หัวใจไก่เถื่อน


เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุ

            คืนวันที่ 17 พ.ค. 2549  คืนวันนี้มีฟุตบอลนัดสำคัญคือมีฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกนัดชิงชนะเลิศ ระหว่างบาเซโลน่า กับทีมอาเซนอล ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ไปนอนให้นำเกลือเนื่องจากท้องเสียอย่างรุนแรง และความดันเลือดขึ้นสูง หมอต้องให้ยาลดความดัน เพราะความดันตัวล่าง คือถ้าความดันปกติแล้ว ความดันของคนเราควรจะมีความดันประมาณ 120/80 แต่ของผมตัวบน 140 ตัวล่าง 100 ซึ่งหมอก็สั่งให้วัดความดันซ้ำอยู่เรื่อยๆ และบอกว่าความดันตัวล่างสูง ผมเองก็ไม่ได้เข้าใจ คิดว่า 80 เพิ่มเป็น 100 ไม่เห็นจะสูงอะไร แต่พอมาศึกษาก็พบว่า เรียกว่าเป็นความดันสูงระยะที่ 1 แล้ว

           ทำอย่างไรดี อยากดูบอลก็อยากดู อดนอนก็กลัวความดันขึ้น แม่บ้านก็ไม่อยู่ ผมอยู่กับน้องจาว่า จาเป่า สามคนพ่อลูก ก็เลยรีบอาบน้ำและชวนลูกเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม ทีนี้พอลงนอนแล้วเด็กๆ ก็ไม่ยอมหลับสักที พ่อก็เลยใช้วิธีของยาย โดยบอกว่าเรามาสลับกันร้องเพลงคนละเพลงไหม จะได้ฟังเพลินๆไป จะได้หลับ พี่จาว่าก็บอกว่างั้นเค้าร้องก่อน จาว่าก็เริ่มต้นด้วยเพลงช้างที่เป็นที่คุ้นหูพวกเรากัน "ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ..........." พี่จาว่าร้องจนจบเพลง น้องจาเป่าตามด้วยเพลงประกอบการเต้นที่โรงเรียนทุกเช้า "ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา ก้นมันโดนไม้เสียบ ก้นมันโดนไม้เสียบ เสียบก้นซ้าย เสียบก้นขวา" 

           คราวนี้ถึงตาพ่อบ้างพ่อพยายามจะร้องเพลง น้ำตาลาไทร แต่จำท่อนขึ้นไม่ได้สักที ร้องแล้วก็วนไปวนมาคนฟังแทนที่จะเพลินๆ ได้หลับ กับต้องมาคอยลุ้นช่วยพ่อ น้องจาว่าก็เลยเสนอแนะขึ้นมาว่าทำไมเราไม่สวดมนต์ก่อนนอน พ่อซึ่งหาทางลงเพลงน้ำตาลาไทรไม่ได้สักทีก็เลยเห็นด้วยกับมติที่ประชุม งั้นเรามาสวดมนต์กัน เริ่มด้วยกราบหมอนสามครั้ง ให้พี่จาว่านำนโมสามจบ แล้วจาเป่านำสวดด้วย อรหังสัมมา สัมพุทธโทพควา จบครบเรียบร้อย คราวนี้พ่อนำบ้าง พ่อก็เลยขึ้นบทสวดอิติปิโสพควา อรหังสัมมา สัมพุทโธ วิชาจารณะสัมปันโน ปรากฎว่าได้แค่ท่อนเดียวที่เหลือมันติดอยู่ที่ริมฝีปาก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก พ่อก็หันมองหน้าลูก กะให้ลูกช่วย ลูกก็หันมองหน้าพ่อ แล้วก็สวดต่อไม่ได้ ติดกันทั้งพ่อทั้งลูก น้องจาเป่าก็เลยเสนอว่า งั้นท่องคาถาหัวใจไก่เถื่อน แล้วกันพ่อก็งงๆ คาถาอะไรนะลูก คาถาหัวใจไก่เถื่อน ยายสอนให้ท่อง ท่องแล้วเรียนหนังสือเก่ง ความจำดี มีสติปัญญา ว่าแล้วสองคน จาว่า จาเป่าก็สวดคาถา หัวใจได่เถื่อนกันอย่างคล่องแคล่ว พอสวดเสร็จก็เอามือตบหมอนสามครั้ง แล้วเราก็ลงนอนกัน สามคนพ่อลูกหลับแต่หัวค่ำได้สมใจ

