นวัตกรรม......"รำแคนแทนกินยาNSAIDs "
การดูแลผู้สูงอายุเป็นพันธกิจที่สำคัญหนึ่งในงานส่งเสริมสุขภาพของ PCU ในโรงพยาบาล บ้านลาด เพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็นจากการทบทวนการจ่ายยาในใบสั่งยาและทบทวนในสมุดประจำตัวของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกระบวนการคุณภาพอย่างหนึ่งที่ PCUในโรงพยาบาลบ้านลาดเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ร่วมทำกิจกรรมคุณภาพกับโรงพยาบาลบ้านลาด ทำให้ทราบความเสี่ยงที่ผู้สูงอายุรับประทานยา NSAIDs (Non-steroid Anti-Inflammatory Drugs) ซึ่งถ้าผู้สูงอายุกินยาประเภทนี้จำนวนมากและมีความถี่สูงส่งผลให้ผู้สูงอายุเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เป็นแผลในกระเพาะและแพ้ยา กลุ่มนี้บ่อย ขณะเดียวกันทีมงาน PCU และกลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ซึ่งกำกับและดูแลหน่วยงาน PCU ในโรงพยาบาลบ้านลาด ได้ทบทวนเอกสารของ ศ.นพ.ดำรง กิจกุศล ซึ่งได้กล่าวไว้ว่าสาเหตุที่ผู้สูงอายุปวดหลัง ปวดเอว ปวดข้อต่อจนต้องกินยากลุ่ม NSAIDs เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการเสื่อมของข้อต่อและกระดูกเพราะภาวะสูงวัย ขณะเดียวกันก็ ขาดการขยับข้อต่อหรือการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ ทำให้ปริมาณอาหารและเลือดไปเลี้ยงข้อต่อไม่เพียงพอ ศ.นพ.ดำรง กิจกุศล ได้แนะนำถ้าหากมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยและถูกวิธีจะทำให้เลือดและอาหารมาเลี้ยงข้อต่อมากขึ้นเกิดการซ่อมแซมส่วนสึกหรอให้กลับคืนมาใช้งานได้ใกล้เคียงกับวัยกลางคน ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลังลดลง สอดคล้องกับ นพ.เจมส์ นิโคลัส ที่กล่าวว่า “วิธีป้องกันการเสื่อมของข้อที่ดีที่สุดของผู้สูงอายุคือ ให้ข้อนั้นได้มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ” นำไปสู่การพึ่งพายา NSAIDs ปริมาณลดลงตามไปด้วย ภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากการใช้ยา NSAIDs ก็จะลดลงในที่สุด
ผู้ศึกษามีโอกาสได้ใกล้ชิดและทำกิจกรรมร่วมกับชมรมผู้สูงอายุ ทำให้ทราบว่าสมาชิกของชมรมหลายคนมีผู้สูงอายุที่สืบเชื้อสายจากไทยทรงดำซึ่งอพยพมาตั้งอยู่ใน 2 ตำบล ได้แก่ตำบลห้วยลึก และตำบลห้วยข้อง ขณะเดียวกันก็มีตำบลท่าแลง ซึ่งเป็นเขตของอำเภอท่ายางที่มีเชื้อสายไทยทรงดำเช่นเดียวกันผู้สูงอายุเหล่านี้มีความสามารถเป่าแคนและรำแคนได้ดี จากการสังเกตพบว่าการรำแคนมีจังหวะที่เร่งเร้าสนุกสนาน จูงใจให้มีผู้เข้าร่วมรำแคนด้วยเป็นจำนวนมาก และคิดว่าสามารถนำการรำแคนมาประยุกต์ใช้กับการออกกำลังกายในผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสมกับวัย มีผลทำให้เกิดประโยชน์ในการขยับข้อต่อ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Healthy of Thailand ของกระทรวงสาธารณสุข
ผู้ศึกษาได้ทำ Continuous Quality Improvement :CQI. ของงานส่งเสริมสุขภาพจึงหยิบยกปัญหาการกินยา NASIDs ในผู้สูงอายุมาดำเนินโครงการทดลองของโรงพยาบาลบ้านลาด ภายใต้นวัตกรรมสร้างสรรค์ “รำแคนแทนกินยา NSAIDs”
รูปแบบ เนื้อหา และกลวิธีของนวัตกรรม
การรำแคนเป็นการนำกิจกรรมรำแคนซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมการรำแบบพื้นเมืองของคนไทยที่มีเชื้อสายไทย-ลาวซึ่งได้อพยพมาจากเมืองเดียนเบียนฟูซึ่งอยู่ตอนเหนือของประเทศลาว และได้อพยพมาอยู่ในจังหวัดเพชรบุรีในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเฉพาะ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลห้วยข้อง และห้วยลึกของอำเภอบ้านลาดและอำเภออื่น ๆ เช่น อำเภอท่ายางและอำเภอเขาย้อย คนในจังหวัดเพชรบุรีจะเรียกชนเผ่านี้ว่า “ไทยทรงดำ” ซึ่งยังคงรักษาวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้แก่ การรำแคน การแต่งกายด้วยเสื้อและผ้าถุงที่เรียกว่า “ผ้าถุงลายแตงโม” การรำแคนจะมีท่ารำและการขยับข้อต่อต่างๆ ได้แก่ ข้อมือ ข้อเข่า หัวไหล่ ประกอบท่าและจังหวะของเสียงแคนมีความสนุกสนานเพลิดเพลิน สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นกิจกรรมสำหรับออกกำลังกายของผู้สูงอายุทั้งหญิงและชาย ทำให้ผู้สูงอายุได้มีการขยับข้อต่อต่าง ๆ ส่งผลให้เยื่อหุ้มข้อต่อมีอาหาร มีเลือดและออกซิเจนมาเลี้ยง (O2) ส่งผลให้มีการขยับข้อต่อส่วนต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ
ทีม PCU ในโรงพยาบาลบ้านลาดได้ประยุกต์ท่ารำแคนมาใช้ในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันก็มีการให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกาย เรื่องของการรับประทานยากลุ่ม NSAIDs ทำให้ผู้สูงอายุมีความรู้ มีความเข้าใจ สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการกินยากลุ่ม NSAIDs มาเป็นพยายามลดและเลิกยากลุ่ม NSAIDs ลง ขณะเดียวกันเมื่อมีการประชุม PCU. เครือข่ายของโรงพยาบาลบ้านลาดก็จะพูดคุย ส่งเสริมกับหัวหน้า PCU นำกิจกรรมรำแคนแทนกินยา NSAIDs ไปสร้างเสริมสุขภาพใน PCU อื่น ๆ ขณะเดียวกันก่อนที่ผู้สูงอายุจะรำแคนทุกครั้ง ผู้สูงอายุต้องได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Risk) ของผู้สูงอายุ
แนวคิดนวัตกรรมรำแคนได้นำมาจากหลักการ P-D-C-A /PDSA ที่มีการออกแบบระบบหรือมีการวางแผนกระบวนการ (Planning/Design) โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้วนำไปปฏิบัติ(Do/Action) ในชมรมผู้สูงอายุของ PCU โรงพยาบาลบ้านลาดและ PCU ห้วยลึก และ PCU ห้วยข้อง ทำให้เกิดการมีการตรวจสอบ (Check)ปรับปรุงพัฒนา (Improvements) ให้กิจกรรมดำเนินอย่างต่อเนื่องContinues Quality Improvements : CQI ของ PCUโรงพยาบาลบ้านลาดและ PCU ห้วยลึก และ PCU ห้วยข้อง
โดยได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการโดยมีขั้นตอนดังนี้
โอกาสในการพัฒนา
โครงการรำแคนแทนกินยาสามารถนำไปพัฒนาได้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยขยายการให้สุขศึกษาและการออกกำลังกายไปสู่สถานีอนามัยในเครือข่ายคือ PCU ห้วยลึก และ PCU ห้วยข้อง หรือในชมรมผู้สูงอายุในเครือข่ายอำเภออื่น ๆ ตลอดจนสามารถพัฒนาเป็นการออกกำลังกายรูปแบบอื่นเช่น เห่เรือต้าน NSAISs หรือเปตองต้าน NSAISs เป็นต้น
รำแคนกินยา NSAIDs ใครได้ประโยชน์
1. ผู้สูงอายุกินยา NSAIDs ลดลง มีภาวะแทรกซ้อนจากยาลดลง
2. งานส่งเสริมสุขภาพทำงานในบรรยากาศ มีความสุข สนุกสนาน เรียนรู้ สร้างสรรค์ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข
3. โรงพยาบาลบ้านลาดสามารถสร้างสรรค์ผลงานการให้บริการเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพและในการสนับสนุนด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน
4. โรงพยาบาลบ้านลาดมีระบบบริการสุขภาพที่เน้นการบริการเชิงรุกมากกว่าเชิงรับตามโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า
5. สังคมบ้านลาดมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและระบบบริการของโรงพยาบาลบ้านลาด
ปัญหาและอุปสรรค
อาสาสมัครผู้สูงอายุอาจไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด คือสัปดาห์ละ 3 วัน ช่วงเวลาวันละ 30 นาที เนื่องจากชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลบ้านลาดจัดกิจกรรมเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน ทำให้การออกกำลังกายขาดความต่อเนื่อง งานส่งเสริมสุขภาพได้ดำเนินการแก้ไขโดยการอัดเพลงรำแคนความยาว 30 นาทีเพื่อแจกอาสาสมัครให้ไปออกกำลังกายที่บ้านอีกอย่างน้อยคนละ 2 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ครบตามเกณฑ์การออกกำลังกายที่เหมาะสมหรือการออกกำลังกายรำแคนที่ชมรมประจำตำบลหรือที่ PCU ประจำตำบลเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการออกกำลังกาย
นวัตกรรมรำแคนแทนกินยา NSAIDs จะยั่งยืนหรือไม่
ชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลบ้านลาด เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2536 ได้ดำเนินกิจกรรมการออกกำลังกายมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันชมรมมีสมาชิก 4,116 คน และรับสมัครสมาชิกเพิ่มทุกปี มีทุนสำรองประมาณ 4 ล้านบาทเศษ ด้วยความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชมรมและโรงพยาบาลบ้านลาด ดังนั้น กิจกรรมรำแคนแทนการกินยา NSAIDs นี้ ต้องยั่งยืนตลอดไปไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้ดำเนินการก็ตาม
สรุปผลการดำเนินงาน 2 ปี
ตั้งแต่เดือนปีงบประมาณ 2550 เปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2551 ผลปรากฏว่าจำนวนผู้ออกกำลังกายด้วยการรำแคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.40 และจำนวนผู้ขอรับยา NSAIDs ลดลงร้อยละ 33.22 สามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 30,780 บาท
1. คัดเลือกอาสาสมัครจากสมาชิกชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลบ้านลาด เพื่อแจ้งข้อกำหนดว่าต้องเข้าร่วมกิจกรรมรำแคนทุกสัปดาห์ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที และจะไม่กินยา NSAIDs นอกจากกรณีที่ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดเอวมากจนทนไม่ไหว
2. การให้ความรู้กับกลุ่มอาสาสมัคร เพื่อให้สุขศึกษาเรื่องผลแทรกซ้อนของการกินยา NSAIDs และประโยชน์ของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ จนแน่ใจว่าอาสาสมัครมีความรู้ความเข้าใจ ทราบถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายและโทษของการกินยา NSAIDs
3. ทำความเข้าใจทีมเจ้าหน้าที่ของ PCU ในโรงพยาบาลผู้มีเจ้าหน้าที่ตรวจรักษา และจ่ายยาให้กับคนไข้เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม NSAIDs ยกเว้น Paracetamol และ Neotiga balm สามารถจ่ายได้ตามปกติ แต่ถ้าผู้สูงอายุปวดข้อ และปวดเข่ามากจนทนไม่ไหว ก็สามารถจ่ายยา NSAIDs ได้ตามความจำเป็น
4. การดำเนินงานตามโครงการเริ่ม การนัดหมายกับสมาชิกชมรมผู้สูงอายุโดยแบ่งเป็นกลุ่มเล่นดนตรีเพลงแคนและกลุ่มออกกำลังกายด้วยการรำแคน แล้วเก็บรวบรวมข้อมูลไปเปรียบเทียบกัน
ผลสำเร็จที่ได้จากนวัตกรรม
1. สามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 30,780 บาท
2. อาสาสมัครขอรับยา NSAIDs ลดลงร้อยละ 33.22
3. อาสาสมัครได้ออกกำลังกายโดยเหมาะสมกับวัยด้วยวิธีรำแคน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4)
4. ผู้สูงอายุทราบถึงโทษ และภาวะแทรกซ้อนของการกินยา NSAIDs
5. ผู้สูงอายุทราบถึงประโยชน์ของการออกกำลังกาย โดยวิธีรำแคน
6. อาสาสมัครที่มีอาการปวดขา ปวดเข่า ปวดเอว ลดลง
7. PCU. ในโรงพยาบาลบ้านลาดร่วมกันทำงานในลักษณะภาคีเครือข่ายเป็นกับคณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ PCU ห้วยลึก และ PCU ห้วยข้อง
8. เจ้าหน้าที่ของ PCU ในโรงพยาบาลบ้านลาด สร้างทัศนคติที่ดีต่องาน ต่อเพื่อนร่วมงานทั้งในองค์กร(ชมรมผู้สูงอายุ)และชุมชน
9. การนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้าน (Local Wisdom) และวัฒนธรรมท้องถิ่น(Folk Culture) อันเป็นทุนทางสังคม (Social Capital) และทุนทางวัฒนธรรม (Culture Capital) คือ การรำแคนมาบูรณาการเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยตามนโยบาย Healthy of Thailand ของกระทรวงสาธารณสุข
10. นวัตกรรมรำแคนแทนกินยา NSAIDs เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการทำงานในลักษณะIndividual, Node, Network : INNคือการทำงานที่ประยุกต์จากการสร้างสุขภาพของคนเป่าแคนไปสู่การรำแคนเป็นกลุ่ม ขณะเดียวกันก็เป็นกิจกรรมที่เป็นลักษณะเครือข่ายคือการเชื่อมโยงและนำแนวคิดกิจกรรมรำแคนจากชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลบ้านลาดขยายผลไปยังชมรมผู้สูงอายุตำบลห้วยลึก (PCU ห้วยลึก) และขยายผลต่อไปยังชมรมผู้สูงอายุตำบลห้วยข้อง (PCU ห้วยข้อง) ซึ่งเป็น PCU ในเครือข่ายของโรงพยาบาลบ้านลาด (CUP บ้านลาด)
11. นวัตกรรมรำแคนแทนกินยา NSAIDs ทำให้ PCUในโรงพยาบาลบ้านลาดได้ทำงานวิจัยเล็กๆ (Mini Research) ในลักษณะทำงานประจำให้เป็นงานวิจัย (Routine to Research : R2R) ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ (Knowledge) ทำให้เกิดการแรกเปลี่ยนเรียนรู้กับ PCU อื่น ๆ (Share Idea) นำไปสู่การเกิดแนวคิด/วิธีการใหม่ ๆ (Innovation)
12. นวัตกรรมรำแคนแทนกินยา NSAIDs เป็นกิจกรรมที่ทำให้ PCU ในโรงพยาบาลบ้านลาดเกิดการเรียนรู้ที่ได้นำวัฒนธรรมพื้นบ้านมาประยุกต์ในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยง (Risk) สามารถลด ความเสี่ยงของกลุ่มเสี่ยง และทำให้ PCU เป็นองค์กร/หน่วยงานที่ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย (Safety Culture) เป็นวัฒนธรรมคุณภาพ (Quality Culture) และเป็นหน่วยงานแห่งการเรียนรู้(Learning Organization)
อัตราการใช้ยา : จำนวนการรักษา ปี 2550 |
37.53 |
อัตราการใช้ยา : จำนวนการรักษา ปี 2551 |
12.66 |
ภาพรวมการเปรียบเทียบร้อยละของการใช้ยา NSAIDs ปี 2550 และปี 2551
ไม่มีความเห็น