ขออัญเชิญ กระแสพระราชดำริ ล้นเกล้า รัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2417
เกี่ยวกับการเลิกทาส และ การศึกษา
“.................ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าทาส ซึ่งเกิดในเรือนเบี้ย ตั้งแต่ออกจากท้องพอลืมตา
ก็ต้องนับเป็นทาสมีค่าตัวไปจนถึง 100 ปี ก็ยังไม่หมด ดังนี้ดูเป็นหามีความกรุณา
แก่ลูกทาสไม่ ด้วยตัวเด็กที่เกิดมาไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็นสิ่งไรเลย บิดามารดาทำชั่ว
ไปขายตัวท่านแล้ว ยังพาบุตรไปให้เป็นทาสจนสิ้นชีวิตอีกเล่าเพราะรับโทษทุกข์
ของบิดามารดาเท่านั้นเองหาควรจะเอาเป็นทาสจนตลอดชีวิตไม่ แต่ครั้งนี้
จะให้เลิกถอนหลุดพ้นค่าตัวเสียทีเดียว ถ้านายเงินที่ไม่มีเมตตากรุณาแก่เด็ก
ก็จะไม่เอาเป็นธุระให้มารดาเลี้ยงรักษาเพราะเด็กเกิดมาไม่เป็นคุณเป็นประโยชน์
แก่ตน ก็จะเอามารดาไปใช้งานของตัวมิให้เลี้ยงเด็กเด็กก็จะเป็นอันตรายตายไป
เพราะนายเงินไม่มีเมตตากรุณา จึงคิดเห็นว่าถ้าจะไม่ให้เป็นประโยชน์แก่นายเงิน
เสียบ้าง นายเงินก็จะไม่มีเมตตากรุณาแก่เด็ก ถ้าจะตัดลงให้มีเวลาพอจะหลุดพ้นได้
บ้างเห็นว่าจะเป็นการดี บางทีจะรอดจากทาสไปได้ เด็กลูกทาสอายุตั้งแต่ 8 ปีไป
นายได้ขออาศัย ขอน้ำ ขอไฟได้ ควรจะคิดเอาอายุ 8 ปี เติมค่าตั้งแต่พ้น 8 ปีไป
ให้นายมีความกรุณาลดเกษียณอายุให้ลูกทาสจนถึง 21 ปี เป็นสิ้นค่าเกษียณอายุ
พอจะได้ไปทำการอุปสมบทและคิดทำมาหากินต่อไป ถ้าเป็นหญิงจะได้มีลูกมีผัว
ปตามกาล.....เพราะอายุตั้งแต่ 9 ปี นายได้ใช้สอยมาจนถึงอายุ 20 ปี ก็เห็นว่า
พอแก่กำไรอยู่แล้วเพราะลูกทาสนี้คิดเอาเป็นกำไรเปล่าๆ ไม่มีสารกรมธรรม์
เสียเงินเสียทองสิ่งใดไปเลย เมื่อใช้ไปจนครบ 20 ปี ก็ให้ปล่อยเสียอย่าให้กดขี่
ลูกทาสไว้ใช้สอยต่อไป เห็นว่า ถ้าเผื่อลูกทาสมันจะดีบ้างก็พอจะถอนตัวได้
ถึงนายเล่าก็ไม่เป็นความเดือดร้อนสิ่งไรมากนัก เพราะเป็นการได้เปล่าเสียเปล่า....
ท่านผู้ใดซึ่งได้เห็นคำปรึกษาที่ว่านี้ ยังจะมีการขัดข้องอยู่กับพระราชกำหนด
กฎหมายเก่าใหม่และธรรมเนียมบ้านเมืองประการใด หรือเป็นการเดือดร้อน
กับเจ้าเงินและตัวทาส ซึ่งจะมีอย่างไรในปัจจุบันและต่อไปข้างหน้า ก็ขอให้คิดดู
ตลอดด้วยเพราะการเรื่องทาสนี้เกี่ยวข้องอยู่ในพระราชกำหนดกฎหมายและทั่วไป
ในคนทั้งปวงมากซึ่งคนเดียวจะคิดไปให้แลเห็นตลอดนั้นไม่ได้ ถ้าท่านทั้งปวง
เห็นการสิ่งไรซึ่งยังขัดข้องจะเป็นเหตุในปัจจุบันหรือภายหน้า ก็ขอให้ท่าน
เรียบเรียงเนื้อความข้อนั้นมา จะได้ปรึกษาแก้ไขกันต่อไปว่าการนี้จะไปติดอยู่
เพียงไร ก็จะต้องทำไปไม่ได้ ถ้าการควรจะให้ตลอดไปได้ก็จะได้จัดการ
ให้ตลอดไปตามการที่ควร...
...อนึ่งการซึ่งได้คิดมานี้ ถ้าสำเร็จไปได้ ข้าพเจ้าก็คิดเห็นอยู่ว่ามีการอีกอย่างหนึ่ง
ที่ควรจะจัดขอให้เป็นการช่วยลูกทาสให้พ้นจากเป็นทาสได้จริงๆบ้าง
เพราะลูกทาสนี้ แต่เล็กมาก็ได้ให้นายใช้อยู่จนโต ไม่ได้ร่ำเรียนวิชาการสิ่งใด
ฝึกหัดชำนาญอยู่แต่ในการที่จะเป็นทาสปฏิบัตินาย ไม่ได้รู้ในการทำมาหากิน
สิ่งไรมาก ถ้าเวลาว่างก็เล่นเบี้ยมาแต่เล็กจนโต นิสัยของทาสอบรมตัว
แน่นหนาจนเป็นที่มีความสุขสบาย ดีกว่าจะไปหากินอย่างอื่น ถึงจะ
ออกจากทาสจริงๆเล่าก็ไม่มีวิชาที่จะพาตัวให้ดีก็ควรกลับมาเป็นทาส
เรื่อยไป เห็นว่าการโรงเรียนหนังสือที่ในเมืองนี้ ควรจะให้มีขึ้นได้จริงๆ
สักแห่งหนึ่งเหมือนโรงงาน พระเจ้าแผ่นดินซึ่งโปรดให้สอนหนังสือ
มาแต่ก่อนนั้น ก็ได้รู้หนังสือกันมากคน.........ถ้าคนรู้หนังสือแล้ว
ขุนน้ำขุนนางก็อยากจะหาใช้มาก ถึงจะหากินการจ้างก็ได้ คนที่
รู้หนังสือจะเป็นทาสตรากตรำอยู่ก็น้อยตัว จึงเห็นว่า การหนังสือนี้
จะช่วยพาทาสให้เป็นไทยได้จริงๆ ถ้าลูกทาสจะหลุดค่าตัวดังนี้
แล้วคิดตั้งโรงเรียนขึ้นให้ได้จริงๆ ก็เป็นการช่วยสงเคราะห์อย่างหนึ่ง.............."
( กระแสพระราชดำริ ล้นเกล้า รัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2417 )
ข้อมูลอ้างอิง จาก
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้
สำหรับพระประวัติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สามารถติดตามอ่านได้ในเว็บไซต์ที่จัดรูปแบบไว้อย่างสวยงามน่าอ่านเป็นอย่างยิ่ง ของสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่ง KM 4 us all ค้นหาพบด้วย search engine: www.google.com ค่ะ
ผลงานของราชกาลที่ 5เป็นภาษา อังกฤษ
ปัจจัยที่ส่งผลสำเร็จในการเลิกทาศ
ข้อคิดในการดำลงชีวิต