เรตติ้งเชิงความรู้ ๖+๑
จากภาคประชาชนสู่การขยับผังรายการโทรทัศน์ไทย
หลังจากที่ได้มติคณะรัฐมนตรีฉบับวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖
ได้เปิดประตูการพัฒนารายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก เยาวชนและครอบครัว
เพื่อให้สื่อได้ส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็ก
เยาวชนและครอบครัวในสังคมไทยได้อย่างเต็มที่
และสิ่งที่ตามมาภายใต้โจทย์ของมติคณะรัฐมนตรีฉบับนี้ก็คือ
อะไรคือเกณฑ์ในการชี้วัดคุณภาพเนื้อหา อะไรคือระบบของการชี้วัด
และภาคประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร
และสิ่งที่ท้าทายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ
ใครจะเป็นผู้ใช้เกณฑ์ในการชี้วัดคุณภาพเนื้อหา รวมไปถึง
ระบบของการชี้วัดคุณภาพนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไร และอย่างไร
ดูเหมือนว่า ในอดีตเรามีแต่คำถาม
แต่วันนี้เราเริ่มมีคำตอบให้กับสังคมแล้ว ...
คำตอบแรก
เกี่ยวกับเกณฑ์ในการชี้วัดคุณภาพเนื้อหา
จากจุดเริ่มต้นของการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับเกณฑ์ในการชี้วัดคุณภาพเนื้อหารายการโทรทัศน์
ที่อดีตการชี้วัดคุณภาพเคยถูกพันธนาการด้วยระบบการกลั่นกรองและเซ็นเซอร์
เพื่อคัดแยกเนื้อหา (ที่กรรมการชุดหนึ่ง) เห็นว่าไม่เหมาะสม
หรือที่เรียกว่า เรตติ้งต้องห้าม และระบบเรตติ้งเชิงปริมาณ
ที่ชี้วัดรายการใดมีคุณภาพสะท้อนจากจำนวนผู้ชม
(สำรวจโดยบริษัทเอกชนแบบผูกขาด)
ที่เป็นเหตุให้รายการโทรทัศน์ต้องช่วงชิงความนิยมกับผู้ชม
ทำให้รายการส่วนใหญ่ถูกผูกมัดให้เน้นความสนุกสนานจนละเลยการใส่ความรู้ให้กับผู้ชม
จนกระทั่งวันนี้ เราคิดค้นทฤษฎี ๖+๑
เพื่อให้การชี้วัดคุณภาพเนื้อหารายการโทรทัศน์สะท้อนคุณภาพเชิงการศึกษาและการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
วันนี้เรามี ระบบการชี้วัดคุณภาพเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่ใช้กรรมการใน
๓ ชุด นั่นคือ กรรมการกลาง
ที่มาจากผู้ที่เกี่ยวข้องหลักในการพัฒนารายการโทรทัศน์
กรรมการภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นหน่วยเฝ้าระวังสื่อ
และกรรมการภาคประชาชนทั่วไปที่อยากจะเข้าร่วมประเมินคุณภาพ
ทั้งหมดของระบบ
วางอยู่บนพื้นฐานของการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดคุณภาพเนื้อหารายการโทรทัศน์ในสังคมไทย
สิ่งนี้เอง เป็นโอกาสของการพัฒนาไปสู่ “การร่วมกำหนดผังรายการโทรทัศน์”
ที่ตอบสนองต่อการพัฒนาชุมชนของตนได้
ปัญหาที่น่าขบคิด ต่อมาก็คือ
แล้วเราจะให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้เกณฑ์ชี้วัดนี้ได้อย่างไร
??? เพราะหากไม่มีช่องทางของการเข้ามามีส่วนร่วมได้
ระบบดังกล่าวก็จะอยู่ในภาวะของการถูกทำหมันไปโดยปริยาย
เพื่อแก้ปัญหาในจุดอ่อนนี้เอง
การสร้างห้องเรียนเรตติ้งเคลื่อนที่เพื่อกระตุ้นให้สังคมในระดับรากหญ้าในพื้นที่ต่างๆได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้
และรวมตัวเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง
เป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
และหลังจากที่ได้เริ่มต้นสร้างห้องเรียนเคลื่อนที่ในพื้นที่ต่างๆ
ในกลุ่มภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องในชุมชนภาคเหนือ ร่วมกับเครือข่ายเด็ก
เยาวชนและครอบครัวที่มีความแตกต่างกัน ทั้งจากเครือข่ายเด็กไร้รัฐ
เครือข่ายเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ เครือข่ายสภาเยาวชน
เครือข่ายสภายุวชนเพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายเด็กแก๊ง
เครือข่ายเยาวชนภาคเหนือตอนบน เป็นต้น
เพื่อตรวจสอบแนวคิดเกี่ยวกับเกณฑ์ในการชี้วัดคุณภาพเนื้อหาใน
“ทฤษฎี ๖+๑” ตลอดจน
ตระเตรียมการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังในเขตุชมชนภาคเหนือ
ภาพที่ปรากฏ พบว่า แนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎี ๖+๑
ได้รับการยอมรับจากเครือข่ายชุมชนภาคเหนือ ไม่เพียงเท่านั้น
คำตอบเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนภาคเหนือ
เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่มีความชัดเจนมากขึ้น
การสร้างรายการโทรทัศน์เพื่อให้ความรู้ด้านวิชาการ
เช่น รายการโทรทัศน์เพื่อสอนหนังสือวิชาต่างๆ
สอนคนรากหญ้าให้อ่านออกเขียนได้
รายการโทรทัศน์ด้านทักษะและอาชีพ เช่น
รายการโทรทัศน์ที่สอนวิธีการประกอบอาชีพเพื่อคนรากหญ้า
รายการโทรทัศน์แนะนำอาชีพในสังคมไทย
รายการโทรทัศน์ที่เป็นช่องทางการตลาดให้กับสินค้าพื้นเมือง
รายการโทรทัศน์ที่สอนค่านิยมและวัฒนธรรมที่ถูกต้อง
เช่น รายการโทรทัศน์เพื่อให้คนไทยไม่ใช้ของฟุ่มเฟือย
รายการโทรทัศน์ที่ทำให้รู้จักวัฒนธรรมล้านนา ทั้งภาษา ศิลปะ
รวมไปถึงศิลปะป้องกันตัวแบบล้านนา
รายการโทรทัศน์ที่ผสานความแตกต่างทางสังคมวัฒนธรรม
เช่น รายการโทรทัศน์ที่สร้างความรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์
เด็กไร้รัฐ เด็กไร้สัญชาติ ที่ถูกต้อง
รวมไปถึงรายการโทรทัศน์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาในด้านสิทธิมนุษยชนให้กับคนกลุ่มนี้
รายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับทักษะในการใช้ชีวิต
หลายคนนึกถึงรายการโทรทัศน์ที่สอนให้รู้จักการป้องกันโรคเอดส์
การอยู่ร่วมกันในสังคมระหว่างผู้ติดเชื้อ
รายการโทรทัศน์ที่สอนให้คนในสังคมไทยรู้จักการแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรง
ทั้งหมดดูเหมือนเป็นการคิดค้นรายการโทรทัศน์อย่างสวยงาม
แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว
รายการโทรทัศน์ที่เครือข่ายเหล่านี้อยากจะเห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์
ถูกคิดค้นขึ้นมาจากการคิดถึง “ปัญหา” ที่ตนเผชิญอยู่ในสังคม
และหวังให้รายการโทรทัศน์ เป็นช่องทางของการเรียนรู้เพื่อ “แก้ไขปัญหา” ในชุมชน
วันนี้จึงเป็นเวลาของการสร้างรายการโทรทัศน์เพื่อเป็นช่องทางของการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทย
จะเห็นได้ว่า แนวคิดของคนในสังคมไม่ได้แตกต่างไปจากทฤษฎี ๖+๑
นอกจากนั้นแล้ว
การคิดค้นถึงรายการโทรทัศน์ดังกล่าวยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง
การมีส่วนร่วมของเด็ก เยาวชนและครอบครัว
ที่จะเข้ามาร่วมสร้างและวางแนวทางในการกำหนดรายการโทรทัศน์
ปัญหาที่ตามมาก็คือ เสียงเหล่านี้
จะปรากฏเป็นเสียงที่เข้มแข็งและมีพลังอันจะนำไปสู่การขยับผังรายการได้อย่างไร
???
ซึ่งวันนี้ เรามีคำตอบอยู่ในสองประการ ประการที่ ๑
พลังของการตรวจสอบและประเมินคุณภาพรายการโทรทัศน์ที่มีอยู่ในสังคม
ดังนั้น
การสร้างฐานเสียงของการประเมินคุณภาพรายการโทรทัศน์ต้องมีจำนวนมากพอโดยเครือข่ายเฝ้าระวัง
จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น วันนี้
จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสร้างองค์กรเครือข่ายเฝ้าระวังในแต่ละภาคของชุมชน
ประการที่ ๒
การส่งพลังของผลการประเมินไปสู่ผู้เกี่ยวข้องในรูปแบบของกฎหมายธรรมชาติ
ในเบื้องต้น วันนี้ จำเป็นที่จะต้องสร้างกลไกในการประเมินคุณภาพ
ซึ่งในเบื้องต้น
จะต้องรีบสร้างกรรมการกลางที่มาจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสถานี
และกลุ่มเอเยนซี่ และกลุ่มภาคประชาชน (จากทุกภูมิภาค)
และในที่สุด
ผลของการประเมินคุณภาพรายการโทรทัศน์จากเครือข่ายภาคประชาสังคม รวมกับ
ภาคประชาชน จะถูกนำเข้าสู่การร่วมประเมินกับ
คณะกรรมการกลางที่มาจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสถานี
ดังนั้น
ผลของการสำรวจและแนวคิดเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ที่ตอบสนองต่อชุมชน
ที่สอดคล้องกับทฤษฎี ๖+๑
จะได้รับการพิจารณาและบังคับใช้จากผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะไปสู่การขยังผังรายการโทรทัศน์ที่ตอบสนองต่อเกณฑ์เชิงความรู้
และตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน
ในวันนี้ กระบวนการที่สำคัญก็คือจะต้องรีบพัฒนาเกณฑ์ในการชี้วัด
ในรูปของกฎหมายหรือนโยบาย นอกจากนั้นแล้ว
กระบวนการสำหรับการสร้างคณะกรรมการกลางในรูปแบบของกฎหมาย นโยบาย
เป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่จะช่วยให้เสียงของการประเมินคุณภาพจากเครือข่ายเฝ้าระวังมีพลังในการบังคับใช้อย่างแท้จริง
อ.อิทธิพล ปรีติประสงค์
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล
ประธานคณะกรรมการนักวิจัยและพัฒนา
รายการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการศึกษา
และการเรียนรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว (TV4Kids) มูลนิธิ ศ.คนึง ฦๅไชย
กรรมการอำนวยการการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ กระรทวงวัฒนธรรม
ไม่มีความเห็น