ชื่อเรื่อง การพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
DEVELOPMENT OF A CLASSROOM ACTION RESEARCH NETWORK MODEL
ผู้วิจัย นางสาวลำพอง กลมกูล
ปีที่ทำวิจัย พ.ศ. 2548 – พ.ศ. 2549
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ความเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการแสวงหากลยุทธ์ในการพัฒนาความสามารถของประชากรในประเทศ การพัฒนาที่ดีที่สุดคือการพัฒนาด้านการศึกษาและแนวทางในการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนานั้นมีหลากหลาย แนวทางหนึ่งที่สามารถพัฒนาการศึกษาได้อย่างดี คือ การพัฒนาการศึกษาผ่านการวิจัย กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องมือในการศึกษาที่สามารถสร้างคุณลักษณะหลายอย่างที่พึงประสงค์ได้ การศึกษาจึงต้องใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนจากรากฐานความเชื่อไปเป็นรากฐานของสติปัญญาที่ตั้งอยู่บนข้อมูลและเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นเป็นนวัตกรรมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการวิจัย คือ กุญแจที่จะไขไปสู่การเข้าถึงองค์ความรู้ การประเมินคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ และการสร้างพลังความเป็นอิสระทางความคิด ความเป็นตัวของตัวเองให้มีการพัฒนาและ ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ (จรัส สุวรรณเวลา, 2545; พระเทพโสภณ, 2547)
บุคคลที่สำคัญในการพัฒนาการศึกษา คือ บุคลากรทางการศึกษาหรือผู้สอน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการพัฒนาในด้านการทำวิจัยเพื่อให้เกิดการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญข้อนี้ จึงได้กำหนดในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 เกี่ยวกับการส่งเสริมการทำวิจัยของ ผู้สอนเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน สามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ และการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา ดังนั้น ครูจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มบทบาทที่เป็นทั้งผู้สอนและนักวิจัย ในระยะแรกครูโดยส่วนใหญ่เริ่มทำวิจัยกับปัญหาในชั้นเรียนของตนโดยการทำวิจัยแบบทำคนเดียว แต่ก็พบปัญหาอันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานและการทำวิจัยไปพร้อมกัน จึงทำให้ต้องการมีที่ปรึกษาในการทำวิจัย และต้องการบุคลากรหรือผู้ช่วยวิจัยที่มีความรู้ในการวิจัยเข้ามาให้คำแนะนำและให้การสนับสนุนด้านการอบรมในการทำวิจัย (วันทนา ชูช่วย, 2533;สกาวรัตน์ ชุ่มเชย, 2543; บุณยาพร ฉิมพลอย, 2544; สุพรรณี สินโพธิ์, 2546) จึงทำให้เกิดการริเริ่มในการรวมกลุ่มกันทำวิจัยโดยมีทั้งการทำวิจัยร่วมกันเป็นทีม (teamwork) การทำวิจัยแบบร่วมมือ (cooperation) และจากหลักการสำคัญของการวิจัยปฏิบัติการที่เน้นให้มีการสะท้อนผล (reflection) (Kemmis,1988; Creswell, 2002 cited in Mill, 2003) และได้พัฒนามาเป็นการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนแบบรวมพลัง (collaboration) และการทำวิจัยแบบเป็นหุ้นส่วน (partnership) กล่าวคือ ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำวิจัย ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันในการปฏิบัติงาน จึงทำให้เกิดการร่วมมือกันทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนในรูปแบบนี้เกิดขึ้นมากในปัจจุบัน (Saurino, 2002; Balach et al., 2003; Levin & Rock, 2003; Mizukami et al., 2003; Knight & Wiseman, 2003; ทิศนา แขมมณี และ นงลักษณ์ วิรัชชัย, 2546; จตุภูมิ เขตจัตุรัส, 2547) แต่ยังพบว่าขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงานทำให้การพัฒนางานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนขาดความต่อเนื่อง จึงทำให้กระบวนการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครูยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แนวทางหนึ่งที่เป็นทางเลือกในการพัฒนาการทำวิจัยฏิบัติการในชั้นเรียนของครูให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คือ การสร้างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research Network) เพื่อพัฒนาการทำวิจัยของครู แต่ยังไม่ปรากฏว่าโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่มีความชัดเจนในการปฏิบัติและเหมาะสำหรับประเทศไทย จึงเป็นประเด็นที่ผู้วิจัยสนใจในการศึกษาเกี่ยวกับเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการทั้งของประเทศไทยและของต่างประเทศว่ามีลักษณะของการสร้างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการอย่างไร และจากแนวทางการดำเนินงานของเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่มีความหลากหลายนั้น แนวทางการดำเนินงานในลักษณะใดและรูปแบบใดที่สามารถใช้ได้ดีและเหมาะสมสำหรับประเทศไทย จากปัญหาและความสำคัญดังกล่าวทั้งหมด ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาการพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนสำหรับประเทศไทย
1. เพื่อพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนสำหรับประเทศไทย
2. เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การวิจัยในครั้งนี้ใช้วิธีวิทยาการวิจัยแบบผสมผสาน คือ การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
วิธีดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนสำหรับประเทศไทย และตรวจสอบความเหมาะสมของโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ศึกษาโดยใช้วิธีวิทยาการวิจัยแบบผสมผสาน คือ การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ประกอบด้วย การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและตัวอย่างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการของต่างประเทศ (Documentary Research) การสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ (Formal Interview) แบบไม่เป็นทางการ (Informal Interview) และแบบเจาะลึก (In-depth Interview) การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) การสำรวจความคิดเห็น (Survey) และการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) การวิเคราะห์ข้อมูล 1) การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย (Analytic Induction) และ 2) การวิเคราะห์เชิงปริมาณ ได้แก่ วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานด้วยสถิติบรรยาย (Descriptive Statistics) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (one – way ANOVA) โดยใช้โปรแกรม SPSS for Window
ผู้วิจัยได้แบ่งช่วงของการวิจัยเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 การพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ได้แบ่งการศึกษาเป็น 4 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 การศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และตัวอย่างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการของต่างประเทศผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต ขั้นที่ 2 การสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ได้แก่ ครูนักวิจัย ผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ นักวิจัย และอาจารย์มหาวิทยาลัย ขั้นที่ 3 การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ จากการจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน” และ ขั้นที่ 4 การสำรวจความคิดเห็นของครูนักวิจัยเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
ระยะที่ 2 การตรวจสอบความเหมาะสมของโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 การสนทนากลุ่มของผู้อำนวยการสถานศึกษา ครูนักวิจัย และศึกษานิเทศก์ และ ขั้นที่ 2 การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ
ผลการวิจัยพบว่า
ตอนที่ 1 การพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยรูปแบบย่อย 3 รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบที่ 1 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในโรงเรียน
รูปแบบที่ 2 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในกลุ่มโรงเรียน
รูปแบบที่ 3 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา
โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน มีองค์ประกอบหลัก 7 องค์ประกอบ ได้แก่ วัตถุประสงค์ของเครือข่าย โครงสร้างของเครือข่าย องค์ประกอบของเครือข่าย บทบาทและหน้าที่ของสมาชิกของเครือข่าย แผนการดำเนินงานของเครือข่าย กิจกรรมของเครือข่ายและผลลัพธ์ของเครือข่าย โดยแสดงโครงสร้างการประสานความร่วมมือและรายละเอียดของโมเดลวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนทั้ง 3 รูปแบบย่อย ดังต่อไปนี้
รูปแบบที่ 1 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในโรงเรียน
รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในโรงเรียน คือ รูปแบบเครือข่ายวิจัยที่เกิดจากการประสานความร่วมมือกันในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยเน้นการดำเนินงานของเครือข่ายภายในสถานศึกษา แกนนำของเครือข่าย คือ ตัวบุคคลที่มีความสามารถในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน หรือเป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน และมีการประสานงานกับบุคลากรภายนอกสถานศึกษา ได้แก่ นักวิจัยและศึกษานิเทศก์ ทั้งนี้เพื่อให้พัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับบุคลากรภายนอกสถานศึกษา โดยมีโครงสร้างการประสานความร่วมมือของรูปแบบเครือข่าย ดังแผนภาพที่ 1
แผนภาพที่ 1 โครงสร้างการประสานความร่วมมือของรูปแบบเครือข่ายภายในโรงเรียน
รูปแบบที่ 2 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในกลุ่มโรงเรียน
รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในกลุ่มโรงเรียน คือ รูปแบบเครือข่ายวิจัยที่เกิดจากการประสานความร่วมมือกันในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยเน้นการดำเนินงานของเครือข่ายภายในกลุ่มโรงเรียน แกนนำของเครือข่าย คือ โรงเรียนเครือข่ายที่มีความสามารถในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน หรือเป็นโรงเรียนเรียนข่ายที่มีความตั้งใจในการทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนและมีการประสานงานกับบุคลากรภายนอกสถานศึกษา ได้แก่ นักวิจัย ศึกษานิเทศก์และอาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่อให้พัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับบุคลากรภายนอกกลุ่มโรงเรียน โดยมีโครงสร้างการประสานความร่วมมือของรูปแบบเครือข่าย ดังแผนภาพที่ 2
แผนภาพที่ 2 โครงสร้างการประสานความร่วมมือของรูปแบบเครือข่ายภายในกลุ่มโรงเรียน
รูปแบบที่ 3 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา
รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา คือ รูปแบบเครือข่ายวิจัยที่เกิดจากการประสานความร่วมมือกันในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยเน้นการดำเนินงานของเครือข่ายภายในเขตพื้นที่การศึกษา แกนนำของเครือข่าย คือ กลุ่มโรงเรียนเครือข่ายที่มีสมาชิกภายในกลุ่มโรงเรียนมีความสามารถในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่มีประสิทธิภาพ และเป็นกลุ่มโรงเรียนเครือข่ายที่มีการบริหารงานของเครือข่ายอย่างต่อเนื่องโดยเน้นการทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน และมีการประสานงานกับบุคลากรภายนอกเขตพื้นที่การศึกษา ได้แก่ นักวิจัยและอาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่อให้พัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับบุคลากรภายนอกเขตพื้นที่การศึกษา โดยมีโครงสร้างการประสานความร่วมมือของรูปแบบเครือข่าย ดังแผนภาพที่ 3
แผนภาพที่ 3 โครงสร้างการประสานความร่วมมือของรูปแบบเครือข่ายภายในเขตพื้นที่การศึกษา
รูปแบบที่ 3 รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา
โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมีความเหมาะสมในการพัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างสมาชิกภายในเครือข่าย การพัฒนาประสิทธิภาพการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน และการพัฒนาคุณภาพของงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ดังนี้
2.1 โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมีความเหมาะสมในการพัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างสมาชิกภายในเครือข่าย โดยองค์ประกอบที่เป็นตัวกำหนดทิศทางในการดำเนินงานของเครือข่าย คือ วัตถุประสงค์ของเครือข่ายที่ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าเป็นเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำวิจัยระหว่างสมาชิกในเครือข่าย และจากโครงสร้างการประสานความร่วมมือของเครือข่ายที่มีการประสานความร่วมมือกันทั้งแบบช่วงชั้นและแบบกลุ่มสาระการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลหรือหน่วยงานจากภายนอกเครือข่าย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาการดำเนินงานของเครือข่ายให้ดำเนินไปตามเป้าหมายที่กำหนด มีความต่อเนื่องและเป็นเครือข่ายที่ยั่งยืน
2.2 โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมีความเหมาะสมในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน กล่าวคือ สมาชิกของเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกัน มีความรู้แตกต่างกัน มีความชำนาญและเชี่ยวชาญแตกต่างกัน เมื่อทุกกลุ่มต่างมีเป้าหมายเดียวกัน ก็สามารถทำให้เกิดการรวมตัวกันและช่วยเหลือกันในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยมีนักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัยและศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในด้านทำวิจัยสามารถเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูนักวิจัยและผู้อำนวยการสถานศึกษาในโรงเรียน ทำให้เกิดการร่วมมือกันในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ซึ่งส่งผลให้การทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำวิจัยคนเดียว
2.3 โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมีความเหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพของงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน กล่าวคือ ดังจะเห็นได้จากองค์ประกอบของเครือข่ายที่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ของเครือข่าย และผลลัพธ์ของเครือข่ายไว้อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่า การก่อตัวของเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนนั้น จำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์เป็นสิ่งนำทางและมีผลลัพธ์ของเครือข่ายเป็นเป้าหมายของการดำเนินงานของเครือข่าย โดยเป้าหมายสูงสุด คือ คุณภาพของงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนได้จริง และสมาชิกทุกคนในเครือข่ายได้มีโอกาสในการพัฒนาตนเอง เช่น การทำงานของครูในรูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการพัฒนาวิชาชีพ
ข้อเสนอแนะของการนำไปใช้
1. จากผลการวิจัยในครั้งนี้ ได้พัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่ประกอบด้วย 3 รูปแบบย่อย โดยในการสร้างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนนั้นควรเริ่มสร้างจากเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในโรงเรียน แล้วพัฒนาเป็นเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในกลุ่มโรงเรียน และเมื่อมีความเข้มแข็ง จึงค่อย ๆ ขยายไปเป็นเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา โดยเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนจะเกิดขึ้นได้นั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและสถานศึกษาจำเป็นต้องมีความพร้อมในการประสานความร่วมมือและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในเครือข่าย โมเดลและองค์ประกอบของเครือข่ายที่พัฒนาขึ้น คือ แนวทางในการสร้างเครือข่าย บุคคลหรือสถานศึกษาสามารถนำโมเดลที่พัฒนาขึ้นไปปรับใช้ตามความเหมาะสมของสถานศึกษานั้น ๆ ได้
2. ในการวิจัยครั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญของการสร้างเครือข่าย คือ แกนนำของเครือข่าย ดังนั้น โมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่พัฒนาขึ้น ทั้ง 3 รูปแบบ จำเป็นต้องมีแกนนำของเครือข่าย โดยแกนนำเครือข่ายภายในโรงเรียน คือ แกนนำระดับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนและมีความสามารถในการประสานความร่วมมือภายในกลุ่มเครือข่าย แกนนำของเครือข่ายภายในกลุ่มโรงเรียน คือ แกนนำระดับโรงเรียน ซึ่งก็คือโรงเรียนเครือข่ายที่มีความเข้มแข็งและสามารถเป็นผู้นำในการดำเนินงานของเครือข่ายได้ และแกนนำของเครือข่ายภายในเขตพื้นที่การศึกษา คือ แกนนำระดับกลุ่มโรงเรียน ซึ่งจะมีบทบาทในการเป็นกลุ่มโรงเรียนเครือข่ายที่มีความเข้มแข็งและสามารถพัฒนาระบบการดำเนินงานของเครือข่ายให้ยั่งยืนได้ ดังนั้น ในการสร้างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ควรมีแกนนำของเครือข่ายซึ่งจะมีบทบาทในการประสานความร่วมมือภายในกลุ่มเครือข่าย
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป
1. การวิจัยครั้งนี้ได้พัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยโมเดลที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมในการพัฒนาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน พัฒนาประสิทธิภาพในการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนและพัฒนาคุณภาพของงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ควรมีการนำโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนไปทดลองใช้ด้วยการสร้างเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่เริ่มจากเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในโรงเรียน ศึกษาผลการดำเนินงาน ติดตามและประเมินผล แล้วพัฒนาไปสู่เครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในกลุ่มโรงเรียนและเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษาตามลำดับ
2. การวิจัยครั้งนี้ได้พัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ได้เริ่มพัฒนาจากรูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในโรงเรียน ไปเป็นรูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในกลุ่มโรงเรียน และสิ้นสุดที่รูปแบบเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนภายในเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่พัฒนาขึ้นยังไม่ครอบคลุมเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนทั้งหมดที่เป็นไปได้ในบริบทของประเทศไทย ควรมีการศึกษาและพัฒนาโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพิ่มเติม เพื่อให้มีความครอบคลุมและความหลากหลายของโมเดลที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมสำหรับสถานศึกษา องค์กรทางการศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่อไป
การนำผลการวิจัยไปใช้
ผู้วิจัยได้นำโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้ในกลุ่มโรงเรียนเครือข่ายที่มีความสนใจโดยมีการนำโมเดลที่พัฒนาขึ้นไปประยุกต์ตามบริบทและความต้องการของสถานศึกษานั้น ๆ ดังแสดงตัวอย่างของกลุ่มทดลองใช้ ดังนี้
โรงเรียน ก ได้นำโมเดลเครือข่ายวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนไปใช้เพื่อศึกษาและพัฒนาร่วมกับแนวทางการพัฒนาครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะการทำวิจัยของครูและพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
Ok 1eaw ja
ยังงงอยู่เลย มีแบบฉบับชาวบ้านไหมครับ
ถ้ามีช่วยบอกที
[email protected]
...เป็นอีกคนที่กำลังจะทำวิจัยในชั้นเรียน....
เยี่ยมค่ะ ขอชื่นชม
โรงเรียนอุตรดิตถ์เข้ามาเยี่ยมชมวิจัยในชั้นเรียนด้วยครับคุณลำพอง
ถือว่าฝีมือครับสำหรับผลงานวิจัย
ถ้าสนใจเกี่ยวกับการประเมินโครงการก็เชิญที่บล็อกโรงเรียนอุตรดิตถ์นะครับ
ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับผลงานวิชาการกับทุกๆท่าน
11-12 ธค. 52 งานร้อยปีโรงเรียนอุตรดิตถ์
บทความเกี่ยวกับเครือข่ายวิจัยที่นำเสนอไว้นี้เป็นเพียงโมเดลเท่านั้น
ในส่วนของกระบวนการต่าง ๆ นั้น ไม่ได้นำเสนอไว้ หากสนใจ ทางเครือข่ายมีข้อมูลเพิ่มเติมให้ค่ะ
ลำพอง