วันนี้ผมได้เปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการแก่พนักงานที่เข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ การทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข โดยได้รับเกียรติจากท่านวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ท่านอาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ซึ่งกันก็ได้เคยมาบรรยายให้ผู้บริหารได้ประทับใจไปแล้วเมื่อรุ่นแรกครับ ผมได้ให้ความคิดและข้อมูลแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า โดยนโยบายของมหาวิทยาลัยแล้ว มหาวิทยาลัยต้องการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้เป็นคนที่เก่งในงานให้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามปัญหาที่เรามักจะพบเสมอในองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ก็คือ องค์กรที่มีคนเก่งมาก ก็ยิ่งยากที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข และในที่สุดการทำงานเป็นทีมก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นนโยบายของมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้ให้ความสำคัญที่การสร้างบุคลากรให้เป็นคนเก่งอย่างเดียว แต่ได้มุ่งที่จะสร้างศักยภาพในการจัดการความรู้สึกของตัวเราเองทุกคน ให้สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างมีความสุข และเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น วลัยลักษณ์ก็จะสามารถบรรลุวิทัศน์ที่วางไว้ได้ไม่ยากเลย
แวะเข้ามาดูว่าวันนี้อาจารย์มีเรื่องอะไรมาเล่าให้พวกเราได้เรียนรู้ เลยอดไม่ได้ที่จะขอยกมือด้วยคนว่า"ใช่เลยค่ะ" คือใช่บันทึกและข้อคิดเห็นที่โดนใจมากค่ะ การทำงานใดก็ตามไม่ว่างานจะเล็กจะใหญ่จะยากจะง่ายอย่างไรจะสำเร็จได้นั้นต้องใช้กำลังกายกำลังใจของทีมงาน ดังนั้น บรรยากาศการทำงานที่อบอุ่นเป็นกันเอง มีความสุข สนุกสนาน จริงใจ มองปัญหาเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ให้ได้ไม่ใช่อุปสรรค มองเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นหลัก ไม่เอาเรื่องจุกจิกกวนใจมาบั่นทอนความรู้สึกของทีมงาน รู้จักการให้กำลังใจเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เรา นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานให้บรรลุตามเป้าหมายที่หวังไว้ สิ่งที่อาจารย์และน้องเมกล่าวมาล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้คนที่อยู่ร่วมกันทำงานอย่างมีความสุขค่ะ ซึ่งคงต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนว่าต้องรักในงานที่ตัวเองทำ รักตัวเอง รักเพื่อนร่วมงาน รักองค์กร ฯลฯ ถ้ารักแล้วทำได้หมดค่ะ อย่างที่ได้ยินบ่อย ๆ ว่า ความรักทำได้ทุกอย่าง ซึ่งจะทำให้เราทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยค่ะ