มาเปิดใจ...เพื่อให้รู้จักตน


สิ่งไม่หวนทวนคืนได้ มีสี่ประการ คำเจรจาออกจากปากหนึ่ง ลูกธนูแล่นลิ่วออกจากแหล่งหนึ่ง กาลเวลาล่วงเลยไปหนึ่ง โอกาสเหมาะที่ละเลยเสียแล้วหนึ่ง
          เคยนั่งคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา เราเจอปัญหามามากมายตั้งหลายหน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคน บางทีสุขบางทีทุกข์คละเคล้ากันไป บางทีกลับพบตนแอบนั่งร้องไห้ในมุมมืด อาจเพราะความอ่อนไหวในอารมณ์ ไม่มั่นคงเหมือนใครเขา แอบถามตนถึงตน...ว่ารู้จักตนดีแค่ไหน อาจจะมีตนในมุดมืดที่ตนนั้นยังไม่เข้าใจ เลยมาเพื่อถามไถ่ว่ารู้จักตนดีแล้วหรือยัง

          ค่อย ๆ ใช้สติมามองตนที่เป็นอยู่ เรารับรู้ตนมากแค่ไหน เคยเปิดเผยตนมากเท่าไร เคยเปิดใจเพื่อรับฟังคำติติงของใครบ้าง จึงขออ้างทฤษฎีหน้าต่างโจฮารี่ (The Johari’s Window) เพื่อให้ตนรู้จักตนมากยิ่งขึ้น

                                ตนเองรู้                       ตนเองไม่รู้

ผู้อื่นรู้

บริเวณเปิดเผย

บริเวณจุดบอด

ผู้อื่นไม่รู้

บริเวณซ่อนเร้น

บริเวณอวิชชา

         
          หากแต่หน้าต่างทั้ง 4 บาน มองว่าเปรียบได้ดั่งหัวใจของตนทั้ง 4 ห้อง แล้วมาลองค้นหัวใจว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

          หัวใจห้องที่ 1 เป็นบริเวณเปิดเผย มองว่าชีวิตที่ผ่านมาเคยเปิดเผยตนให้ผู้อื่นรับรู้มากแค่ไหน พบว่า ในระยะแรก ๆ ของการคบหาสมาคมกัน ส่วนของบริเวณเปิดเผยจะแคบเนื่องจากต่างคนต่างยังไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เลยไม่อยากเปิดใจให้ใครเข้ามารับรู้ข้อมูลของตนอย่างเต็มที่ แต่หากคบกันไประยะหนึ่งจะพบว่าบริเวณห้องใจเปิดกว้างมากกว่าเดิม เนื่องจากเกิดความไว้วางใจกันมากขึ้น แน่นอนที่สุดสิ่งที่เปิดเผยออกมาตนย่อมรู้ตนและคนอื่นก็รู้ในพฤติกรรมของเราด้วย

          หัวใจห้องที่ 2 เป็นบริเวณจุดบอดของตนเป็นพฤติกรรมการแสดงออกต่าง ๆ ที่ตนแทบจะไม่รู้ตนเลย แต่ในขณะที่ตนแสดงพฤติกรรมออกมาคนอื่นสามารถสังเกตและเห็นการกระทำของตนทุก ๆ อย่าง แต่ตนกลับไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำอยู่เป็นประจำมันดีหรือไม่อย่างไร ในส่วนนี้จึงต้องคอยรับฟังความจากเพื่อนเพื่อเตือนสติว่าตนมีข้อบกพร่องอย่างไร เตือนเพื่อให้รู้ตนจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข แต่จะมีใครสักกี่คนที่ยอมรับความเป็นจริง

          หัวใจห้องที่ 3 เป็นบริเวณซ่อนเร้น เป็นความจงใจที่จะปกปิดความคิดของตนเอาไว้ ปมด้อย ความผิดพลาดในชีวิต ความเกลียด ความริษยา ความอิจฉา ซ่อนเร้นปกปิดไว้ข้างในหัวใจ หากตนไม่เปิดเผยแน่นอนที่สุดคนอื่นย่อมไม่รู้ อาจเรียกว่าเป็นพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหรอก ข้างนอกสดใสข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง แต่หัวใจห้องนี้ตนรับรู้อยู่ตลอดเวลาว่าคิดอย่างไร

          หัวใจห้องสุดท้ายห้องที่ 4  เป็นบริเวณมืดมนหรืออวิชชา เป็นความคิด ความรู้สึกที่แสดงออกมาโดยที่ตนไม่รู้และคนอื่นก็ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจมาก่อน อาจเป็นเหตุการณ์ที่ฝังใจในอดีต หรือเป็นการค้นพบศักยภาพ ความสามารถที่ตนไม่เคยรู้มาก่อน หากแต่วันหนึ่งวันใดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นพฤติกรรมของหัวใจห้องนี้ก็จะแสดงออกมาในทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง น่าตลึง เช่น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุตกลงไปในน้ำทั้ง ๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็สามารถประคองตัวไม่ให้จมน้ำได้ จนกระทั่งมีคนมาช่วยเหลือ