             แต่ในใจต้องไปขอคาถาหัวใจไก่เถื่อนจากยายซะหน่อย และจะได้ถามว่าท่องแล้วเป็นอย่างไร ถ้าใครสนใจอยากจะนำไปลองใช้ดูบ้างก็ได้นะครับ

คาถาหัวใจไก่เถื่อน

   
 เวทาสากุ      กุสาทาเว
 ทายะสาตะ      ตะสายะทา
 สาสาทิกุ      กุทิสาสา
 กุตะกุภู      ภูกุตะกุ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

                    ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่อยู่ในแวดวงเดียวกันท่านหนึ่ง ขอให้ช่วยลง Comment ต่อท้ายบันทึกนี้ แต่ผมอ่านบันทึกต่อท้ายแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์มากในการรู้ที่มาที่ไปของพระคาถานี้ ผมก็เลยขออนุญาต นำความเห็นนั้นมาเขียนต่อบันทึกให้สมบูรณ์ และถ้าท่านเจ้าของความคิดเห็นมาเยี่ยมและบันทึกความคิดเห็นใหม่แล้วผมก็จะลบข้อความนี้ออกไปครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อความส่วนนี้มีผู้ให้ความคิดเห็นไว้ครับ

พระธรรมพระคาถาพระยาไก่เถื่อน (สมเด้จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน)

เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว

ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา

สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา

กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

                  พระธรรมพระคาถาพระยาไก่เถื่อน เป็น พระคาถานำ พระคาถาทั้งปวง ใช้ในทางสำเร็จประโยชน์ ผู้ใช้พระคาถานี้ ต้องมีสมาธิจิตเป็นเอกัคตาจิตขั้นสูง ถึงเมตตาเจโตวิมุตติ จึงจะใช้พระคาถานี้ได้ เพราะเป็นพระคาถามหาเมตตา ปลดปล่อยสัตว์ และปลดปล่อยจิต ตัวเอง

                 พระธรรมพระคาถาพระยาไก่เถื่อน เกี่ยวเนื่องกับ ไก่ป่ามากมาย และทรงกล่าวกับ พระอริยเถราจารย์ ครูบารุ่งเรือง ว่าไก่ป่านี้ปราดเปรียว คอยหนีคน หนีภัยอย่างเดียว

                เหมือนกับ จิต ของคน ไก่ป่าเชื่องคนยาก เหมือนจิตของคนเรา ก็เชื่องต่ออารมณ์ยากมาก

                เหมือนกัน ไก่ป่าแม้เสกข้าวด้วยเมตตาให้กิน แรกๆมันก็จะไม่กล้า เข้ามาหาคน นานๆเข้า จึงจะกล้าเข้าหาคนเหมือนจิตคนเรา ก็ชอบท่องเที่ยว ไปไกลตามธรรมารมณ์ต่างๆ ฝึกตั้งจิตเป็นสมาธิแรกๆนั้น จิตมักจะอยู่ พักเดียว ก็เตลิดไป

               ต่อนานๆไป เมื่อจิตชินต่ออารมณ์ดีแล้ว จึงจะเชื่อง และตั้งมั่นเป็นสมาธิ

               พระอริยเถราจารย์ ครูบารุ่งเรือง ถามพระอาจารย์สุก อีกว่า

 "พระคาถาไก่เถื่อน ๔วรรค แต่ละวรรค กลับไป กลับมา เป็นอนุโลม ปฏิโลม หมายถึงอะไร"

              พระอาจารย์สุกตอบว่า

            "แต่ละวรรค หมายถึงโลกธรรมแปด

             วรรค ๑ หมายถึง มีลาภ เสื่อมลาภ

             วรรค ๒หมายถึงมียศ เสื่อมยศ

             วรรค๓หมายถึง มีสรรเสริญ ก็มีนินทา

             วรรค๔ หมายถึง มีสุข ก็มีทุกข์ ทุกอย่างย่อมแปรปรวน มีดี และมีชั่ว ไม่แน่นอน ไม่ควรยึดติด มีหยาบ มีละเอียด"

