วันก่อนได้แลกเปลี่ยนความรู้ เรื่องการส่งเสริมป้องกันฟันผุในเด็กปฐมวัย กับเจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัยที่มีลูกเล็กๆ สรุปได้ใจความว่า "เลี้ยงลูกมา 2 คน คนโตมีฟันผุ แต่ คนเล็กฟันไม่ผุ (ตอนนี้คนเล็กอายุ 5 ปี) ความแตกต่างของสาเหตุที่ทำให้ลูกคนโตฟันผุเพราะเป็นลูก/หลานคนแรก ทำให้ทุกคนเห่อ และตามใจ เป็นผลให้ลูกคนโตเอาแต่ใจตัวเอง บอก/สอนไม่ค่อยเชื่อ สอนให้แปรงฟันก็ไม่ค่อยอยากแปรง จนกระทั่งฟันผุมากต้องรักษารากฟัน หมอฟันก็เอาไม่อยู่ต้องใช้กระดานมัดเวลาทำฟัน
ส่วนลูกคนเล็ก เนื่องจากเป็นลูกคนที่สอง ญาติๆ ก็จะไม่ค่อยเห่อแล้ว เพราะฉะนั้น ก็จะไม่มีการตามใจโดยไม่มีเหตุผล คนนี้ จะพูดง่าย สอนง่าย พ่อแม่สอนให้แปรงฟัน ก็ทำตาม และเวลาไปทำฟันก็ให้ความร่วมมือดี ไม่กลัวหมอฟัน อีกอย่าง ความแตกต่างของลูกทั้ง 2 ก็น่าจะเนื่องมาจาก การสอนในเรื่องการแปรงฟัน ในลูกคนที่ 2 ได้ยกตัวอย่าง ให้เห็นผลเสียของการไม่แปรงฟัน และการกินลูกอมด้วย โดยคุณพ่อบอกว่า ถ้าหนูไม่แปรงฟัน หรือหนูอมลูกอม จะทำให้หนูมีฟันไม่สวยเหมือนคุณแม่ ทำให้เขาเห็นตัวอย่าง และทำให้จดจำง่าย ตรงนี้น่าจะเป็นเหตุผลอีกอันหนึ่ง ที่ทำให้คนเล็ก ใส่ใจการแปรงฟัน และไม่อมลูกอม"
แล้วคุณมีเรื่องแลกเปลี่ยนให้พวกเราเรียนรู้ อีกไหมคะ
สำหรับพี่นะคะ ลูกคนแรกฟันดีที่สุดเลย ได้รางวัลหนูน้อยฟันสวยด้วย เราจะดูแลคนแรกอย่างเข้ม เพราะกลัวลูกฟันผุ ไม่อยากให้ลูกเจ็บ ไม่อยากให้เกิดอาการเสียวฟัน พี่เลี้ยงก็จะดูแลลูกตามวิธีที่เราบอก เอาเป็นว่า controได้l เดินไปมุมไหนของบ้าน ขั้น1 ขั้น2 หน้าห้องน้ำจะมีแปรงสีฟัน แปรงทุกครั้งหลังอาหาร เล็กๆจะขัดขืนแต่พฤติกรรมนี้มีผลให้เวลานี้เริ่มเป็นหนุ่ม(อายุ16ปี) ก็ยังต้องแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร อาจยกเว้นบ้างเวลาหลังอาหารของการไปโรงเรียน แต่ถ้าอยู่บ้านจะแปรงเสมอและดูจะไม่มั่นใจหากไม่ได้แปรงฟัน เพราะฉะนั้นคุณชายของพี่ก็จะแปรงเป็นประจำ ฟันไม่เคยผุตั้งแต่เกิดจนบัดนี้
แต่พอถึงคนเล็กกลับมี ฟันผุ 1 ซี่ ค่ะ มีการเปลี่ยนพี่เลี้ยงเพราะคนเก่าถูกเขาแย่งตัวไป (เป็นดาราไม่บอกชื่อ...ใครๆก็อยากเป็นพี่เลี้ยงลูกของดาราจริงมั๊ยคะ) คราวนี้พี่ก็ได้เนอรสเซอรี่จากศูนย์เลี้ยงเด็กในกรุงเทพ (คนเก่านี่เราหาเอง เขาเคยเป็นเนอส์เซอรี่ แต่ออกมาทำอิสระ) เธอวางขวดนมแล้วเอาผ้าอ้อมหนุนรองไว้ (ไม่ถือให้ ตอนเล็กๆนะคะ) คิดดูประมาณว่า นมน่าจะถูกสัมผัสผิวฟันเป็นเวลานาน เพราะหากถือขวดนมเวลาหมดก็จะรู้ และถือนานๆไม่ได้จะเมื่อย เป็นเช่นนี้นานๆ สังเกตผิวฟันมีSpot สีขาวบนผิวฟัน แล้วในที่สุดก็ผุ 1 ซี่ ค่ะ
