การละเล่นภาคอีสาน |
เมื่อพูดถึงเด็กก็ย่อมต้องคู่กับของเล่น...คนโบราณจะนิยมนำสิ่งรอบตัวไม่ว่าจะเป็น ใบมะพร้าว ก้านมะพร้าว กะลามะพร้าวมาประดิษฐ์เป็นของเล่นต่างๆ มากมาย ซึ่งหลายคนอาจจะพอคุ้นหูกันอยู่บ้างกับของเล่นที่ชื่อ ม้าก้านกล้วย ปืนก้านกล้วย เป็นต้น สำหรับอีสานบ้านเราก็มีภูมิปัญญาทางด้านการละเล่นประจำภาคที่น่าสนใจมาบอกเล่าให้ฟังด้วยเหมือนกัน... ตีนเลียน ( จ.ศรีสะเกษ)
ตีนเลียน ทำจากไม้กระดานรูปวงกลมซึ่งมีรัศมีประมาณ 8-12 นิ้ว โดยจะเจาะรูตรงกลาง แล้วใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 เมตรผ่าครึ่งยาว 12 นิ้ว เพื่อเชื่อมกับรูกระดานด้วยการตอกตะปู หรือไม้แข็งเป็นเพลา อาจจะสลักขัดไว้ให้แน่นเพื่อไม่ให้หลุดออกมาก็ได้ ปกติจะนิยมเล่นตีนเลียนในช่วงสงกรานต์หรือประเพณีอื่นๆ เพื่อเป็นการสร้างความสนุกสนาน ในการเล่นนั้น ผู้เล่นจะยืนเรียงกันโดยใช้ไม้ไผ่ด้านปลายวางที่บ่า เมื่อได้ยินสัญญาณบอกให้เริ่มวิ่ง ผู้เล่นจะต้องดันตีนเลียนให้วิ่งออกไป เพื่อให้ถึงเส้นชัยก่อนเป็นคนแรก โดยจะกำหนดระยะทางไว้ที่ 50-100 เมตร วิ่งขาโถกเถก (ชัยภูมิ) จะใช้ไม้ไผ่กิ่ง 2 ลำ ถ้าไม่มีก็จะใช้วิธีเจาะรูแล้วเอาไม้อื่นมาสอดไว้เพื่อเป็นที่วางเท้า โดยผู้เล่นจะเลือกไม้ไผ่ลำตรง 2 ลำที่มีกิ่งสำหรับวางเท้าเสมอกัน 2 ข้าง ผู้เล่นจะขึ้นไปยืนบนแขนงไม้ เวลาเดินหากยกเท้าข้างไหนมือที่จับลำไม้ไผ่จะยกข้างนั้นตาม ส่วนมากเด็กๆ มักจะเดินแข่งกัน ใครที่เดินได้ไวและไม่ตกจากไม้ถือว่าเป็นผู้ชนะ
มโหรี (นครราชสีมา) เป็นการเล่นดนตรีพื้นบ้านของชาวโคราช โดยมีเครื่องดนตรีคือ ซอด้วง ซออู้ ปี่นอก กลองเทิ่ง ฉิ่ง ฉาบ ลักษณะการเล่นจะเป็นการบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีดังที่กล่าวมา จะมีทั้งเพลงไทยเดิม เพลงสมัยใหม่ ส่วน เพลงที่วงมโหรีนิยมบรรเลงคือ เพลงพม่าแห่กระจาด เพลงกันตรึม เป็นต้น ส่วนมากวงมโหรีจะเล่นในงานมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานโกนจุก แห่นาค ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีการนิยมบรรเลงในงานบวชจำนวนมาก โค้งตีนเกวียน หรือระวงตีนเกวียน (ยโสธร) ในการเล่นจะมีคนยืนสลับกับคนนั่งเป็นวงกลมคล้ายล้อเกวียน พวกที่นั่งจะเอาเท้ายันกันไว้ตรงกลางคล้ายดุมเกวียนและเอามือจับคนที่ยืน โดยจะเดินไปรอบๆ เป็นวงกลม กลุ่มนั่งจะนั่งให้ก้นลอยพ้นพื้นประมาณหนึ่ง จากนั้นจะหมุนตามโดยใช้เท้าที่ยันกันไว้เป็นศูนย์กลาง หากกลุ่มที่นั่งทำมือหลุดก็จะถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ ต้องเปลี่ยนให้คนที่ยืนมาเป็นฝ่ายนั่งแล้วค่อยเล่นต่อ การเล่นโค้งตีนเกวียนจะนิยมเล่นกันเกือบทุกโอกาสโดยเฉพาะในช่วงที่มีเทศกาลตรุษสงกรานต์ บุญข้าวสาก เป็นต้น หนังตะลุง มีตัวหนังเป็นรูปพระราม ตัวทหาร ตัวตลกที่มีชื่อและลักษณะท่าทางเหมือนคนอีสาน เช่น ปลัดตื้อ บักป่อง บักแหมบ เวทีที่ใช้แสดงจะอยู่ในระดับสายตา ส่วนจอจะสูงจากเวทีประมาณ 1 เมตร ขนาดเวทีกว้างประมาณ 1.8 เมตร ยาว 5.3 เมตรใช้ตะเกียงโป๊ะ (เจ้าพายุ) เป็นตัวให้แสงไฟส่องจอ ต่อมาภายหลังเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟขนาด 60-90 แรงเทียน ในการเล่นนั้นผู้เชิดและผู้พากย์เป็นคนเดียวกัน มีนักดนตรี 3 คน เล่นกลอง แคน ระนาดเอก ปัจจุบันมีการพัฒนาตามความนิยมของผู้ชม คือ ใช้ทำนองหมอลำซิ่ง เพื่อความสนุกสนาน จะนิยมแสดงเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพระรามออกบวชจนกระทั่งพระรามกลับมาครองเมือง การตีคลี (หนองคาย) เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวอีสาน นิยมเล่นตามชนบทโดยมีหลักฐานในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ การตีคลีในสมัยโบราณมีด้วยกัน 3 ประเภทคือคลีช้าง ผู้เล่นจะต้องขี่ช้างตี นิยมเล่นกันเป็นจำนวนมากในสมัยอยุธยาคลีม้า ผู้เล่นจะต้องขี่ม้าตี นิยมเล่นกันมากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์คลีคน ผู้เล่นจะต้องเดินหรือวิ่งตี จะมีทั้งแบบตีคลีธรรมดา และตีคลีไฟ หรือการเอาลูกเผาไฟให้ลุกท่วมแล้วค่อยนำมาตี นิยมเล่นกันมากในชนบทอีสาน ไม่ว่าจะเป็นหนองคาย อุบลราชธานี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด เป็นต้น อุปกรณ์ในการเล่นจะประกอบด้วยไม้คลี (ไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 เมตร งอนปลายไม้) ลูกคลี ทำจากไม้ทองหลางหรือขนุนกลึงให้กลมขนาดเท่ามะนาว โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเล่นในช่วงฤดูหนาวเพื่อเป็นการออกกำลังกายก่อนลงอาบน้ำ การตีคลีจะนิยมเล่นในเวลากลางคืน เพราะเมื่อเราเอาลูกคลีเผาไฟให้ลุกแดง เมื่อตีลูกคลีก็จะเป็นเปลวไฟปลิวไปในสนาม สวยงามไปอีกแบบ เดินกุบกับ (อุดรธานี) เป็นการละเล่นที่ใช้ของประดิษฐ์จากวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นที่มีตามธรรมชาติ การเดินกุบกับเป็นการสวมรองเท้าต่อขาให้สูง โดยคาดว่าน่าจะมาจากการเดินเพื่อข้ามที่ชื้นแฉะ หรือพงหนามที่ไม่รก โดยจะนำกะลามะพร้าวมาผ่าครึ่งวางคว่ำลงกับพื้น จากนั้นเจาะรูที่ก้นกะลาทั้ง 2 ข้าง นำเชือกเหนียวมา 1 เส้นความยาวพอประมาณที่จะใช้มือดึงขณะที่ยืนได้ ปลายเชือกแต่ละข้างร้อยรูกะลาที่เจาะไว้ ซึ่งอาจจะใช้ตะปูหรือไม้ที่แข็งแรงผูกปลายเชือกที่ร้อยกะลาไม่ให้หลุดออกจากรูกะลา เวลาเล่นผู้เล่นจะใช้เท้าเหยียบลงบนกะลาทั้ง 2 ข้าง ดึงเชือกให้ตึงระหว่างง่ามหัวแม่เท้า เวลาเดินให้ดึงเชือกให้ตึงกะลาจะได้ติดเท้าไปด้วย เมื่อกะลากระทบพื้นจะมีเสียงดัง “กุบกับ” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง การละเล่นกุบกับนี้จะไม่ค่อยผาดโผนอันตรายสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เด็กผู้หญิงจึงนิยมเล่นกุบกับมากกว่าเด็กผู้ชาย การละเล่นพื้นบ้านของอีสานบ้านเรานี้ มีข้อดีหลายอย่าง ทั้งช่วยสร้างความสามัคคี ความสนุกสนาน ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการนำสิ่งใกล้ตัวมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ซึ่งทำให้ประหยัดสตังค์ในกระเป๋า และแถมอุปกรณ์ที่นำมาเป็นเครื่องเล่นยังไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย อึ้ม...ว่างๆ ต้องลองทำเล่นหน่อยแล้ว |
การละเล่นภาคอีสาน
การแข่งเรือ
อุปกรณ์ และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-เรือยาวขุดด้วยไม้
-ฝีพาย ๔๐ คน
-กลอง-พังฮาด-ฉาบ-กิ่ง หรือ เครื่องดนตรีอื่น
(สำหรับบรรเลงอยู่ในเรือ)
วิธีการเล่น
/กติกา
การจัดการแข่งขัน
รอบแรก กรรมการรับสมัครเรือจำนวน ๑๖ ลำ จับสลากแบ่งสายออกเป็น ๔ สาย
แข่งขันแบบพบกันหมดในสาย เปลี่ยนลู่น้ำ นำเรือที่ได้คะแนนที่ ๑-๒
ของแต่ละสายไปจับสลากแบ่งออกเป็น ๒ สาย (สาย ก - ข)
เพื่อแข่งขันในรอบที่ ๒
รอบที่สอง ดำเนินการแข่งขันเหมือนรอบแรก เรือที่มีคะแนนที่ ๑ - ๒
มีสิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ
รอบรองชนะเลิศ จัดแข่งขันดังนี้
คู่ที่ ๑ เรือชนะที่ ๑ สาย ก. พบกับเรือที่ ๒ สาย ข.
คู่ที่ ๒ เรือชนะที่ ๑ สาย ข. พบกับเรือที่ ๒ สาย ก.
การแข่งขันในแต่ละคู่เปลี่ยนทางน้ำมีผลแพ้ - ชนะ ๒ ใน ๓ เที่ยว
เพื่อหาเรือไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ
รอบชิงชนะเลิศ จัดแข่งขันดังนี้
-นำเรือที่ชนะของแต่ละคู่ของรอบรองชนะเลิศมาแข่งขันชิงที่ ๑ และ ๒
-นำเรือที่แพ้ของแต่ละคู่ของรอบรองชนะเลิศมาแข่งขันชิงที่ ๓ และ ๔
-แพ้-ชนะ ๒ ใน ๓ เที่ยว
กติกาการแข่งขัน
๑.เรือทุกลำที่เข้าทำการแข่งขันต้องมาให้ถึงสนามแข่งขันก่อนเวลา
๐๘.๐๐ น. ของวันที่ทำการแข่งขัน พร้อมให้ตัวแทน หรือหัวหน้าเรือ
ไปรายงานตัวต่อคณะกรรมการที่กองอำนวยการ ถ้าเรือใดมาช้ากว่ากำหนด
กรรมการจะพิจารณาเป็นรายๆไป และเรือลำใดที่ไม่ลงเทียบท่าในเวลา ๐๙.๐๐
น. ซึ่งเป็นพิธีเปิดคณะกรรมการจะพิจารณาตัดเงินค่าเทียบท่าลำละ ๓๐๐
บาท
๒.เรือทุกลำที่ทำการแข่งขันต้องวิ่งในลู่ที่กำหนด
ถ้ามีการตัดลู่น้ำจะโดยเจตนา หรือไม่ก็ตาม
คณะกรรมการจะปรับแพ้ในเที่ยวนั้น
๓.เรือทุกลำต้องพร้อมที่จะเข้าทำการแข่งขันได้ทันทีเมื่อถึงเวลากำหนดใน
สูจิบัตร และเมื่อกรรมการจุดปล่อยเรือเรียกเข้าประจำที่
ถ้าเข้าประจำที่ช้าเกินกว่า ๕ นาที
หลังจากคณะกรรมการเรียกแล้วจะถูกปรับแพ้ในเที่ยวนั้น
และให้คณะกรรมการปล่อยเรือคู่แข่งพายตามลู่น้ำของตนลงมาถึงเส้นชัยจึงจะถือ
ว่าเป็นฝ่ายชนะ หากเรือลำใดไม้คาดแตกหรือหัก
กรรมการจะอนุญาตให้เปลี่ยนไม้คาดใหม่ ภายในเวลาไม่เกิน ๒๐ นาที
ถ้าเกินจะปรับเป็นแพ้
โดยให้ไปรายงานกับกรรมการจุดปล่อยเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
และจับเวลา
๔.เรือทุกลำห้ามถอดหัวเรือในขณะทำการแข่งขัน
๕.เมื่อเรือแต่ละลำทำการแข่งขันของแต่ละเที่ยวผ่านไปแล้ว
ให้รีบกลับไปลอยลำ รอการแข่งขันในเที่ยวต่อไป ณ จุดปล่อยเรือ
โดยล่องเรือเลียบฝั่งทิศเหนือ
๖.ในขณะทำการแข่งขันหากฝีพายของเรือลำใดตกลงจากเรือจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม
คณะกรรมการจะปรับให้แพ้ในเที่ยวนั้น แต่ถ้าฝีพายตกด้วยกันทั้งสองลำ
กรรมการจะตัดสินให้เรือที่ถึงเส้นชัยก่อนเป็นลำชนะ
๗.ห้ามเรือทุกลำทำการฝึกซ้อมในสนามแข่งขันหลังจากพิธีเปิดทำการแข่งขันของแต่ละวัน
๘.คะแนนในการแข่งขันรอบที่ ๑ และรอบที่ ๒ เรือชนะได้ ๓ คะแนน
เรือเสมอกันให้ลำละ ๑ คะแนน และเรือแพ้ได้ ๐ คะแนน
๙.หากเรือลำใดมีคะแนนเท่ากันในรอบคัดเลือก (รอบที่ ๑ หรือรอบที่ ๒)
ให้จับสลากลู่น้ำแข่งขันกันใหม่ เพื่อหาลำชนะเข้ารอบต่อไป
โดยแข่งเที่ยวเดียว
๑๐.การปล่อยเรือในส่วนถาวรของเรือเสมอกัน และการตัดสิน แพ้- ชนะ
ของคณะกรรมการจะตัดสินส่วนถาวรของเรือถึงเส้นชัยเป็นเกณฑ์
๑๑.ให้เรือทุกลำที่ทำการแข่งขันของแต่ละวัน
แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำกองอำนวยการไว้ลำละ ๑ คน
เพื่อติดต่อประสานงานตลอดจนร่วมแก้ปัญหาอันอาจมีขึ้นกับฝ่ายจัดการแข่งขัน
๑๒.ถ้าฝีพายหรือตัวแทนเรือลำใดมีกริยา
วาจาไม่สุภาพเรียบร้อยต่อคณะกรรมการดำเนินการทำให้เป็นที่เสื่อมเสียชื่อ
เสียง คณะกรรมการอาจพิจารณาปรับให้เรือลำนั้นแพ้ฟาล์ว
และปรับไม่ให้เข้าร่วมแข่งขันในสนามนี้อีก เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒
ปี
๑๓.การตัดสินของคณะกรรมการถือว่าเด็ดขาด
หากเรือลำใดจะประท้วงให้ยื่นคำร้องขอประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษร
ต่อคณะกรรมการรับการประท้วง พร้อมทั้งหลักฐาน และเงินค่าประกันครั้งละ
๑๐๐ บาท และจะคืนเงินค่าประกัน ถ้าการประท้วงเป็นผล
และให้ยื่นประท้วงภายในเวลา ๒๐ นาที
หลังจากการแข่งขันเรือในเที่ยวนั้นๆ
วิ่งขาโถกเถก
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-ไม้ไผ่กิ่ง ๒ ลำ ถ้าไม่มีก็เจาะรูแล้วเอาไม้อื่นๆ
สอดไว้เพื่อให้เป็นที่วางเท้าได้
วิธีการเล่น
ผู้เล่นจะเลือกไม้ไผ่ลำตรง ๆ ที่มีกิ่ง ๒
ลำที่กิ่งมีไว้สำหรับวางเท้าต้องเสมอกันทั้ง ๒ ข้าง
ผู้เล่นขึ้นไปยืนบนแขนงไม้เวลาเดินยกเท้าข้างไหนมือที่จับลำไม้ไผ่ก็จะยก
ข้างนั้น ส่วนมากเด็ก ๆ ที่เล่นมักจะมาแข่งขันกัน
ใครเดินได้ไวและไม่ตกจากไม้ถือว่าเป็นผู้ชนะ
แข่งเรือบก
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-ไม้กระดาน ๒ แผ่น ยาวประมาณ ๑ วาเศษ
-เชือกที่จะใช้รัดหลังเท้าติดกับไม้
วิธีการเล่น
ผู้เล่นแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๒-๕ คน โดยจะรัดเท้าทั้ง ๒ ข้าง
ไว้กับกระดาน ๒ แผ่น มือจับเอวหรือจับไหล่ของผู้ที่อยู่ข้างหน้า
อาศัยความพร้อมเพรียงจะยกเท้าซ้ายพร้อม ๆ กัน ดันไม้กระดานไปข้างหน้า
กลุ่มใดถึงเส้นชัยก่อนถือว่าชนะ
โค้งตีนเกวียน
หรือระวงตีนเกวียน
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
วิธีการเล่น
แบ่งผู้เล่น ออกเป็นสองพวก
พวกหนึ่งยืนอีกพวกหนึ่งนั่งสลับกันเป็นวงกลมคล้ายล้อเกวียน
พวกที่นั่งจะเอาเท้ายันกันไว้ตรงกลางคล้ายดุมเกวียนและเอามือจับกับคนที่ยืน
จะเดินไปรอบๆ เป็นวงกลม ฝ่ายนั่งก็จะนั่งให้ก้นลอยพ้นพื้น
หมุนตามไปโดยใช้เท้าที่ยันกันไว้นั้นเป็นศูนย์กลาง
ถ้าฝ่ายนั่งทำมือหลุดหรือวงแยกออกจากกันก็จะเป็นฝ่ายแพ้
เปลี่ยนให้คนที่ยีนเป็นฝ่ายนั่งและคนที่นั่งเป็นฝ่ายยืน
แล้วเล่นต่อ
ก๊อกล๊อต
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-แผ่นไม้กระดานแผ่นเรียบ ๑ แผ่น
-ไม้ขนาดหน้าสาม ๑ ท่อน
-เหรียญบาทหรือเหรียญห้าบาท หรือเหรียญสิบบาท
วิธีการเล่น
เริ่มโดยเตรียมสถานที่เป็นที่โล่งแล้วนำ
ไม้กระดานแผ่นเรียบไปพิงไว้ที่ใดที่หนึ่งให้ทำมุมเฉียง ๔๕ องศา
ต่อจากนั้นนำไม้หน้าสามไปวางเป็นแนวนอนให้อยู่ตรงข้ามกับไม้กระดานแผ่นเรียบ
โดยให้ห่างจากกันประมาณ ๑ เมตร
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผู้เล่นจะมีจำนวนกี่คนก็ได้เข้าแถวเพื่อ
รอคิวกลิ้งเหรียญจากแผ่นไม้กระดานแผ่นเรียบไปกระทบแผ่นไม้หน้าสาม
การตัดสิน
หากเหรียญของผู้เล่นคนใดกระเด็นออกไปไกลที่สุดก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะ
รางวัล คือ เหรียญทั้งหมดที่มีผู้ลงเล่นในแต่ละครั้ง
แต่การละเล่นก๊อกล๊อคมีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่า
การใช้เหรียญเพื่อแข่งขันผู้เล่นต้องใช้เหรียญประเภทเดียวกัน
เดินกุ๊บกั๊บ
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-กะลามะพร้าวผ่าครึ่ง
-เชือกที่เหนียวพอประมาณ ๑ เส้น
มีความยาวพอประมาณที่จะใช้มือดึงในขณะที่ยืนอยู่ได้
-ตะปูหรือไม้ที่แข็งแรง
วิธีการประดิษฐ์
๑.เอากะลามะพร้าวมาผ่าครึ่งคู่หนึ่งวางคว่ำลงกับพื้น
เจาะรูที่ก้นกะลาทั้ง ๒ ข้าง
๒.หาเชือกที่เหนียวพอประมาณมา ๑ เส้น
มีความยาวพอประมาณที่จะใช้มือดึงในขณะที่ยืนอยู่ได้
ปลายเชือกแต่ละข้างร้อยรูกะลาที่เจาะไว้
๓.ใช้ตะปูหรือไม้ที่แข็งแรงผูกปลายเชือกที่ร้อยกะลาไม่ให้เชือกหลุดจากรูกะลา
เวลา เล่นใช้เท้าเหยียบลงบนกะลาทั้ง ๒
ข้างให้เชือกตึงอยู่ระหว่างง่ามหัวแม่เท้า
เวลาเดินดึงเชือกให้ตึงกะลาติดเท้าไปด้วย กะลากระทบพื้นจะมีเสียงดัง
กุ๊บกั๊บ หรือ ก๊อบแก๊บ
วิธีการเล่น
เวลาเล่นใช้เท้าเหยียบลงบนกะลาทั้ง ๒
ข้างให้เชือกตึงอยู่ระหว่างง่ามหัวแม่เท้า
เวลาเดินดึงเชือกให้ตึงกะลาติดเท้าไปด้วย กะลากระทบพื้นจะมีเสียงดัง
กุ๊บกั๊บ หรือ ก๊อบแก๊บ
จานช้อนใบ
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-ผ้าขาวม้าฝั้นเกลียวให้แน่นใช้สำหรับตี
วิธีการเล่น
หนุ่มสาวยืนล้อมวง เป็นวงกลมซ้อนกัน ๒
วง คนหน้าและคนหลังยืนตรงกัน เรียกคนหน้าว่าจานใบที่ ๑
และเรียกคนหลังว่าจานใบที่ ๒ จะมีคนเกินอยู่ ๑ คน และคนไล่ ๑ คน
เมื่อเริ่มเล่นคนที่เป็นเศษจะต้องวิ่งไปซ้อนหน้าคนที่ยืนซ้อนกันอยู่แล้ว
เมื่อซ้อนเข้าไปแล้วคนที่อยู่หลังสุดก็จะกลายเป็นเศษ คือเป็นจานใบที่
๓ ก็จะถูกไล่ตี เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนที่ ๓
จะต้องวิ่งหนีเพื่อซ้อนคนอื่นต่อไป
กติกา
คนที่เป็นคนเศษแล้วถูกซ้อน
ต้องซ้อนข้างหน้าเท่านั้น คนที่อยู่ที่ ๓ ถ้าตีถูกหรือถูกตีถือว่าตาย
ต้องกลับมาเป็นผู้ไล่ต่อไป
งูกินหาง
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
วิธีการเล่น
เริ่มเล่น
เมื่อผู้เล่นพร้อมกันแล้วจะเริ่มด้วยการเสี่ยงถ้าใครแพ้คนนั้น
ก็จะออกเป็นพ่องู ส่วนผู้ชนะก็จะได้เล่นเป็นแม่งูและลูกงู ู
ส่วนมากในกลุ่มผู้เล่นจะเลือกเอาคนที่มีร่างกายแข็งแรงหรือรูปร่างใหญ่ในทีม
เป็นแม่งู เพื่อเอาไว้ป้องกันลูกงู
เมื่อได้ผู้เล่นแล้วพ่องูและแม่งูจะยืนหันหน้าเข้าหากัน
ส่วนแม่งูจะมีลูกงูกอดเอวต่อแถวไปข้างหลังแล้วพ่องูจะเริ่มถามแม่งูว่า
พ่องู "แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู "กินน้ำบ่อโสกโยกไปโยกมา" พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู "แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู "กินน้ำบ่อหินบินไปบินมา" พร้อมแสดงอาการบินไปบินมา
พ่องู "แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน"
แม่งู "กินน้ำบ่อทรายย้ายไปย้ายมา" พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู "กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว"
เมื่อพ่องูกล่าวเสร็จพ่องูจะเริ่มไล่จับลูกงูที่กอดเอวแม่งูอยู่ส่วนแม่งูก็
จะพยายามป้องกันไม่ให้พ่องูไปแย่งลูกงูได้
เมื่อพ่องูจับลูกงูคนใดได้ลูกงูก็จะออกมายืนอยู่ต่างหากเพื่อรอเล่นรอบต่อไป
ส่วนพ่องูจะพยายามแย่งลูกงูให้ได้หมดทุกตัวจึงจะถือว่าจบการเล่นรอบหนึ่ง
เมื่อพ่องูจับลูกงูได้ทุกตัวแล้วก็จะเริ่มเล่นใหม่
โดยพ่องูคนเดิมจะกลับไปเป็นแม่งูในรอบต่อไป
ลูกสะบ้า
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
อุปกรณ์
-ลูกสะบ้าประมาณ ๓๐ ลูก
เป็นลูกที่ใช้ตั้งฝ่ายละ ๕ ลูก ใช้เป็นลูกโยนฝ่ายละ ๑๐
ลูก
จำนวนผู้เล่น ฝ่ายละ ๕-๗ คน
วิธีการเล่น
๑.แบ่งคนเล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย
แล้วตั้งลูกสะบ้าไว้ฝ่ายละ ๕ ลูก
๒.แต่ละฝ่ายจะอยู่ห่างกันประมาณ ๑๐-๑๕ เมตร มีลูกสะบ้าสำหรับโยน ๑๐
ลูก
๓.ตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายใดเริ่มโยนก่อน
๔.การสิ้นสุดการเล่นฝ่ายใดโยนล้มหมดทุกลูกจะเป็นฝ่ายชนะ
๕.ฝ่ายที่แพ้จะถูกเคาะหัวเข่า (เขกเข่า)
ด้วยลูกสะบ้า
ตีนเลียน
(ล้อเลื่อน)
อุปกรณ์การเล่น
-ไม้กระดานรูปวงกลมรัศมี ๘-๑๒ นิ้ว
-ไม้ไผ่ยาวประมาณ ๒ เมตร ผ่าครึ่งยาวประมาณ ๑๒ นิ้ว
-ตะปู หรือไม้ที่แข็ง
วิธีการประดิษฐ์
เอาไม้กระดานรูปวงกลมรัศมี ๘-๑๒ นิ้ว
เจาะรู ตรงกลางใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณ ๒ เมตร ผ่าครึ่งยาวประมาณ ๑๒ นิ้ว
เพื่อเชื่อมกับรูของกระดานโดยใช้ตะปู
หรือไม้ที่แข็งเป็นเพลาแล้วสกัดไว้ให้แน่นไม่หลุดออกมา
วิธีการเล่น
๑.การเริ่มต้นผู้เล่นจะยืนเรียงกันโดยใช้ไม้ไผ่ด้านปลายวางไว้ที่บ่าแล้วจับให้แน่น
๒.สัญญาณบอกเริ่มวิ่ง ผู้เล่นก็จะดันตีนเลียนให้วิ่งออกไป
เพื่อให้ถึงเส้นชัยซึ่งอาจจะเป็นระยะทาง ๕๐ เมตร หรือ ๑๐๐ เมตร
๓.การสิ้นสุดการเล่นใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ
มาสวัสดีช่วงเวลางานค่ะ
เคยเลนพ่องูแม่งู (งูกินหาง)อ่ะค่ะ
สมัยเด็กๆไปเยี่ยมคุณปู่ ท่านทำกะลาร้อยเชือกให้เล่น แต่เดินไม่ได้ค่ะ กลัวกะลาแตก
ฮ่าๆๆๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
อิ อิ อิ
สวัสดีครับ ตอนเด็กผมเคยเล่น "ก๊อกล๊อต" แต่บ้านผมเรียก "ก่อยล้อต้อก" ครับ นอกจากนี้ยังมี จิกเส้น http://gotoknow.org/blog/attawutc/252258 บั้งโผะ http://gotoknow.org/blog/attawutc/255849 บั้งฉีดน้ำอีกด้วยครับ http://gotoknow.org/blog/attawutc/255848
สวัสดีครับคุณYour sister.