนมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s ของอาจารย์จีระว่ามีความสอดคล้องหรือแตกต่างกันอย่างไร และสามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ในองค์กรได้อย่างไร
จากความรู้ที่มาจาก Mind Mapping เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับแนวคิด 4 L’s และ 2 R’s มีความสอดคล้องกันเนื่องจาก เป็นการช่วยในเรื่องของการทำงานทำให้งานที่ ที่ทำเกิดประสิทธิภาพมีการจัดวางระบบการทำวานเมื่องานเกิดปัญหาสามารถรู้สาเหตุของปัญหาได้ รู้ว่าปัญหาเกิดในขั้นตอนไหนจะทำให้เห็นเส้นทางการทำงานที่เป็นขั้นตอนชัดเจนง่ายต่อการบริหารจัดการเนื่องจาก Mind Mapping เป็นการสื่อด้วยภาพและเส้นจึงง่ายต่อการเข้าใจและจดจำเราสามาถนำ Mind Mapping มาปรับใช้กับการสั่งงานของผู้บริหารกับผู้ร่วมงานตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานจนเสร็จสิ้น
4. จากการอ่านหนังสือทรัพยากรพันธุ์แท้ อ่านแล้วได้ประโยชน์ต่อการนำมาใช้กับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเช่น
ให้เห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพความเป็นมนุษย์เน้นมนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญ และมีค่ามากที่สุด เพราะมนุษย์เป็นทั้งผู้สร้าง ผู้พัฒนา และผู้ทำลาย ดังนั้นองค์กรจะต้องพัฒนามนุษย์ทุกเพศทุกวัย และทุกอาชีพงาน การพัฒนาต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ชุมชน สังคม และประเทศชาติ การสร้างพันธมิตรในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญเพราะการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นจะช่วยพัฒนาคุณภาพของหน่วยงานให้มีคุณภาพถูกต้องสมบูรณ์ ตรงตามเป้าประสงค์ขององค์กร การพัฒนามนุษย์ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความสามารถ มีคุณธรรม และมีความรู้ทันต่อเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และควรที่จะพัฒนาคนให้รักองค์กร ผู้นำต้องดูแลและให้ความสำคัญผู้ร่วมงานทุกคน ดูแลให้ขวัญกำลังใจ สวัสดิการ ดูแลรายได้และความเป็นอยู่ทั้งในระหว่างการทำงาน และหลังจากการเกษียณอายุการทำงาน ของผู้ร่วมงานทุกคน เพื่อให้ผู้ร่วมงานรักองค์กรและทำงานให้องค์กรอย่างรักใคร่และจริงใจ
1. กรณีศึกษาคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ครั้นเมื่อขออนุมัติ ครม. “ประมูลข้าวโพด” โดยคุณยรรยง อธิบายต่อ ครม.
- ครม.ชุดที่แล้วอนุมัติไปแล้ว
- ครม.ไม่ใช่นิติบุคคล ทำสัญญาเองไม่ได้
- จะขอให้ความเห็นชอบตามมติเดิม
จากสถานการณ์โดยตำแหน่งและสิ่งแวดล้อมที่รุมเร้า บวกกับบุคลิกภาพการใช้ภาษาที่ดูเหมือนตรงไปตรงมา จริงจัง ไม่อ้อมค้อม และตั้งใตทำงานอย่างมากเกินไป เลยดูเหมือนตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ซึ่งแค่นำเสนอเรื่องต่อ ครม. แทน รมต. คุณพรทิวา นาคาศัย ผู้ที่ต้องตอบคำถามคือ รมต.พาณิชย์ และผู้ที่ตัดสินใจ คือ ครม.ในประเทศไทย นักการเมืองมีผลตำแหน่งข้าราชการประจำระดับสูงและยิ่งลงลึกถึงรายละเอียดการจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อเกื้อกูลพรรคโดยเห็นเป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมการเมืองประเทศไทยไปเสียแล้ว
