ตอนนี้เราจะเห็นได้ว่ามีร้านค้าบริษัทของชาวต่างชาติ อย่างเช่น Big C, Tesco Lotus หรือของเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามา เช่น 7-Eleven จริง ๆ แล้ว เวลาเราทำอะไรมันมีผลที่ตามมา อย่างถ้าเราเลือกที่จะซื้อน้ำผลไม้ปั่น 15 บาทของแม่ค้าเล็ก ๆ คนหนึ่ง แทนที่จะซื้อน้ำชาเขียว 20 บาทในร้าน 7-Eleven หรือเลือกที่จะซื้อเค้กกล้วยหอมเล็ก ๆ ถุงละ 10 บาท แทนที่จะซื้อขนมใส่ซองของบริษัทใหญ่ ๆ ระดับนานาชาติ นั่นก็หมายความว่าเราได้ช่วยคนจนทางอ้อม หรือช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน อีกทั้งช่วยประหยัดเงินของตนเองด้วย
จริงอยู่ที่ว่าเวลาเราไปร้าน 7-Eleven ก็จะมีความสะดวกซื้อ ความสบาย แต่เราก็คงต้องหยุดคิดสักนิดถึงผลที่ตามมาที่จะกระทบกับคนอื่น การกระทำของเรามักมีผลกระทบต่อคนอื่นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้น เราก็คงต้องพยายามระมัดระวังการกระทำของเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลา การใช้เงิน ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิทธิ์ของเราก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ข้าพเจ้าจะไม่เข้า 7-Eleven เลย ถ้าหยุดรถที่ปั้มแล้วมีแต่ร้าน 7-Eleven ที่เปิด ก็คงต้องเข้าร้าน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะต้องดูสถานการณ์ด้วย เพียงแต่ว่าถ้าเราเลือกได้ เราควรจะเลือกที่จะช่วยคนจนมากกว่าคิดถึงแต่ความสะดวกสบายของตนเอง
ในเรื่องของการใช้เวลา ถ้าหากเราใช้เวลาในการหาความรู้เพิ่มเติม หรือทำประโยชน์ให้กับคนอื่น แทนที่จะดูทีวีทั้งวัน หรือพักผ่อนจำนวนหลายชั่วโมงทุกวัน ตัวเราเองก็จะมีคุณค่ากับคนอื่นมากขึ้น