ความรู้เรื่องภูเขาไฟ


รู้ไว้ใช่ว่า

นิยาม  ภูเขาไฟ
เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห็นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่ง มีความร้อนสะสมมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า"จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียก แมกมา
และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า ลาวา
สาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด
กระบวนการระเบิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกระจ่างชัดนัก นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอนำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงการะเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาค้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วยเวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอนำ ฝุ่นผงเถาถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอนำจะควบแน่นกลายเป็นนำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆที่ตกลงมาด้วยกันไหลบ่ากลลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาตำลงไป ยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิดในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานนี้
แหล่งที่มา:คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรม วิทยาศาสตร์.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์,2534
โทษของภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิด
1. แรงสั่นสะเทือน มีทั้งการเกิดแผ่นดินไหวเตือน แผ่นดินไหวจริง และแผ่นดินไหวติดตาม ถ้าประชาชนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในเชินภูเขาไฟอาจหนีไม่ทันเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
2. การเคลื่อนที่ของลาวา อาจไหลออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟเคลื่อนที่รวดเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มนุษยและสัตว์อาจหนีภัยไม่ทันเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
3. เกิดฝุ่นภูเขาไฟ เถ้า มูล บอมบ์ภูเขาไฟ ระเบิดขึ้นสู่บรรยากาศ ครอบคลุมอาณาบริเวณใกล้ภูเขาไฟ และลมอาจพัดพาไปไกลจากแหล่งภูเขาไฟระเบิดหลายพันกิโลเมตร ภูเขาไฟพินาตูโบระเบิดที่เกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์
ภูเขาไฟระเบิด
ฝุ่นภูเขาไฟยังมาตกทางจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เช่น จังหวัดสงขลา นราธิวาส และปัตตานี เกิดมลภาวะทางอากาศและแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน รวมทั้งฝุ่นภูเขาไฟได้ขึ้นไปถึงบรรยากาศขั้นสตราโตสเฟียร์ ใช้เวลานานหลายปี ฝุ่นเหล่านั้นตึงจะตกลงบนพื้นโลกจนหมด
4. เกิดคลื่นซึนามิ ขณะเกิดภูเขาไประเบิด โดยเฉพาะภูเขาไฟใต้ท้องมหาสมุทร คลื่นนี้จะโถมเข้าหาฝั่งสูงขนาดตึก
3 ชั้นขึ้นไป กวาดทุกสิ่งทั้งผู้คนและสิ่งก่อสร้างลงสู่ทะเล เป็นที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
5. หลังจากภูเขาไฟระเบิด มีฝุ่นเถ้าภูเขาไฟตกทับถมอยู่ใกล้ภูเขาไฟ เมื่อฝนตกหนัก อาจจะเกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มตามมาจากฝุ่นและเถ้าภูเขาไฟเหล่านั้น
ประโยชน์ของภูเขาไฟระเบิด
1. การระเบิดของภูเขาไฟช่วยปรับระดับของเปลือกโลกให้อยู่ในภาวะสมดุล
2. การเคลื่อนที่ของลาวาจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้หินอัคนีและหินชั้นใต้ที่ลาวาไหลผ่านเกิดการแปรสภาพเช่น หินแปรที่แข็งแกร่งขึ้น
3. แหล่งภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิดแหล่งแร่ที่สำคัญขึ้น เช่น เพชร เหล็ก และธาตุอื่นๆ อีกมาก
4. แหล่งภูเขาไฟจะเป็นแหล่งดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูก เช่น ดินที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น
5. แหล่งภูเขาไฟ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น อุทยาแห่งชาติฮาวาย ในอเมริกา หรือแหล่งภูกระโดง ภูอังคารในจังหวัดบุรีรัมย์ ของไทย เป็นต้น
6. ฝุ่น เถ้าภูเขาไฟที่ล่องลอยอยู่ในอากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ทำให้บรรยากาศโลกเย็นลง ปรับระดับอุณหภูมิของบรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ของโลกที่กำลังร้อนขึ้น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หรือการเกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำแอลนิโน ที่ทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศของโลกสูงขึ้นนั้น ลดต่ำลงการระเบิดของภูเขาไฟครั้งสำคัญได้ทำลายชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 2 แสนคน นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยในปี ค.ศ. 1985 ประชาชนชาวโคลัมเบียสูญเสียชีวิตเป็นหมื่นเช่นกัน ใน 17 ครั้ง 11 ครั้งเป็นการระเบิดของภูเขาไฟซึ่งอยู่ในประเทศเขตร้อน ได้แก่ ดินแดนประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ นิวกีนี เกาะมาร์ตินีกอยู่ในหมู่เกาะอินดีสตะวันตกและกัวเตมาลา (ละติจูด 15° เหนือ) ประเทศโคลัมเบีย (ละติจูด 5° เหนือ) และประเทศแคเมอรูน (ละติจุด 5° เหนือ)เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศในเขตร้อนมักจะประสบภัยจากธรรมชาติหลายประเทศ ตลอดจนภูเขาไฟระเบิดด้วย ซ้ำประเทศเหล่านี้เป็นประเทศกำลังพัฒนา สถิติประชากรประสบภัยยังอยู่ในอัตราสูงเพราะขาดการเตือนภัยที่ดีและการอพยพประชากรทำได้ลำบากเพราะความไม่สะดวกของเส้นทางคมนาคม ตลอดจนการพยากรณ์ภัยพิบัติไม่
ค่อยได้รับความเชื่อถือเท่าที่ควร หรือขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีเปรียบเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วเช่น สหรัฐอเมริกากลับมีผู้เสียชีวิตเพียง 60 คน เท่านั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ถ้าการพยากรณ์และเตือนภัยภูเขาไฟระเบิดกระทำอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ อาจทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมากภูเขาไฟบางลูกอาจทำลายชีวิตผู้คนหลายหมื่นคน ในการระเบิดเพียงครั้งเดียว ถ้ามีการตายจำนวน 2-3พันคน จากการระเบิดของภูเขาไฟมักจะเกิดขึ้นโดยต่างปี ต่างสถานที่กันและอีกหลายปีผ่านไปอาจไม่มีใครเสียชีวิตจากภูเขาไฟระเบิดเลยก็ได้ ต่างจากแผ่นดินไหวทาแต่ละปีมีคนตายเป็นพันๆคน เกือบทุกปี เช่น แผ่นดินไหวที่เคยเกิดเมื่อปี ค.ศ.1928,1950และ1976 ที่มีคนตายถึง 100,000 คนการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างมหาศาล ประชาชนทั้งหลาย่อมได้สดับตรับฟังมาอย่างมากมาย แต่เพราะเหตุใดเขาเหล่านั้u3609 .ยังคงเลือกที่จะอยู่ในสถานที่อันตรายทั้งที่รู้แล้วว่าอีกไม่นานอาจเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ที่ทำลายบ้านเรือนหรือแม้แต่ชีวิตของตนเองได้ เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นคงมีแต่ความเลวร้าย เพราะเหตุใด คำตอบมีดังนี้
1)ประชาชนรู้จากประสบการณ์ว่าแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด เกิดในเขตเดียวกันของโลก และจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เขาเขาเชื่อว่าความสูญเสียยังคงเหลือคนดีอยู่บ้าง คงไม่เสียหายจนหมด
2)ประชาชนรักถิ่นที่อยู่มีความรู้สึกผูกพัน ถ้าจะต้องอพยพย้ายถิ่นด้วยเหตุทางเศรษฐกิจหรือเหตุผลอื่นใดย่อมมีความเสียใจพอๆกับบ้านเรือนถูกทำลายทีเดียว
3)ประชาชนชอบอยู่ในที่เดิม เว้นแต่ว่าตั้งใจออกไปหาที่อยู่ใหม่ที่มั่นคงกว่าได้
ดังนั้น ผู้คนจำนวนหลายร้อยล้านคน ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ล่อแหลมต่ออันตรายของเขตเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ทั้งๆที่รู้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าจะต้องการพื้นที่ก็ไม่สามารถย้ายออกไปได้ เพราะพื้นที่โลกที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยมีจำกัด แผ่นดินโลกร้อนเกินไปเสียแล้ว
การพยากรณ์ภูเขาไฟระเบิด
ถึงแม้แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดจะอยู่ในเขตเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันทำให้การพยากรณ์แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดตอ้งแตกต่างกันไปด้วย ดังนี้
1)หลังจากเกิดแผ่นดินไหว เราอาจจะบูรณะบ้านเรือนสิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ภูเขาไฟเมื่อระเบิดแล้วพื้นที่ในเขตภูเขาไฟจะเต็มไปด้วยธารลาวา ฝุ่นเถ้า ภูเขาไฟหรือพื้นที่ที่ถูกซึนามิกวาดผู้คนสิ่งก่อสร้างลงทะเลไป ซึ่งไม่สามารถบูรณะพื้นที่ขึ้นมาใหม่ได้ ความหวังจึงมีเพียงว่าทำอย่างไรจะให้ผู้คนอพยพออกจากเขตภูเขาไฟไปจนหมดเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ
2)การพยากรณ์ภูเขาไฟระเบิดที่แม่นยำนั้น ทำไม่ได้ง่ายๆเหมือนแผ่นดินไหวเพราะแผ่นดินไหวมีจุดโฟกัสอยู่ลึกลงไปในเปลือกโลก ยังเป็นสัญญาณให้รู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไร ต่างจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหินหนืดหรือแมกมาขึ้นมาถึงพื้นผิวโลกแล้วเท่านั้นเราถึงทราบว่าภูเขาไฟจะระเบิด ซึ่งยากที่จะรู้ได้ เพราะไม่มีสัญญาณเตือนไว้ล่วงหน้า
3)แผ่นดินไหวอาจจะหยุดไปเป็นช่วงเวลาหลายสิบปี เนื่อu3591 .จากผิวโลกกำลังอยู่ในระหว่างสะสมแรงเค้น จนกว่าเมื่อแรงเค้นถึงที่สุด การสั่นสะเทือนแบบแผ่นดินไหวจึงจะเกิดขึ้นใหม่ ส่วนการเกิดภูเขาไฟระเบิดเมื่อหินหนืดเคลื่อนตัวขึ้นมาที่ผิวโลก จะมีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์และเคมีในมวลหินหนืด ให้เห็นเป็นอย่างดีมากพอจะแปลความหมายได้ ซึ่งนักภูเขาไฟวิทยา (volcanologist) สามารถอ่านความหมายได้อย่างถูกต้อง และพยากรณ์ได้ว่าเมื่อไรภูเขาไฟจะระเบิดได้ไม่ยากนัก
4)นักภูเขาไฟวิทยาสามารถคาดการณ์ได้ไม่ยากนักว่า ภูเขาไฟจะระเบิดเมื่อไรแต่ปรชาชนมักไม่ค่อยรับรู้ยกเว้นพวกที่เข้าไปอยู่ใกล้ๆเชิงภูเขาไฟมากๆกรณีภูเขาไฟเอ็ตนาในเกาะซิซิลีประเทศอิตาลีระเบิด มีเหตุผล 2 ข้อว่าเพราะเหตุใดผู้คนถึงไม่ค่อยสนใจการพยากรณ์ภูเขาไฟระเบิด
ก)ภูเขาไฟลูกนั้นไม่เคยเกิดการระเบิดที่รุนแรงมาก่อนเลย พอที่จะทำอันตรายคนในท้องถิ่นนั้น
ข)ภูเขาไฟลูกนั้น มีการระเบิดมากเพียง 3-5 ครั้ง ใน 100 ครั้งไม่ผลักดันให้ผู้คนอพยพ ประมาณแล้วระเบิดเพียงร้อยละ 5 ไม่ทำให้เกดการตื่นกลัว ยกเว้นบางกรณีที่ผู้คนไปอยู่กันหนาแน่นที่เชิงภูเขไฟขึ้นไปใกล้ปากปล่องอย่างน่ากลัวอันตราย
การเตือนภัยแก่ประชาชน
1)ต้องมีการพยากรณ์ภูเขาไฟว่าจะเกิดระเบิดขึ้น และทำอันตรายกับประชาชนหรือไม่ โดยพยากรณ์ให้ชัดเจนว่าจะเกิดในสัปดาห์ใด เดือนอะไรจะต้องมีการอพยพหรือไม่ อาจมีบางคนไม่อยากอพยพจะกว่าจะมีการระเบิดเสียก่อน และผู้คนจะกลับมาอยู่บ้านของตนได้เร็วที่สุดเมื่อไร
2)การพยากรณ์ควรเริ่มต้นด้วยการสังเกต เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยนักภูเขาไฟวิทยาที่มีประสบการณ์อย่างจริงจัง เพราะภูเขาไฟไม่ระเบิดบ่อยนัก ประชาชน 2-3 พันล้านคนของโลกหารู้ไม่ว่าได้ตั้งถิ่นฐานอยู่บนเชิงภูเขาไฟที่ดับหรือไม่ดับก็ตาม ดังนั้น การเตือนภัยล่วงหน้าควรจะช่วยลดจำนวนคนที่ตกเป็นเหยื่อของภูเขาไฟให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดช่วยสงวนชีวิตและทรัพย์สินของสังคมได้มากที่สุด ดังนั้น จึงควรให้เกิดความรู้ว่าภูเขาไฟอยู่ที่ไหน จะระเบิดขึ้นได้หรือไม่ เมื่อไร เราควรจะคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของตนได้อย่างไรเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น
3)การประชาสัมพันธ์ การพยากรณ์และเตือนภัยแผ่u3609 .ดินไหวทางวิทยุและโทรทัศน์ถึงแม้จะไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นหนทางที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่ง
4)สุดท้ายหนทางที่ควรปฏิบัติอีกประการหนึ่ง คือ ให้ความรู้แก่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบ ทำได้ตลอดเวลาทั้งก่อน ระหว่างและหลังประสบภัยพิบัติ เมื่อประชาชนรู้เรื่องภัยพิบัติจากภูเขาไฟระเบิด นับว่าการเตือนภัยจากภูเขาไฟระเบิดมีความสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว ดีกว่าให้ประชาชนตกอยู่ในความมืดเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 29589เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2006 15:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

