โครงการเล่านิทาน อ่านหนังสือสานนิสัยรักการอ่านในเด็กปฐมวัย เพื่อให้คุณครูและโรงเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องการเล่านิทาน อ่านหนังสือ และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านในเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ ในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2552 ณ ห้องประชุมใหญ่ โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับมูลนิธิหนังสือเด็ก อุทยานการเรียนรู้ ดำเนินงานโดยนิตยสาร Mother&Care
วิทยากรผู้บรรยาย "เล่านิทานสานนิสัยรักการอ่าน" คือครูหวาน หรืออ.ธิดา พิทักษ์สินสุข กรรมการบริหารฝ่ายวิชาการสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทย และอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตพัฒนา
ครูหวานได้บรรยายประกอบการเล่านิทานปากเปล่า และใช้หนังสือนิทานประกอบ พร้อมทั้งตั้งประเด็นและนำเสนอข้อคิดแก่ครูอนุบาล พอจับใจความและจดบันทึกได้ดังนี้
ครูสามารถเล่านิทานเพื่อปลูกฝังลักษณะนิสัยสำหรับเด็ก/ใช้สอนเด็ก จะทำให้เด็กไม่เกเร ไม่ดื้อ ไม่ซุกซน ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่พึงประสงค์ จะได้ผลดีกว่าให้เด็กฟังครูพูดสั่งสอนโดยตรง
ปัญหาคือครูมักไม่ค่อยใช้วิธีการเล่าปากเปล่า และกำลังเกิดวิกฤต ครูใช้หนังสือในการเล่านิทาน ไม่อย่างนั้นครูเล่าไม่ได้ ข้อแตกต่างของการเล่านิทานและการอ่านนิทานคือ
การเล่านิทานมีบางมุมที่ดีกว่าการอ่านนิทาน
และตั้งข้อสังเกตว่า ชาดกเป็นเรื่องเล่าติดต่อกันมาเรื่อยๆหลายพันปีทำไมยังคงสืบต่อมาได้จนถึึงปัจจุบัน
ครูอนุบาลกำลังทำงานกับชีวิตมนุษย์
การเล่านิทานของ วอลดอฟ เชื่อเรื่องจิตวิญญาณภายในเป็นหัวใจสำคัญท่ามกลางความสงบจากในส่วนการเล่าปากเปล่า
พลังของการเล่านิทาน การเล่านิทานเป็นสื่อที่ทรงพลังเพราะ
คุณค่าของการเล่านิทาน สร้างความตื่นเต้น ประหลาดใจและประทับใจ ให้สัจธรรมและจริยธรรมที่จดจำและใช้ในตลอดชีวิต ทำให้เกิดความผูกพันเป็นพิเศษ
ครูมืออาชีพต้องผลักดันให้พ่อแม่มีการเล่านิทานที่บ้านด้วย
ช่วงบ่าย เสวนารูปแบบใหม่ "ล้อมวงเล่าเรื่องเมืองนิทาน" + work shop ประดิษฐ์สื่อสร้างสรรค์ประกอบการเล่านิทาน วิทยากร คุณ ชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์ฤทธิ์
คุณชัยฤทธิ์ (คุณโม) ได้แนะนำหนังสือนิทานที่ประทับใจในสมัยอดีต หนังสือนิทานที่ดีมีคุณค่า สาธิตวิธีการอ่านนิทาน แนะนำการทำคู่มือเพลง การแต่งเพลง การผลิตสื่อ เน้นไม่เปลือง ไม่แพง สนุก เก็บไว้ใช้ได้อีก
ก่อนกล่าวลาได้ให้คติพจน์ไว้ว่า "ครูทำงานเหนื่อย หนัก ไม่มีใครให้กำลังใจ เราต้องให้กำลังใจตนเอง"
ก่อนกลับต้องนำแบบประเมินไปแลกของที่ระลึก คือ นิตยสารMother&Care และหนังสือการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ตามแนวคิดไฮสโคป
สิ่งที่น่าติดตามแผ่นพับโครงการหนังสือเล่มแรก ของมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก www.thaibby.in.th /E-mail : [email protected]
ครูปฐมวัยควรเข้ามาอ่านบันทึกนี้ครับ ... ถือเป็นการพัฒนาวงการปฐมวัยได้ดีมาก ๆ ครับ
ขอบคุณครับ ;)
อ.วสวัตคะ ถึงแม้ครูรสจะเป็นครูปฐมวัยแต่ก็ต้องพยายามติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับปฐมวัย ซึ่งข่าวสารต่างๆ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก บางทีความเชื่อ ความเข้าใจเดิมๆของเราอาจไม่ใช่ตามที่เราคิดไว้ก็ได้ค่ะ
ครูรส
สวัสดีค่ะครูรสมาเยี่ยมอ่านตามที่ อ.วสวัตแนะนำดีมากๆจะนำไปใช้สอนลูกๆนะค่ะ
ครูรส
ยอมรับว่าได้ความรู้ และไอเดียใหม่ ๆ จากครูรสมากจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอความกรุณาส่งรูป ฉีก ตัด ปะ และภาพปั้นดินน้ำมันที่ชนะเลิศมาให้ดูทางเมลล์ด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณครูสุดสวาท
ยินดี จะจัดให้ค่ะ แต่ขอเวลาค้นหาภาพก่อนนะคะ เพราะว่าไฟล์เดิมที่ขึ้นให้ไว้ถูกลบไปแล้ว
ขอบคุณนะคะที่ใช้บริการ
ครูรส
อ้าว รูปหายครับ 555 ;)...
สวัสดีค่ะ กันเป็นครูปฐมวัยเหมือนกันอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ซึ่งกำลังสนใจอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเล่านิทานให้เด็กฟัง
ขอบคุณนะคะ คุณครูกรร
อยากได้โครงการการเขียนโครงการเต็มรูปแบบครูรสกรุณาส่งมาให้ตามเมล์นี้ได้ไม๊คะ กำลังจะทำโครงการเกี่ยวกับนิทานอยู่คะ
สวัสดีค่ะคุณครูชมพู่
อยากได้โครงการประมาณไหนค่ะจะได้ให้ข้อเสนอแนะได้ตรงประเด็น แจ้งมาทางเมล์ก็ได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
อยากได้โครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านขอความกรุณาคุณครูช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ
สวัสดีค่ะคุณไพลิน พุฒกำพร้า
ครูรสได้สรุปข้อมูลต่าง ๆไว้ที่ ผลงานวิชาการ- www.gotoknow.org/blog/kindergardensebject/388656
ลองคลิกเข้าไปอ่านดูนะคะ