              ต่อมาพระอาจารย์สุก ทรงยกองค์คุณแห่ง ไก่ปา ในมิลินท์ปัญหา มาให้พระอริยเถราจารย์ ครูบารุ่งเรืองฟังว่า ผู้ที่จะได้บรรลุมรรด ผล นิพพานต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอันเปรียบเทียบได้กับ องค์คุณแห่ง ไก่ หรือไก่ป่า มี ๕ ประการ ดังนี้คือ

๑.เมื่อเวลายังมืดอยู่ ก็ไม่บินลง หากิน

๒. พอสว่าง ก็บินลง หากิน

๓.จะกินอาหาร ก็ใช้เท้าเขี่ยเสียก่อน แล้วจึงจิกกิน

๔.กลางวันมีตาใสสว่างเห็นอะไรได้ถนัดแต่เวลากลางคืนตาฟางคล้ายคนตาบอด

๕. เมื่อถูกเขาขว้างปา หรือถูกตะเพิดไม่ให้เข้ารัง ก็ไม่ทิ้งรังของตน

             นี้เป็นองค์คุณ ๕ ประการของไก่ผู้มุ่งมรรค ผล ต้องประกอบให้ได้ กับคุณสมบัติ อันเปรียบเทียบได้กับองค์คุณเหล่านี้คือ

๑. เวลาเช้าปัดกวาดที่อยู่ และจัดตั้งเครื่องใช้สอย ไว้ให้เรียบร้อย อาบน้ำชำระกายให้สะอาด บูชากราบไหว้ ปูชณียวัตถุ และวัฒบุคคล

๒.ครั้นสว่างแล้ว จึงกระทำการหาเลี้ยงชีพ ตามหน้าที่แห่งเพศของตน

๓. พิจารณาก่อนแล้ว จึงบริโภคอาหาร ดังพุทธภาษิตว่า ผู้บริโภคอาหารพึงพิจารณา เห็นเหมือนคนบริโภคเนื้อบุตร ของตนในทางกันดาร แล้วไม่มัวเมา มุ่งแต่จะทรงชีวิตไว้ เพื่อทำประโยชน์สุข แก่ตน และผู้อื่น

๔. ตาไม่บอด ก็พึงทำเหมือนคนตาบอด คือไม่ยินดี ยินร้าย ดุจภาษิต ที่พระมหากัจจายนะ กล่าวไว้ว่า มีตาดี ก็พึง ทำเป็นเหมือนคนตาบอด มีหูได้ยิน ก็พึงเป็นเหมือนหูหนวก มีลิ้นเจรจาได้ ก็พึงเป็นเหมือนคนใบ้ มีกำลังก็พึง เป็นเหมือนคนอ่อนเพลีย เรื่องร้ายเกิดขึ้น ก็พึงนอนนิ่งเสีย เหมือนคนนอนเฉยอยู่ฉะนั้น

๕. จะทำ จะพูด ไม่พึงละสติ สัมปชัญญะ ประหนึ่งไก่ป่า ไม่ทิ้งรังฉะนั้น ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้จะบรรลุ มรรด ผล นิพพาน

              พระอริยเถราจารย์ ครูบารุ่งเรือง จึงกล่าวกับพระอาจารย์สุกฯ ว่า

             "ดีนัก ดีนักแล และพระอริยเถราจารย์ ได้กล่าวอีกว่า ตามตำนาน เมืองเหนือ กล่าวถึงอุปเท่ห์ พระคาถาไก่เถื่อน ไว้ว่าพระคาถาพระยาไก่เถื่อน ผู้ใดภาวนาได้สามเดือน ทุกๆวันอย่าให้ขาด ผู้นั้นจะมีปัญญา ดังพระพุทธโฆษาฯ"

            และไก่ป่านี้ ขันขานเพราะนัก ด้วยอำนาจแห่งพระคาถาพระยาไก่เถื่อน ให้สวดสามจบ จะไปเทศ ไปสวด ไปร้อง หรือเจรจา สิ่งใดๆดีนัก มีตะบะเคชะนัก

            ถ้าแม้สวดได้เจ็ดเดือน อาจสามารถรู้ใจคน เหมือนไก่ป่า รู้กลิ่นตัวคนฉะนั้น

            ถ้าสวดครบหนึ่งปี มีตะบะเดชะยิ่งกว่าคนทั้งหลาย

            แม้จะเดินทางไกล ให้สวดแปดจบ เหมือนไก่ขันยาม เป็นสวัสดีกว่าคนทั้งหลาย

             ให้เสกหิน เสกแร่ ไว้สี่มุมเรือน โจรผู้ร้ายไม่เข้าปล้น เหมือนไก่ป่าไม่ทิ้งรัง แม้ผีร้ายเข้ามาในเขตบ้าน ก็คร้ามกลัวยิ่งนัก

            เสกข้าวสารปรายหนทางก็ดี ประตูก็ดี ผีกลัวยิ่งนักคนเดินไปถูกเข้าก็ล้มแล แพ้แก่อำนาจเรา

             พระคาถานี้แต่ก่อน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กะฐานธรรม แต่ภายหลัง ถึงยุคพระอาจารย์สุก พระคาถานี้จึงเรียกขานใหม่ว่า พระคาถาไก่เถื่อนบ้าง พระคาถาพระยาไก่เถื่อนบ้าง

               พระคาถาบทนี้ทางภาคเหนือเรียกว่า พระคาถาไก่แก้ว กุกลูกพระอาจารย์สุก พระองค์ท่านทรงออกรุกข์มูลไปได้ ประมาณปีเศษก็เข้าสู่เขตป่าใหญ่ แขวงเมืองเชียงใหม่ ท่านใช้เวลาอยู่ที่ป่า แขวงเมืองเชียงใหม่ ป่าแขวงเชียงราย ป่าแขวงเชียงแสน เกือบปี พระองค์ท่านทรงพบพระมหาเถรวุฒาจารย์ ผู้ทรงอภิญญามากมาย ทั้งที่เชี่ยวชาญในด้านกสิณดิน กสิณไฟ กสิณลม กสิณน้ำ และเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระ

                ต่อมาพระอาจารย์สุกฯ มาถึงวัดท่าหอยแล้ว พระองค์ท่าน ก็ทรงแปลง พระคาถาพระยาไก่เถื่อน เป็นรูปยันต์ เรียกว่าพระยันต์ มหาปราสาท ไก่เถื่อน ตามนิมิตสมาธิเวลาลงพระคาถาพระยา ไก่เถื่อน ลงเป็นยันต์มหาประสาท ให้ลงด้วยเงินก็ดีทองก็ดี ผ้าก็ดี กระดาษก็ดี

              ลงแล้วเสกด้วย พระคาถาพระยาไก่เถื่อน ๓ จบ ไปเทศนาดีนัก เป็นเมตตาแก่คนทั้งหลาย เกิดความศรัทธาในตัวเรา (ไก่ร้อง เสียงฟังได้ไกล)เอายันต์นี้ ไปกับตัวค้าขายดีนัก เกิดลาภสักการะ มากกว่าคนทั้งหลาย เหมือนไก่ป่า ขยันหากินให้เขียนยันต์ปราสาทไก่เถื่อน ไว้กับเรือน เวลาเขียน ให้แต่งเครื่องบูชาครูสิ่งละ ๑๖ คือ ข้าวตอก ๑๖ ถ้วยตะไล ดอกไม้ ๑๖ ถ้วยตะไล เทียน ๑๖ แท่ง ธูป ๑๖ ดอกข้าวเปลือก ๑๖ ถ้วยตะไล สิ่งของเหล่านี้วางบนผ้าขาว ให้เสกด้วยพระคาถาพระยาไก่เถื่อน ๑๐๘ จบ ๑๐๘ คาบ ให้อธิษฐานเอาตามแต่ปรารถนา กันโจรภัยอันตรายทั้งหลายมีชัยแก่ศัตรู ลงเป็นธงปักในนา กันแมลง มาเบียดเบียน เสกน้ำมันงาใส่แผล แลกระดูกหัก เสกข้าวปลูกงอกงามดี เสกน้ำมนต์พรมของกัมนัลพระยารักเราแล เสกเมตตาก็ได้ ถ้าต้องคุณโพยภัยใดๆ ให้เสกส้มป่อยสระหัวหายแล ใช้สารพัดตามแต่จะอธิษฐานเถิดฯ

              พระคาถา และยันต์ไก่เถื่อน นี้มีผู้คนเคารพเชื่อถือมาก และจะว่านำพระคาถาอื่นๆก่อนเสมอ โด่งดังมาจนถึงปัจจุบันนี้

            พระคาถานี้ ได้เมื่อ พระกกุสันโธ เป็นไก่ป่า เป็นอาการสามสิบสอง ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ ประองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม พระศรีอริยเมตไตยพระคาถาพระยาไก่เถื่อนนี้ ได้ในสมัยพระพุทธเจ้า พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม พระศรีอริยเมตไตย ยังเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็น พญาไก่เถื่อน แม้พระอาจารย์สุก พระองค์ท่าน ก็เคยเกิดเป็น ไก่เถื่อน บำเพ็ญบารมีมา แต่การสร้างบารมีนั้น ต่างๆกัน

             และพระคาถาพระยาไก่เถื่อนนั้น ยังเป็นอาการสามสิบสอง ของพระอาจารย์สุกด้วย และเป็นตะปะเดชะ ของพระอาจารย์สุก ในเมตตาบารมีนี้ด้วยพระคาถาบทนี้ ถ้าจำเริญภาวนา จะมีอานุภาพมาก ผู้ใดภาวนาเป็นนิจสิน จะเกิดลาภ ยศ มิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น ทำนา ทำสวน ทำไร่ เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญาด้วย ถ้าเดินทางไป ทางบก หรือเข้าป่า สวดภาวนาคลาดแคล้ว จากภัยอันตรายดีนักแล บั้นปลายก็จะ บรรลุพระนิพพาน ด้วยเมตตาบารมีนี้

คัดความจาก

           หนังสือ พระวัติสมเด็จพระสังราชสุก ไก่เกื่อน ยุคกรุงศรีอยุธยา บรมครูฝ่ายวิปัสสนาธุระ ประจำยุครัตนโกสินทร์ และพระธรรมทายาท คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (วัดพลับ) ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ

หมายเลขบันทึก: 29568เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2006 13:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้าจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

     ฝากอาจารย์ถามคุณยายเร็วๆ นะคะ  ว่าเป็นคาถาอะไรเพราะเพิ่งเคยได้ยินจากอาจารย์วันนี้เหมือนกันค่ะ

นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
  • ขอขอบคุณอาจารย์หนึ่ง...
  • ขอให้หายป่วยไวๆ ครับ
  • ผมเองไม่เคยมีความดันเลือดสูงเลย ไปกรุงเทพฯ ปีนี้ความดันขึ้น สงสัยไม่ถูกกับเมืองหลวง...
  • ขอให้ความดันอาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านพอดี ไม่สูง ไม่ต่ำเกิน...
  • เห็นอาจารย์ชอบร้องเพลงไม่นึกว่าแค่น้ำตาลาไทรก็ไม่รอดเสียชื่อหมด
  • พึ่งเคยได้ยินโรคความดันต่ำสูง..
  • มีคนบอกว่าผู้สูงอายุมักเป็นโรคนี้กันนะคะ
    แต่อาจารย์ก็...ไม่น่าสูงเท่าไหร่..ทำไมจึงเป็น?????
  • ขอให้หายไวไวนะคะ



เรียนอ.หนึ่ง

  • ขอให้หายไวๆ นะครับ
  • พึ่งจะได้เข้ามาอ่านบันทึกอาจารย์วันนี้เอง
  • ขอให้หายป่วยเร็วๆนะค่ะ
  • ชอบเวลาที่อาจารย์เล่าเรื่องครอบครัวค่ะ เล่าได้น่ารักดี
  • จะตามอ่านความหมายของคาถาหัวใจไก่เถื่อนต่อไปนะค่ะ

         วันนี้มีคนโทรศัพท์ถึงผม สองครั้ง จังหวะแรกพอดีผมกำลังคุยธุระอยู่กับอาจารย์อีกท่านหนึ่ง เลยรับไม่ทัน พอครั้งที่สองโทรมาอีก ผมรับสาย ปรากฏว่า คนโทรมาถามว่า อาจารย์ คาถาหัวใจไก่เถื่อนต้องท่องกี่ครั้ง ผมต้องรวบรวมสติสัมปชัญญะกลับมา ว่า เอ ลูกศิษย์ที่ไหนโทรมา ทำไมไม่ถามเรื่องวิชาการแต่ถามเรื่องหัวใจไก่เถื่อน

            หัวใจไก่เถื่อนคืออะไร ผมก็เพิ่งนึกถึงบางอ้อ ว่า เราเคยเขียนไว้ในบล็อกนี่ แล้ว เค้าโทรหาเราได้ยังไง ก็ปรากฏว่าเค้าใช้วิธีสืบค้นในกุ๊กเกิ้ลหาเบอร์โทรผมได้ แล้วโทรมา เพราะ เค้าบอกว่าจะเอาไปให้ลูกท่อง ไปหาพระอาจารย์มา แล้วพราะอาจารย์ให้ท่องหัวใจไก่เถื่อน 108 จบ

        คนท่องก็หาไม่เจอว่าหัวใจไก่เถื่อนท่องอย่างไร เค้าก็เลยค้นในกุ๊กเกิ้ล แล้วเพื่อความแน่ใจก็โทรมาหาต้นตำหรับ ผมเองก็สอบถามกลับไปว่า เค้าทำอะไรอยู่ที่ไหน ก็ได้ความว่าเป็นตำรวจอยู่ที่นครสวรรค์

เรียน อาจารย์รุ่งโรจน์ ฯ ค่ะ

ด้วยเมื่อไม่นานนักนี้ ดิฉันได้น้อมนำคุณแห่งพระคาถา เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว

(พระคาถาพระยาไก่เถื่อน ด้วยทรงองค์คุณแห่งพระคาถามหาเมตตา ปลดปล่อยสัตว์และดวงจิตตัวเอง)เผยแพร่เป็นที่รู้จักลึกซึ้งเป็นวงกว้างกันในบรรดาศรัทธาสาธุชน ด้วยจิตธรรมทาน บริสุทธ์ใจ

(ดัง link ที่แนบท้าย)

พร้อมในเวลาต่อมา

บุญจัดสรร บุญบันดาล นำพาดิฉันให้มาเที่ยวชมบล๊อกของอาจารย์ บนเครือข่าย gotoknow นะคะ

ได้มาเห็นข้อความที่อาจารย์เกริ่นไว้เล็กน้อยเกี่ยวกับพระคาถา เว ทา สา กุ ฯ จึงได้นำสาระความ ที่มาแห่งพระคาถา เว ทา สา กุ ฯ มาขยายไว้ ด้วยจิตธรรมทาน พร้อมทั้งหาโอกาสสื่อสารกับอาจารย์รุ่งโรจน์ในเวลาต่อมา สื่อแสดงความอนุญาตที่ได้วิสาสะ นำสาระความพระคาถา เว ทา สา กุ ฯ มาลงไว้ในบล๊อกของอาจารย์ :)

วันนั้น อาจารย์ เข้าใจว่า ดิฉันเป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งจากนครสวรรค์ที่เคยโทรคุยกับอาจารย์ - ตกลงดิฉันไม่ใช่เธอคนดังกล่าวนะคะ :)

กราบขอบพระคุณ อาจารย์ที่ได้นำสาระความพระคาถาฯ ที่ดิฉันได้นำมาสื่อไว้แล้วนั้น

มาทับต่อลงในสำนวนเดิมของอาจารย์ นะคะ

ดิฉันขออนุญาตสื่อความ ดังนี้ค่ะ

ด้วยความน้อมนำพระคาถาฯ ดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ก่อนหน้านั้น ดิฉันได้ให้ความสำคัญ นบนอบ น้อมสื่อบูชาคุณครูบาอาจารย์ ด้วยเหตุผลอันมีนัยะสำคัญ โดยได้คัดความ พร้อมปรับสาระ และลงสื่อไว้เป็นธรรมทานบนระบบเครือข่าย (เวบพลังจิต.คอม)โดยคัดความต้นฉบับจาก หนังสือ พระประวัติสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อนฯ