อ่านแล้วได้รับความรู้เพิ่ม   เก่งจริงๆค่ะ

http://gotoknow.org/todsaporn

ดีจังหาต้องนาน

 

อยากได้รูปที่เป็นรูปสีไม่ใช่รูปขาวดำอ่ะช่วยหาไห้หน่อยดิค่ะ

ข้นไม่ใช่ค้นนะ

 

"ลาวาข้น" เหอๆๆๆ

ขอชคุณสำหรับข้อมูล

เนื้อหาเข้าใจแต่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงมากเลยค่ะ

แต่ก็ ok ที่ทำให้เราได้มีงานส่ง"จารย์ ขอบใจนะ

ขอบคุนสำหรับข้อมูลดีๆ

โชคดีจังที่หาเจอ ไม่งั้นทำงานส่งไม่ดีงับ

 

 

 

 

มีประโยชน์มากๆ

Thank you very much -- *

ขอบคุนค้าบบบ

ที่นำความรู้มาให้

อยากรู้ตั้งนานแล้ว

ขอบคุณทากสำหรับข้อมูลนะค่ะ เป็นประโยชน์มั่กๆเลยขอบคุณขอบคุณ

ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก

ขอบคุณนะค่ะใช้ทำงานวิทยาาศาสตร์ได้เยอะเลย

กำลังสอบ มาอ่าน เข้าใจขึ้นเย๊อะเรย>.<

อยากได้รูปภาพด้วยคะ........ขอบคุณสำหรับข้อมูลคะ.....บาย

มีงานส่งอาจารย์แร้ววว ขอบจัยสำหรับข้อมูล^-^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท