ชีวิตที่พอเพียง : 812b. วางแผนขับเคลื่อน “ครูเพื่อศิษย์” เต็มทั้งแผ่นดิน (1)
วันนี้เป็นวันมงคล วันแม่ วันเฉลิมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เทวดาแห่งมงคลดลใจให้ผมคิดเรื่องนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของบันทึกที่น่าจะนำไปสู่ขบวนการ “ครูเพื่อศิษย์” ของแผ่นดินไทย จากความฝันสู่ความจริง การปฏิบัติจริง ทั่วแผ่นดินไทย ที่เป็นการปฏิบัติแบบใหม่ คือแบบเสรีชนที่ต้องการทำดีเพื่อแผ่นดิน
ขบวนการ “ครูเพื่อศิษย์” ค่อยๆ ฟักตัวผ่านหลากหลายกลไก หลากหลายวง ลปรร. ที่เดาว่าส่วนใหญ่ผมไม่ได้รับรู้ และเดาว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้คำ “ครูเพื่อศิษย์” แต่พฤติกรรมเป็นเช่นนั้น
ผมลอง “ฝัน” ว่าขบวนการครูเพื่อศิษย์ของแผ่นดินไทยน่าจะมีลักษณะอย่างไร เป็นการ “ยกร่างภาพฝัน” ไม่ผูกขาดว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ และอยากได้คนมา “ร่วมฝัน” เพราะในภาษา LO นี่คือ Shared Vision ของคนทั้งแผ่นดิน
· เป็นขบวนการที่ไม่เป็นทางการ ไม่ผ่านสายบังคับบัญชาทางราชการหรือทางการเมือง แต่ร่วมมือกับทุกฝ่าย แบบเป็นเครือข่ายความร่วมมือ ถ้า “ฝันตรงกัน” ก็ร่วมมือกันได้
· เป็นขบวนการจิตอาสา ไม่ใช่ธุรกิจ เน้นการร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง/สังคม/ท้องถิ่น โดยไม่คิดเรื่องค่าตอบแทนเป็นตัวตั้ง
· เน้นการดำเนินการให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืน ไม่ใช่ดำเนินการเพราะมีเงินมาให้จากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง แต่หวังว่า หลังจากช่วง ๒ ปีแรกของโครงการ จะมีเงินจำนวนหนึ่งตั้งเป็น “มูลนิธิ ครูเพื่อศิษย์ – นครสวรรค์” (ชื่อสมมติ ซึ่งหมายความว่า ฝันเห็นมูลนิธิครูเพื่อศิษย์ในทุกจังหวัด เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกัน) หนึ่งมูลนิธิคือหนึ่ง node ของเครือข่าย มูลนิธิจะเป็นกลไกของความต่อเนื่องยั่งยืน
· ขบวนการครูเพื่อศิษย์เป็น catalyst ของการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาภาพใหญ่ ทำงานร่วมกันเป็นภาคี เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน
· ใช้เครื่องมือ “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากความสำเร็จเล็กๆ” (SSS – Success Story Sharing) เป็นจุดเริ่มต้น และเป็นพลังขับเคลื่อน เสริมด้วยกลไกเชื่อมโยงเครือข่าย โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ เพื่อยกระดับขีดความสามารถ (Competency) ระดับการทำงาน (Performance) และระดับจิตวิญญาณ (Spirituality) ของครูทั้งแผ่นดิน ไม่ใช่เครือข่ายเพื่อครูเพื่อศิษย์เท่านั้น แต่เป็นเครือข่ายเปิด ที่ครูและไม่ใช่ครูก็เข้าร่วมได้
· ย้ำว่า “เครือข่ายครูเพื่อศิษย์” นี้ เป็น inclusive network ไม่ใช่ exclusive network
· เครื่องมืออีกอย่างหนึ่งของขบวนการนี้คือ R2R ของวงการศึกษา
· เครือข่ายนี้ เป็น Learning Network ไม่ใช่ Training Network กระบวนการที่ใช้จะเป็น Learning : Training = 80 : 20
· ทีมแกนนำ ทำหน้าที่ “คุณอำนวย” ไม่ใช่ “คุณอำนาจ” ของเครือข่าย และทำหน้าที่แบบอาสา และเน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีม การทำงานนี้เองเป็นการเรียนรู้ (Team Learning)
· มีวิธีทำงาน ที่ทำให้ขบวนการนี้ค่อยๆ แผ่ออกไปเต็มแผ่นดินไทย และร่วมกับกลไกที่เป็นทางการในการปฏิรูปการเรียนรู้ของวงการศึกษาไทย
· มีวิธีทำงานที่เชื้อเชิญชักชวนกลไกในพื้นที่/ท้องถิ่น เข้ามาร่วม โดยการใส่ “เชื้อเพลิง” (พลัง หรือพลังงาน) ในรูปแบบใดแบบหนึ่ง เข้ามาร่วมขับเคลื่อน “เชื้อเพลิง” ดังกล่าวอาจได้แก่ คนที่มี SS เข้ามาร่วม ลปรร., เงิน, สถานที่, ช่วยสื่อสาร SS และขบวนการแบบปากต่อปากหรือแบบอื่นๆ, ช่วยแนะนำ “ครูเพื่อศิษย์” หรือ “โรงเรียนเพื่อศิษย์” เข้าร่วมขบวนการ, ช่วยเผยแพร่อุดมการณ์ของขบวนการ, เป็นต้น
· คุณลักษณะอื่นๆ เชิญร่วมกันออกความเห็น ทั้งเพิ่มเติม และแสดงความเห็นทั้งที่ไม่เห็นด้วย และเห็นด้วยกับความฝันข้างตัน
วิจารณ์ พานิช
๑๒ ส.ค. ๕๒
วันแม่
เรียนท่านอาจารย์หมอที่เคารพ
กระผมได้อ่านบันทึกก็รู้สึกยินดีที่มีแนวคิดแบบนี้ในสังคม โดยแนวคิดของท่านอาจารย์หมอเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ กระผมมองว่า โดยเนื้อหาของวิชาชีพ/แม้วิธีการ ก็คงต้องมีมิติที่หลากหลาย โดยสาขาอาชีพต่างๆที่สำคัญ เช่น ครู ผู้รู้ด้านฐานทรัพยากร สิ่งแวดล้อม การเกษตร ด้านสาธารณสุข การพัฒนาจิตใจ แม้กระทั่งการเมืองปกครอง หรืออื่นๆ ซึ่งจะมาทำงานร่วมกัน แบบจิตอาสา ไม่เป็นลักษณะทางเมือง หรือการสร้างอำนาจเพื่อผลประโยชน์เฉพาะตัว พื้นที่นี้จะช่วยให้มนุษย์เห็นคุณค่าตัวเองและจะเกิดการคิดเชื่อมโยงไปยังผู้อื่นและเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาทางจิตวิญญาณนั้นด้วย เกิดคุณลักษณะการมีจิตโน้มเอียงสู่ความสงบ ลดอัตตาลงได้มาก พร้อมที่จะฟังเสียงของเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก และให้ความเคารพกันและกัน อยู่อย่างไม่เบียดเบียน กระผมคิดว่าการได้เรียนรู้ จากสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่จริง จะช่วยเชื่อมต่อวิชาการในตำรามาเข้าสู่การปรับใช้ในวิถีชีวิตจริงได้มากขึ้น เพราะการเห็นในมิติที่แคบจะสร้างความหลงผิดได้ง่าย เมื่อเกิดการคิดเชื่อมโยงเห็นเป็นระบบมีมิติที่หลากหลายขึ้น เท่ากับว่าปัญญาได้ยกระดับขึ้นอีกขั้น นอกจากนี้ การทำงานในสนามจริง เราจะได้ประเด็นวิจัยที่มีชีวิตเมื่อทำการวิจัยแล้ว มีโอกาสใช้เพื่อตอบโจทย์สังคมได้มากขึ้นมากมาย มีประสิทธิภาพกว่า ที่มาจากการคิดเอาเองและเอากระแสเป็นตัวตั้งโดยไม่ผ่านการตรองด้วยสติปัญญา ซึ่งมาจากการมายาคติต่างๆ หากเด็กที่ได้รับการพัฒนาจากระบบครูเพื่อศิษย์ เชื่อว่าจะ ยกระดับขีดความสามารถทั้งทางโลก และระดับจิตวิญญาณ กระผมจินตนาการว่า การเปิดพื้นที่ให้ครูต่างๆนั้นทำงานกับเด็กเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ควบคู่ไปกับการเรียนทางวิชาการและจากสิ่งเห็นและเป็นอยู่ไปด้วย จะช่วยพัฒนามนุษย์สร้างสังคมแห่งปัญญาและเกิดสันติสุขได้ครับผม
เรียนแสดงความเห็นด้วยความเคารพครับผม
นิสิต
หนูคิดว่าเข้าใจค่ะ
ยอมเป็น "หนูทดลอง" แนวคิดนี้เลยล่ะ
ตอนนี้ อ.ด๋าวนอนฝันเป็น SS แล้วค่ะ ต้องมองให้เห็น SS ในเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ...จริงๆ นะคะ
ดีครับอาจารย์หมอ
ผมยินดีร่วมคิด ร่วสร้างสรรค์ด้วย
ในใจก็คิดถึงการสร้างให้เกิด"แรงบันดาลใจส่วนตัว"ที่จะเป็นพลังเชื้อเชิญ
ให้ครูทั้งหลายเข้าร่วม ซึ่งอาจจะต้องสร้าง "แรงจูงใจ(Incentive)" ขึ้นมา
ในเบื้องต้นก่อนครับ
มีความเห็นของคุณลักษณะของครูเพื่อศิษย์ ที่นี้ครับ