          มองว่าการรู้จักตนและยอมรับตน ยิ่งบริเวณห้องใจเปิดเผยกว้างเท่าใด ก็สามารถพัฒนาตนได้มากเท่านั้น เพราะตนเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่คนอื่นที่มีต่อตนด้วยความหวังดี แต่ต้องนำมาวิเคราะห์ วิจารณ์มาตรวจสอบกับการกระทำของตน โดยใช้สติในการคิดพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบโดยไม่เข้าข้างตนเองหรือยึดตนเป็นที่ตั้ง แต่ควรวางใจเป็นกลางแล้วค่อย ๆ คิดอย่างมีสติ หากแต่พบว่ายังมีข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องก็ควรหาทางแก้ไขปรับปรุงพัฒนาตน และยังมองเห็นข้อดีของการเปิดเผยตนว่าทำให้เราได้มีโอกาสพูดและได้ระบายสิ่งที่คั่งค้างหรือเป็นความทุกข์ในจิตใจให้หมดไปได้ แต่หากเมื่อใดที่มีบริเวณปกปิดซ่อนเร้นมากจะเกิดความวิตกกังวลใจ เกิดความเครียดและไม่สบายใจ เมื่อผู้อื่นพูดถึงสิ่งที่เราปกปิดโดยไม่ได้ตั้งใจ จะโกรธและเกิดความไม่สบายใจ

          สิ่งไม่หวนทวนคืนได้ มีสี่ประการ
                  
                   คำเจรจาออกจากปากหนึ่ง
                   ลูกธนูแล่นลิ่วออกจากแหล่งหนึ่ง
                   กาลเวลาล่วงเลยไปหนึ่ง
                   โอกาสเหมาะที่ละเลยเสียแล้วหนึ่ง

          Four things do not come back :
         
                   the spoken word; the speed arrow;
                   time past; the neglected opportunity.

                                                                   Omar lbm, Al Halit.
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 29285เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2006 21:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • ชอบข้อความภาษาอังกฤษข้างล่าง

       

  • เรื่องน่าสนใจดีครับ อยากอ่านอีก

คุณ "ขจิต"

แย้!!! ขอบคุณค่ะ...ดีใจมากที่พารูปน่ารัก ๆ มาฝากด้วย "ขอบคุณทุก ๆ ครั้งที่มาเป็นกำลังใจให้...ขอบคุณจริง ๆ จากใจ"

  • รู้สึกแย่ที่คุณเมล็ดถั่วเขียวไม่ทราบว่าผมเป็นใคร
  • ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ มหาวิทยาลัยผมเก่งทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะระดับปริญญาเอก
  • แต่ผมหาข้อมูลของคุณ คุณเมล็ดถั่วเขียว ไม่พบ

คุณ "ขจิต"

อย่าซีเรียส!! ค่ะ คนเราแตกต่างทางด้านความคิด...ซึ่งทราบว่าคุณ "ขจิต" ย่อมรู้ดี "vij" ก็เคยเจอเรื่องทำนองนี้ เมื่อตอนแรกเข้ามาใหม่ ๆ  แต่ก็มีพี่ ๆ หลาย ๆ คนมาคอยให้กำลังใจ เลยไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก เพราะความไม่เข้าใจกันจึงทำให้เรามองคนผิดไปก็เป็นได้

หากแต่มองกลับไปเขาคงหวังดีอาจมาเตือนสติ "vij" ก็เป็นได้ ว่าเห็นข่าวออกมามากมาย อย่าคิดมากค่ะ...(ยิ้ม ๆๆๆ ให้เยอะๆ )

  • ขอบคุณครับคุณครูวิจิตรา
ผมว่า อ.ขจิต จะเป็นแฟนคลับ อ.วิจิตรา ซะแล้วนะครับ..

การนับลมหายใจรู้ตัวว่าหายใจเข้าหายใจออก ก็ช่วยได้ครับ..
  • ขอบใจnaigodมากครับ
  • นอนดึกนะครับ ดูแลสุขภาพบ้าง นะครับ

ขอบคุณครับพี่ ได้รายงานเชิงวิเคราะห์ส่งครูอีกแล้ว อยากถามพี่i am ok ,you are not ok ..............คือของใครกัน  ตอนครูสอนไม่คอ่ยตั้งใจเรียน พี่คงตั้งใจเรียนถึงเขียนได้เยอะ ทำวิจัยให้เรื่องซิพี่

คุณ "007"

เป็นแนวคิดของ แฮริส (Harris) เป็นทัศนคติต่อตนเองและผู้อื่นซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ แต่บางคนก็มีทัสนคติต่อตนเองและผู้อื่นแบบใดแบบหนึ่งตลอดเวลา ซึ่ง แฮริส ได้กล่าวไว้ 4 แบบ คือ

ฉันเลวแต่คุณดี (I'm not O.K., You're O.K.)
ฉันดีแต่คุณเลว (I'm O.K., You're not O.K.)
ฉันเลวคุณก็เลว (I'm not O.K., You're not O.K.)
ฉันดีคุณก็ดีด้วย (I'm O.K., You're O.K.)

ส่วนเรื่องงานวิจัยพอจะให้คำปรึกษาได้จ๊ะ...พี่ไม่ชำนาญแต่พอเอาตัวรอดได้นิดหน่อยเองค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท