เมื่อตอนหัวค่ำ นั่งคุยกับพ่อ(พ่อเขียน) ได้เล่าถึงเรื่องการไปฟาร์มตัวอย่างฯในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พ่อบอกว่าพ่อไม่ค่อยได้เข้าไป และถามถึงว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง ดิฉันจึงเล่าเรื่องที่ไปพบเห็นให้ท่านฟัง และเปิดประเด็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับท่านหลายเรื่อง ทำให้พบสิ่งที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่งที่สะท้อนถึงการมองสิ่งต่างๆ ตามการเป็นผู้มีปัญญาและประสบการณ์อย่างลุ่มลึก
มีเรื่องหนึ่งที่ดิฉันสงสัยและไม่เคยไปแลสิ่งเป็นๆ คือ ต้นยางพาราและการกรีดยางพารา ในฟาร์มก็มีส่วนที่เป็นปลูกยาง ดิฉันจึงเลือกที่จะลงไปดูและสังเกต พร้อมกับเกิดความสงสัย จึงนำกลับมาเล่าให้พ่อฟังพร้อมกับถามถึงความสงสัยในเรื่องนั้นด้วย พ่อบอกว่าพ่อไม่เคยทำสวนยางหรอกเพราะฐานครอบครัวพ่อมาจากการค้าขาย หากแต่พ่อก็มีมุมมองต่อเรื่องนี้ที่ทำให้ดิฉันทึ่งกับกระบวนการคิดที่เป็นเหตุและเป็นผลของท่าน ซึ่งข้อเท็จจริงของคนทำสวนยางนั้นเป็นอย่างไรเราก็ไม่ทราบ
แต่สิ่งที่พ่อ ลปรร. ด้วยก็คือ ความเป็นเหตุเป็นผลที่ควรเป็น ดิฉันถามท่านว่า "ทำไมเขาจึงกรีดยางเป็นรอยเฉียง" พ่อบอกว่า "เพราะเมื่อเราตัดเป็นรอยเฉียงนั้นเป็นการตัดที่ท่อยาง และการตัดเฉียงทำให้น้ำยางไหลลงมาสะดวก ไม่เลอะและไม่ไหลสะเปะสะปะทิ้งไปเสียเปล่า และหากตัดขวางก็จะทำให้ได้ปริมาณน้ำยางน้อยกว่าเพราะไม่ไหลไปในแนวเดียว" ดิฉันจึงถามท่านต่อไปอีกว่าแล้วทำไมจึงกรีดจากบนลงล่าง ท่านก็อธิบายว่า การที่กรีดจากบนลงล่างนั้นมีผลต่อลักษณะการไหลของน้ำยาง เพราะหากกรีดจากล่างขึ้นบนรอยที่กรีดไปก่อนหน้าก็จะทำให้น้ำยางไหลไม่เป็นไปในแนวเดียวกัน"...และเมื่อถามท่านต่อไปอีกว่า "แล้วเราควรจะเริ่มระดับความสูงเท่าไรจึงจะเหมาะสม" ลูกชายของท่านอยากมีส่วนร่วมบ้างจึงร่วมวงมา ลปรร. และชิงตอบก่อนพ่อว่า "ยึดเอาตามความสูงของคนกรีดเป็นหลัก"...พ่อและดิฉันก็นิ่งเงียบไปเพราะไม่แน่ใจว่า..ใช่หรือเป็นมุข...หากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าดิฉันไม่มีสิทธิ์กรีดตรงส่วนสูงๆ เพราะเอื้อมไม่ถึง คงกรีดได้เพียงแค่ระดับต่ำแล้วจะได้น้ำยางเยอะไหมนี่ หากต้องได้ไปกรีดจริงๆ...
คุณ"ขจิต"
เราคงพอๆกันนะคะ...ความสูงต่างกันไม่มากนัก...เสียดายมากเลยคะที่ไม่ได้ลองกรีดยาง เพราะทราบว่าต้องตื่นแต่เช้ามืด..จัดว่าเป็นความยากของดิฉันที่จะตื่นได้..แต่หากเปลี่ยนเป็นไม่นอนแล้วรอไปกรีดนี่น่าจะเป็นได้และง่ายกว่าคะ...แต่ว่าจะไปกรีดที่ไหนดีล่ะคะ