โดยข้าราชการประจำ จะต้องทำงานและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองเท่าที่จะทำได้ และต้องใช้นักการเมืองให้ได้ ให้เป็น ดูอย่างที่ สอศ. ท่านเลขา สกศ.ที่เกษียณไปแล่ว ซึ่งเป็นลูกหม้อ สอศ. ท่านอยู่ในตำแหน่งได้อย่างสบายกับทุก รมต. และทุกพรรค ที่มาบริหาร สอศ. ข้อเปรียบเทียบที่ผ่านมา
- มากด้วยประสบการณ์ เพราะทำการบ้านมามาก
- รอบคอบเพราะมีทีมงานที่ดี ( v.room )
- มีบุคลิกภาพผู้นำ ภาษานุ่มนวลแต่แฝงด้วยอำนาจ
- บริหารจัดการแบบกลางๆ ( win win )
จึงทำให้ท่านทำงานในตำแหน่งเลขา สกศ.จนเกษียณอายุราชการและเป็นตัวอย่างที่ดีกับผู้บริหารคนต่อไป
2. จากบทความที่เป็นประโยชน์ของสังคมออฟฟิศ
ได้มีการกล่าวถึง ข้อตกลงทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปว่า ในปัจจุบันนั้น พนักกงานที่มีประสิทธิภาพในการทำงานและมีส่วนร่วมในองค์กรนั้น มีความสำคัญสำหรับพนักงานเช่นกัน บริษัทควรจะเน้นความสำคัญในทุกๆด้าน ทั้ง การให้ความสำคัญกับบุคคล และการแข่งขันทางการตลาดด้วย บริษัทต้องให้ความสำคัญและมีความรับผิดชอบ ในเรื่องนี้อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน เพื่อความสุขของพนักงาน โดยมีรายได้และโบนัส เป็นมาตรฐานของการตอบแทน
ส่วนในด้านความซื่อสัตย์นั้น มีความสำคัญอย่างมากในด้านการติดต่อทางธุรกิจ และความจงรักภักดีต่อองค์กร โดยต้องควบคู่กันไปในสังคมและวัฒนธรรมของประเทศไทย
3. แนวคิดจอง MIND MAPPING
เป็นแนวคิดแบบเทียบเคียง เปรียบเทียบ แยกแยะ เห็นความแตกต่าง สอดคล้องกับธรรมชาติ ต้องไปด้วยกันอย่างมีเหตุมีผล จนทำให้เกิดแนวคิดใหม่ แก้ปัญหาด้วยเหตุและผล
ส่วนแนวคิด 4L และ 2R เป้นเรื่องของการเรียนรู้ ทั้งวิชาการ, บรรยากาศ, โอกาส และสร้างชุมชน โดยวิเคราะห์ปัญหา จากความเป็นจริงและตรงประเด็น
4. คน คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า ไม่ใช่แค่ “ต้นทุน” แต่เป็น “ผลกำไร” ขององค์กร ที่เกิดจากประสบการณ์ การอบรม พัฒนาการทำงานอย่างจริงจัง สม่ำเสมอเป้นระบบโดยมี OUT COM เป็นที่ประจักษ์อย่างเป้นรูปธรรมจับต้องได้ ไม่ใช่แค่พูดและพูดอย่างเดียว แต่ต้องลงมือกระทำ และมีผลงานออกมา สามารถวัดได้ตรงตามเป้าหมายวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
สอศ. มีภารกิจหลัก คือ นักศึกษาที่จบต้องมีความสามารถทำงานได้ โดยมีความรู้ ความสามารถ และคุณธรรม ควบกันไปซึ่ง สถานประกอบการจะเป็นตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพของนักศึกษาที่เข้าทำงานและสามารถทำงานได้ ปรับชีวิตเข้ากับสังคมการทำงานได้ และมีความสุขกับการทำงาน รวมถึงค่าตอบแทนที่อยุ่รดได้ในสังคมปัจจุบัน
บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย เป้นบริษัทที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาคน ซึ่งคนที่เก่งและดี จากการคัดเลือกของคณะกรรมการที่ดี ทำให้บริษัทมีผลการประกอยการเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและมั่นคงการดูแล คนอย่างดีของบริษัท ทำให้เกิด ความจงรักภักดีและความมีวินัย จนกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร การรับฟังข้อเสนอแนะนำของพนักงาน ทำให้มีส่วนร่วม เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
เปรียบเทียบฝ่ายบุคคลกลางของบริษัท เป้นดังพ่อบ้านดูแลพนักงานขององค์กร ดังลูก ที่ผ่านขบวนการอบรม ทำให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสามารถ เป้นที่ยอมรับ และมีคุณธรรม
ถ้า สอศ.มีแนวคิดและการทำงานอย่างจริงจังเหมือนเช่นการวางระบบการพัฒนาบุคลากรของคุณพารณ ที่บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย คงทำให้การสร้างคนได้
- ผู้บริหารระดับสูง มีธรรมมาภิบาล
- ข้าราชการระดับปฏิบัติการ ร็จักหน้าที่ ตั้งใจทำงานและมีคุณธรรม
- นักศึกษามีความสามารถทั้งความรุ้และทักษะ ( ภาษา, เทคโนโลยี )
- สถานประกอบการให้ความร่วมมือ ของความสำคัญของการจัดทำหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการในยุคปัจจุบัน
ก็จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง โดยมีด้านเกษตรกรรมเป็นต้นทุนที่เป้นฐานกว้างและยั่งยืน เป็นหลักอยู่แล้ว
การพัฒนา สอศ. คงถึงยุค อาชีวฐานวิทยาศาสตร์ โดยเน้นนักศึกษามีความสามารถด้านทักษะ มีความรู้ด้านภาต่างประเทศและทันต่อการพัฒนาของเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน
ถึง ลูกศิษย์ส่วนกลาง รุ่น 1 และรุ่น 2 ทุกท่าน
ผมขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาส่งการบ้านมาครบถ้วน ต้องสารภาพว่า ก่อนพบกัน กับหลังพบกัน พวกเรามี Potential มากและก็ใฝ่รู้อย่างมาก
การพบกันอีก 3 วันในต่างจังหวัด คงจะมีความสุขที่ได้เรียนร่วมกัน ในหลักสูตรใหม่ ตัวผมจะเน้นทำ Workshop คือ จะแบ่งกลุ่ม เน้น
1.งานที่ทำสำเร็จแล้ว คือ ฝ่ายกลางกับฝ่ายภูมิภาพร่วมมือกัน
2’ งานที่กำลังสำเร็จ แต่ยังมีอุปสรรคอยู่
3’ งานที่ยังไม่ได้ทำ แต่ควรจะทำ
ส่วนตอนบ่าย ผมจะเชิญประธานรุ่นที่ 1 และ 2 ผ.อ.พิศ และ ผ.อ.เด่นดวง มา Share ความรู้สึก และวางแผนที่จะให้พวกเรา ฝังตัวในวิทยาลัย ดังกล่าว
ดีใจที่จะได้พบกันอีก
ต้องขอขอบคุณท่านเลขาเฉลียว ซึ่งขึ้นไปเป็นปลัด ขอขอบคุณท่านประเสริฐ, ท่านผ.อ.จรัญ คุณอนงค์และคุณเปีย ด้วยครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา“ปัจจัยท้าทายประเทศไทยปี 2553 อยู่รอดหรือยั่งยืน?”
วันที่ 8 ธันวาคม 2552
ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด แคมปัสพระรามเก้า
มีรายละเอียดในลิ้งค์นี้
ถึงลูกศิษย์ชาวอาชีวะฯ ส่วนกลาง รุ่น 2
ผมดีใจที่ทางสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษายังเห็นคุณค่าของการทำงานต่อเนื่อง และจัดการเรียนรู้ระต่อไปอีก 3 วัน ผมหวังว่าทุกท่านยังมีความประทับใจในการเรียนกับผม และก่อนจะพบกันอีกครั้ง ช่วยกรุณาเขียนถึงผมว่า
v ตัวเองปรับตัวอะไรบ้าง
v องค์กรดีขึ้นหรือไม่
v มองประเทศอย่างไร
แล้วพบกันครับ คงได้ร้องเพลงร่วมกันอีก
จีระ หงส์ลดารมภ์