เมื่อวันที่ 2 พ.ค.49 ทาง PCT กุมารฯ ได้ทำ C3THER เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่าง กุมารแพทย์ แพทย์สาขาโรคผิวหนัง พยาบาล เภสัชกร พยาบาลให้คำปรึษา และนักโภชนาการ โดยนำ Case ผู้ป่วยที่เป็น Infected eczematiod dermatitis และเป็นเด็กที่ติดเชื้อ HIV
องค์ความรู้ที่ได้ คือ
1. ผู้ป่วยที่เป็น Infected eczematiod dermatitis มักเกิดจากเชื้อ Staphylococcus พบมากในผู้ป่วยโรคเอดส์ เพราะมี Abnormal immunology response โดยเฉพาะถ้าถูกยูงกัดจะแพ้ มีอาการคันมาก ไม่เฉพาะตำแหน่งที่ถูกกัด จะทำให้คันทั่วตัว เมื่อเกาจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียเกิดเป็นผื่นคัน และตุ่มหนอง
2. การรักษาประกอบด้วย
- ฟอกบริเวณที่เนด้วย Hibiscrub
- ประคบด้วย Burrow solution 15 นาที เพื่อดูดซับน้ำเหลืองให้แห้งก่อนทายา เมื่อแห้ง แล้วให้หยุดประคบ มิฉะนั้นผิวหนังจะแห้งเกินไป
- ทาด้วย 3% Vioform+0.02 % TA cream ซึ่งเป็น antiseptic+steroid ที่ราคาถูก ไม่ใช้ Fucidin H เพราะ steroid อ่อนไป
- ให้ยา antihistamine ควรเป็น first generation ยิ่งดี ยา atarax ใช้ได้ดี สำหรับยา Clarityne ไม่ได้ผล
- ควรให้ Fucidin cream ป้ายในรูจมูก 7-10 วัน เพื่อฆ่าเชื้อ Staphylococcus ที่อาศัยอยู่ในจมูก เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อมาติดที่ผิวหนัง
- ให้ยาปฏิชีวนะที่คลอบคลุมเชื้อ Staphylococcus เช่น Dicloxacillin, Cefazolin 7-14 วัน
- ระวังการติดเชื้อ MRSA ซึ่งรักษายากมาก ดังนั้นไม่ควรรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล หรือถ้าจำเป็นให้จำหน่ายโดยเร็วที่สุด
3. การแนะนำดูแลสุขอนามัย ได้แก่
- ตัดเล็บให้สั้น
- ระยะที่ผื่นผิวหนังยังไม่หาย แนะนำให้อาบน้ำฟอกด้วย Hibiscrub แทนสบู่
- ถ้าใช้สบู่แนะนำให้ใช้สบู่อ่อน หรือสบู่เด็ก และควรเป็นสบู่เหลว
- ป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด ให้ทาตะไคร้หอมกันยุง
4. ให้ยาต้านไวรัส ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มภูมิค้มกัน (CD4) ถ้า (CD4) ปกติ ผื่นผิวหนังจะดีขึ้นเอง แต่ยกเว้นการให้ยาต้านไวรัสในระยะแรกอาจมีผื่นแดงที่หน้าและตามตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะ Immune restoration syndrome (IRS)
องค์ความรู้ที่ยังขาด คือ
* Immune restoration syndrome ที่มีอาการทางผิวหนัง
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการ ลปรร บ้างนะคะ