พี่ว่าอิทธิพลและพฤติกรรมของการเลี้ยงดู เป็นเหตุและปัจจัยสำคัญของการเกิดโรคฟันผุอย่างถูกต้องโดยไม่ต้องพิสูจน์สมมุติฐานอีกแล้ว เพราะมีผู้เขียนไว้แล้ว การเลี้ยงดูอย่างถูกวิธีโดยความใจแข็งของผู้ดูแลลูกเป็นเรื่องราวที่หมอจอยสามารถจัด COP กับผู้ปกครองที่พาลูกมาที่คลินิกในรพ.ของศูนย์ได้อย่างดีเลยค่ะ เพื่อเอาเล่าเรื่องความสำเร็จนั้นนำไปสู่กันShare and Learn ระหว่างผู้ดูแลเด็กด้วยกัน ขอเอาใจช่วย CKO คนนี้อย่าเต็มเปี่ยมค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับกำลังใจ แล้วจะทำตามคำแนะนำนะค่ะ
ขอเล่าความสำเร็จในการดูแลฟันหลานของดิฉันค่ะ
ปัจจุบันหลานอายุ 10 ปี และไม่มีฟันผุเลย มีการแปรงฟันสมำ่่เสมอ ตอนเล็กๆแม่มอบหน้าที่ให้ยายเลี้ยงแต่ดิฉันซึ่งเป็นป้าได้คอยดูแลหลานอีกต่อหนึ่ง คือจะบอกให้ยายแปรงฟันให้หลานทุกครั้งที่มีการกินหรือดื่มนม ตอนแรกหลานจะร้องไห้ไม่ยอม ต่อมาก็ชินไปเอง หลักการเลี้ยงเด็ก คือ ต้องให้เด็กรู้จักมีวินัยในการทำความสะอาดช่องปากและใช้กฏกติกาเช่น ถ้าอยากกินขนมหลังกินก็ต้องแปรงฟัน และถ้าเด็กบอกว่า เดี๋ยวก่อนเอาไว้ทีหลัง ต้องใจแข็งไม่ยอมค่ะ
ขอเล่าความสำเร็จในการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีด้วยค่ะ
ดิฉันมีลูกสาวหนึ่งคน เพราะต้องทำงาน ก็ฝากให้ยายเลี้ยงลูกที่บ้าน ยายอายุ 72 ปีแล้วแต่ก็สามารถเลี้ยงหลานให้ฟันดีได้
โดยดิฉันได้บอกยายว่า ให้เช็ดฟันให้หลานด้วยหลังกินนมและถึงแม้จะหลับไล้วก็ต้องเช็ดเพราะถ้าปล่อยให้หลับจะทำให้มีอาหารอยู่ในปาก ซึ่งเชื้อโรคจะทำให้ฟันผุได้ดีโดยเฉพาะตอนหลับ แรกๆลูกดิฉันก็ร้องตอนเช็ดฟันให้แต่พอทำทุกวันเค้าก็เคยชินและรู้ว่าต้องอ้าปากให้เช็ดหลังกินนม และยายก็ไม่เคยปล่อยให้หลับคาขวดนมค่ะ นอกจากนั้นก็ให้หลานแปรงฟันวันละ 2 คร้ง ตอนนี้ก็โตแล้วมีฟันดี แล้วฟันแท้ก็เริ่มขึ้นมาแทนฟันนำนมแล้ว ความสำเร็จอีกอย่างที่อยากจะบอกคนอื่นให้รู้ ก็คือ
ฟันน้ำนมที่โยกตามระยะเวลาที่ฟันแท้จะขึ้น ไม่ต้องมาถอนโดยต้องเจ็บตัวจากการฉีดยาชาก็ได้ค่ะ เพราะก็กรณีลูกดิฉัน ดิฉันดึงออกเองค่ะ
เรื่องฟันผุใครไม่เคยไม่รู้หรอก แต่ไหนๆ ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอาการปวดฟันมาแล้ว ก็เป็นรสชาติของชีวิตเลย คิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ตัวเองชอบทานขนม ไม่แปรงฟันก่อนนอน และคุณแม่ก็ไม่บังคับ (เพราะเห็นลูกหลับง่ายไม่อยากกวน) แต่โชคดีที่คุณแม่จะพาไปหาหมอฟันทุกครั้งที่บอกว่าปวดฟัน เลยทำให้ยังมีฟันเหลือมาใช้งานครบทุกซี่ (บุญคุณแม่แท้) สุดท้ายไปหาหมอฟันบ่อยๆ ก็เลยมาเป็นหมอฟันเองเลย ตอนนี้มีหลานก็จะบอกพี่สะใภ้ว่าอย่าให้ฟันผุนะเดี๋ยวไม่มีฟันเคี้ยวข้าว (ที่ไหนได้ ก็การทำฟันเด็กนะไม่ใช่ปอกกล้วยนะ พอๆ กับปอกทุเรียนดิบเลยมั่ง) พี่สะใภ้ก็แสนจะน่ารักเลี้ยงหลานด้วยนมแม่ พอโตมาหน่อยก็ใช้แก้วหัดดื่มของเด็กให้หลานดื่ม หลานเราเลยไม่ติดขวดนมเพราะไม่เคยดื่ม เห็นก็เฉยๆ (สบายอาหลานก็ไม่ฟันผุเพราะหลับคาขวดนม แต่ผุเพราะหลับคานมแม่แทน) ที่บ้านเลยไม่มีความจำเป็นในการใช้ขวดนมเลย (ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง) ส่วนเรื่องการฝึกแปรงฟันหลานจะไม่เคยงอแงในการแปรงฟันเลย (บอกหลานว่าเดี๋ยวไปประกวดนางงามไม่ได้ ยกข้อเสียของฟันผุมาเพียบแบบว่า 1 อสงไขเลยมั่ง ) วันหลังเราจะมาเล่าเรื่องฟัน Fun ให้ฟังอีกคะ เพราะวันนี้เล่าเรื่องหลานมากคิดถึงหลานแล้ว บาย
เลี้ยงลูกไม่ติดลูกอม
ดิฉันมีลูก 2 คนอายุ 12ปี และ 9 ปี เราเป็นครอบครัวเล็ก ดิฉันและสามีตกลงกันว่าจะไม่ซื้อลูกอม ทอฟฟี่หรืออะไรก็ตามที่หวานและเหนียวติดฟันให้ลูกกิน ลูกจะไม่คุ้นเคย ไม่นึกอยากกิน ไม่ขอกิน ไปร้านขนมเขาก็จะหยิบแต่ขนมอย่างอื่น บางครั้งมีญาติซื้อลูกอมมาฝาก ดิฉันจะทิ้งโดยไม่เสียดายเพราะใครเอาไปอมก็ทำให้ฟันผุทั้งนั้นแหละค่ะ ไปโรงเรียนเพื่อนแบ่งลูกอมให้ลูกกิน เขากลับมาบอกแม่ว่ามันเหนียวปากและเผ็ดซ่าๆที่ลิ้น ก็เลยคายทิ้ง ดิฉันพอใจที่ลูกรู้สึกอย่างนั้น การที่ไม่ให้ลูกคุ้นเคยกับลูกอมและให้แปรงฟันหลังอาหารทุกครั้ง ยอมรับว่าทำยากและเหนื่อยแต่คิดว่าแลกกับการที่ลูกสามารถรักษาสุขภาพช่องปากตนเองได้ ก็หายเหนื่อยค่ะ
การป้องกันไม่ให้ฟันผุ
ข้าพเจ้าแปรงฟันหลังอาหารเป็นประจำ โดยการทำให้เป็นนิสัยและใช้ไหมขัดฟันหลังแปรงฟันทุกครั้ง สมำเสมอ ได้แนะนำสามีและลูกตลอดจนคนในครอบครัวอื่น ครอบครัวของข้าพเจ้าก็ไม่มีใครฟันผุเลย และอีกอย่างที่ไม่ทำให้ฟันไม่ผุเลยคือการกินผักผลไม้มากๆ ผลไม้กวนต่างๆ ลูกอม ขนมหวานไม่ซื้อรับประทานเลย สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการตรวจฟันทุก 6 เดือนหรืออย่างน้อยปีละ ครั้ง
วันเสาร์ที่24 มิย.2549 ศูนย์อนามัยที่6 ได้จัดประชุมผู้ปกครอง โดยใช้การแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งในกลุ่มผู้ปกครองและบุคลากร จากการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนทำให้เกิดบรรยากาศที่ดี และได้ความรู้ เทคนิค การดูแลเด็กๆ เช่นในเรื่องเทคนิคการดูแลให้เด็กมีฟันแข็งแรงไม่มีฟันผุมีดังนี้
1.การฝึกให้ลูกแปรงฟัน โดยชวนลูกไปแปรงฟันด้วยกัน พอลูกเห็นแม่แปรงฟันลูกก็ให้ความร่วมมือดีและแปรงฟันได้
2.ฝึกให้เด็กร่วมมือในการอ้าปากให้ดูโดยเล่นเป็นคุณหมอเพื่อตรวจฟัน สลับกันตรวจ ลูก(น้องวันใส)ให้ความร่วมมือดีมาก แต่เมื่อไรที่บังคับลูกจะขัดขืนทันที
3.จะไม่เคยซื้อขนม ลูกอม น้ำอัดลมให้ลูกกิน เพราะจะทำให้ลูกติดอาหารเหล่านี้ และทำให้ฟันผุ
4.ให้ลูกกินอาหารให้ครบห้าหมู่ และกินอาหารที่มีวิตามินซี จะช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง
5.ไม่ควรพาลูกเข้าร้านมินิมาร์ถเพราะลูกจะอยากซื้อขนม
วันนี้ได้แลกความคิด ความเชื่อแบบไม่เป็นทางการ ได้ประเด็นว่า บางครั้งหลายคนรู้ว่า กินแบบนี้ไม่ดีกินแบบนี้สุขภาพฟันจะดี แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามความรู้ที่ถูกต้องได้ เพราะเกิดความเคยชินกับการกินแบบเดิมๆ ต้องการความสุขปัจจุบันทันทีมากกว่าหรือเพราะใช้เหตุผลอย่างอื่น มีใครเป็นแบบนี้มั๊ย
ขอเล่าเรื่องเล่าความสำเร็จของตนเองบ้าง
ก็คงเป็นเรื่องความสำเร็จในการส่งเสริมให้ลูกแปรงฟัน
เป็นเรื่องที่ได้มาจากญาติๆเวลาลูกไปพักต่างจังหวัด
โดยที่ตัวเองและคุณพ่อของลูกไม่ได้ไปด้วย ชมว่า
ที่เห็นชัดๆคือ คุณแม่คือ ตัวเองสอนลูกได้ดีอย่างหนึ่งคือสามารถให้ลูกสนใจแปรงฟันก่อนนอนดีมาก ดูจากเค้าจะรับผิดชอบเองในช่วงที่อยู่บ้านญาติโดยไม่ต้องบอก จากความสำเร็จตรงนี้ก็ทำให้ภูมิใจว่าคนอื่นชมอย่างน้อยๆก็ทำให้ลูกรับผิดชอบแปรงฟันล่ะ เบื้องหลังของพฤติกรรมการแปรงฟันของลูกก็มาจากการสังเกตและคอยถามลูกอยู่เสมอหลังกินอาหาร ว่าแปรงฟันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เอาแปรงมาให้แปรงตอนนั้นเลย ค่ะถึงแม้ความสำเร็จนี้จะเป็นความสำเร็จเล็ก
น้อยมาก แต่ก็ทำใหได้คำชมนะค่ะ ขอเชิญชวนคุณแม่คนอื่นๆร่วมกันทำนะค่ะ
วันนี้ได้แลกเปลี่ยนความรู้การดูแลสุขภาพช่องปากกับคุณแม่น้องฟ้า พบว่าคุณแม่ดูแลโดยให้แปรงฟัน เช้า-ก่อนนอนและสอนให้ลูกไม่กินลูกอม แต่น้องฟ้าก็ยังมีฟันผุทั้งนี้คุณแม่น้องฟ้าคิดว่า น้องฟ้าน่าจะแอบกินลูกอมตอนที่อยู่ห่างจากสายตาแม่ ดังนั้นก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันถึงทางแก้ปัญหา ได้ข้อสรุปมี 2 ทางคือ
1.สอนลูกให้เข้มแข็งไม่กินลูกอม ไม่ใจอ่อนตามใจตัวเอง
2.ส่งเสริมให้ชุมชนดูแลกันเอง เช่น ไม่ให้มีการขายลูกอมในชุมชน
ดิฉัน มีลูก 2 คน เมื่อก่อนไม่มีความรู้เรื่องว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมขวดจะทำให้ฟันผุ ดังนั้นจึงให้ลูกกินนมจากขวดและหลับคาขวดนม จนอายุ 1 ปี 8 เดือน จึงพบว่าฟันลูกผุมากเหลือแต่ตอฟัน จึงพามารักษา เมื่อลูกมีฟันผุมากจึงค้นคว้าหาหนังสือที่บอกเกี่ยวกับวิธีดูแลฟันมาอ่านให้ลูกฟัง และตอนนั้นมีรายการรักฟันก็จะชวนลูกมาดูด้วยกันเพื่อชวนให้ลูกเลิกกินนมจากขวด
และกินนมรสจืด แรกๆก็ไม่ยอม แต่ใช้เวลา1-2 อาทิตย์ เค้าก็ยอม ตอนนี้ลูกไม่กินนมจากขวด และกินนมจืด ไม่มีปัญหาแล้วค่ะ และก็จะบอกต่อๆเพื่อนที่ทำงานและญาติให้ทำความสะอาดฟันลูกหลังกินนม
วันก่อนได้คุยกันกับผู้รับบริการและได้ให้คำแนะนำ เรื่องการหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีผลต่อโรคฟัน
เช่นไม่ควรกินน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ฟันผุ ผู้รับบริการซึ่งปัจจุบันเป็นอัมพฤกษ์และมีฟันผุหลายซี่ที่ได้รับการอุดฟันแล้วได้บอกว่า
ตอนนี้ พวกน้ำอัดลม ดิฉันเลิกกินแล้ว
ที่เป็นแบบนี้เดินก็ลำบากเพราะเมื่อก่อนกินน้ำอัดลมนี่แหละ
ค่ะตรงนี้ก็เป็นความรู้หนึ่งจากประสบการณ์ตรงของผู้ได้รับผลจากการกิน วันนี้ท่านที่ได้อ่านBLOGนี้เลิกดื่มน้ำอัดลมหรือยังค่ะ
วันนี้มีความรู้ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของตัวเอง อยากเผยแพร่ให้คนอื่นทราบเผื่อจะได้แลกเปลี่ยนหรือนำไปประยุกต์ใช้นะค่ะ
คนหลายๆคน ดิฉันคิดว่าน่าจะ เคยมีอาการเสียวฟัน เวลากินของเปรี้ยว อย่างดิฉันจะเสียวฟัน
คือรู้สึก"จี๊ด"ที่ฟันหน้าซี่ที่ใช้กัดผลไม้เปรี้ยว แต่ว่าก็อยากจะกิน ดังนั้นดิฉัน ใช้วิธี ปั่นผลไม้เปรี้ยวนั้น แล้วก็ใช้หลอดดูด ดูดผลไม้เปรี้ยว เท่านี้แหละก็สามารถกินผลไม้เปรี้ยวนั้นโดยไม่เสียวฟันค่ะ