(ดังทราบความกล่าวแล้ว)

โดยไม่ลืมที่จะทำการ ด้วยความนอบน้อมบูชาคุณครูบาบูรพาจารย์

การจะได้เห็นอาจารย์ นำมาเผยแพร่ ขออนุโมทนาด้วยความจริงใจของดิฉันค่ะ

ด้วยถือเป็นกิจร่วมแห่งการสืบสานทรงคุณพระธรรม และสืบการบวรพระพุทธศาสนา

จึงเรียนเพื่อความนอบน้อมพระคาถาเป็นธรรมทาน นี้ร่วมกัน นะคะ

และขอแสดงความเห็นว่า ด้วยความนอบน้อมธรรมทานดังกล่าว

จึงเห็น มิควรแสดงสื่อการสงวนสิทธิ์ ด้วยประการทั้งปวง

ขออนุโมทนา สาธุการค่ะ

บุญญสิกขา

http://board.palungjit.com/f4/%E0%B9%80%E0%B8%A7-%E0%B8%97%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%B2-%E0%B8%81%E0%B8%B8-%E0%B8%81%E0%B8%B8-%E0%B8%AA%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%A7-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87-197908.html

คำถวายนมัสการ

ข้าบังคมพระบาทบรมนาถผู้ทรงญาณ

พระธรรมอันพิศดารทั้งพระสงฆ์อันบวร

ข้าเชิญพระญาณสังวรเจ้ามาปกเกล้าฯปกเกษี

ชัยชนะแก่โลกีย์ทั้งภัยพาลอันตราย

ขอให้พบพระพุทธศาสนาด้วยศรัทธาอันพากเพียร

รู้แจ้งคัมภีร์เรียนสมถะ-วิปัสสนาทุกชาติไป

ขอเชิญคุณครูบามารักษาให้มีชัย

ดลจิตบันดาลใจสำเร็จทุกประการ

สิทธิกิจจังสิทธิกัมมังสิทธิการิยะตะถาคะโต

สิทธิเตโชชโยนิจจังสิทธิลาโภนิรันตะรัง

สัพพกัมมังประสิทธิเมสัพพสิทธิภะวันตุเม

พระครูสังฆรักษ์วีระฐานวีโร

๕ ธันวาคม ๒๕๔๖

( เพิ่งเปิดเข้ามาอ่านค่ะ )ขอโทษด้วยค่ะ อ.หนึ่ง ที่ไม่ได้ให้ความคิดเห็นในเรื่อง คาถาฯที่ อ.หนึ่งบอกตอนท้ายของโทรศัพท์

ที่โทรสอบถามเรื่องคาถาฯ ได้โทรไปหาคุณยายตั้งแต่วันนั้นแล้ว ได้รับคำบอกเล่าแล้วนำมาปฏิบัติด้วยความพยายามอย่างยิ่ง

(ทั้งที่ความขยันมีน้อย) ลูกชายคนโตไม่ท่องเลย สู้คนเล็กไม่ได้ 2 ขวบ 3 เดือน นอนไม่หลับดีนัก เลยชวนท่องคาถา เราก็บอกให้พูดตามแม่นะครับ...แล้วเขาก็ท่องเสียงจ่อยๆ เวทาสากุ กุสาทาเว ...นอนเหอะ ก้มไหว้ก้นโด่งเลย พยายามมาหลายเดือนแล้วค่ะ

และจะพยามยามต่อไป คิดว่าถึงเวลาที่เข้าโรงเรียนแล้วคงจะดีขึ้นเอง ขอบคุณที่หาประวัติมาลงให้อ่านเป็นทานค่ะ

เพิ่งเข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
เพิ่งหัดสวด ด้วยหลวงตาที่เคารพศรัทธา แนะนำให้ศิษย์ใกล้ชิด
บอกให้สวดภาวนาตามกำลังวัน จะดีในทางโชคลาภ เงินทองไม่ขาดมือ ครับผม

ยินดีที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท