Story Telling เวทีเสวนาแลกเปลียนความรู้ปฏิบัติ "คุณเอื้อ"


ดิฉันได้รับเชิญจาก สคส. เพื่อมาเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ปฏิบัติ คุณเอื้อ  ศูนย์ฝึกอบรมงานอภิบาล   บ้านผู้หว่าน   .สามพราน. นครปฐม ใกล้ๆกับสวนสามพราน

 

ผู้เข้าร่วมเสวนาที่รู้จักคือ หมอนันทา  อ่วมกุล เพื่อนดิฉัน   นอกจากนั้นจะเป็นคนที่รู้จักผ่านทาง blogซึ่งมีทั้งภาคราชการ เอกชน NGO และเจ้าหน้าที่ของสคสอาจารย์น..วิจารณ์ พานิชและอาจารย์ ดร. ประพนธ์  ผาสุขยืด

 

ในภาคเช้าอาจารย์วิจารณ์จะกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเสวนา   ต่อมามีการแนะนำตัวโดยการเขียนชื่อเล่นและให้เราไปตามหา   หลังจากนั้นก็เล่าถึงความสำเร็จพร้อมสกัดขุมความรู้ และแก่นความรู้โดยมีการแบ่งกลุ่มและ ลปรร กัน   กลางคืนมีกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์โดยวิทยากรจะนำลักษณะของคนซึ่งมี4ลักษณะคือ  กระทิง หนู หมี  และเหยี่ยว และอธิบายว่าทำไมถึงเลือกเพื่อให้รู้จักตนเองมากขึ้น      หลังจากนั้นอาจารย์ประพนธ์ฉาย slide เกี่ยวกับความรู้ทางด้านเต๋า      ความรู้ที่ให้คล้ายๆธรรมมะทางพุทธเช่น   ทำเหมือนไม่ทำซึ่งดิฉันไม่ค่อยเข้าใจมากนัก    วันรุ่งขึ้นมีการทำแผนขับเคลื่อนชุมชนคุณเอื้อและจบด้วยAARและปิดการเสวนา

 

สิ่งที่คาดหวัง
     ได้เรียนรู้เครื่องมือ KM

สิ่งที่ได้มา

 

     ได้เรียนรู้จากคุณเอื้อทั้งจากภาครัฐและเอกชน

 

ทำไมถึงแตกต่าง

 

     มีเวลาคุยกันน้อยและคนที่มาดิฉันไม่ได้ศึกษามาก่อนถึงผลงานของท่าน

 

จะมาทำอะไร

 

     สร้างคุณเอื้อในสถาบันให้มากขึ้น

 

     พัฒนาระบบไอทีโดยใช้KM

 

     หา Quick   win

 

     สนับสนุนกลุ่ม สนับสนุนบริการ

 

     ตั้ง call center ที่สามารถตอบผู้รับบริการได้มาตรฐานเดียวกัน

 

     คนไปประชุมแล้วควรมาแลกเปลี่ยนและเสนอแผน

 

     มี internal  benchmarking

 

     มีการจัดเวทีคุณภาพและรวบรวมเนื้อหา

 

     มีการแข่งกีฬาระยะยาว

 

     มีการทำKM และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกบ่ายวันศุกร์    คนเข้าอย่างน้อย10ครั้งต่อปี

 

     มีการทำ  People    mapping

 

     มีการทำAAR หลังทำกิจกรรมประจำวัน

 

ความประทับใจ    

 

     อาจารย์ประพนธ์สรุปประเด็นได้เร็วมากและน้องที่สคส.ก็สามารถทำหน้าที่คุณลิขิตได้ดี

 

     คุณหมอประเทืองจากโรงพยาบาลตาคลีเสนอผลงานทาง KM เป็นที่น่าสนใจ   มีการ ลปรร.และเป็นตัวอย่างของคุณเอื้อของดิฉัน(แอบ copy and developement มาแล้ว)

     คุณสุรเดช  เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่พิจิตรเขียน mind mapได้เก่งมาก

 

    คุณ เรืองศักดิ์จากบริษัทTrue นำเสนอสมกับมืออาชีพทางธุรกิจ   ทำให้ดิฉันอยากจะเข้าไปอ่านใน Pantip.comว่าเป็นชุมชนที่มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก

 

     ท่านอื่นๆดิฉันไม่ค่อยมีโอกาศคุยกันมากนักค่ะโดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยและน้องจากโรงพยาบาลศิริราช

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 28188เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2006 08:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เรียนอาจารย์หมออัจฉราที่นับถือ

      ในวันเสวนาที่บ้านผู้หว่าน ดิฉันยังจำได้ดีว่า อาจารย์พูดถึงผลดี ผลเสียของการ ชื่นชมผู้ที่ทำดี

      ข้อเสียอันอาจเกิดขึ้น คือความอิจฉา ดิฉันก็ติดใจในข้อนี้มากค่ะว่า ผู้บริหารจะทำอย่างไรดี ?

     ดิฉัน มีข้อความหนึ่งจากพระไตรปิฎกเก็บไว้ เกี่ยวกับเรื่อง การตำหนิ และการยกยอ อ่านเข้าใจยากมากค่ะ  อาจารย์ป๋องน่าจะอธิบายได้ดี หรือไม่ก็อาจารย์ประพนธ์  เพราะภาษาคล้ายทางเต๋า ดังนี้

076 การตำหนิและการยกยอ

ปัญหา

พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักในการตำหนิ หรือให้การยกยอบุคคลอื่นไว้อย่างไรหรือไม่ ?

พุทธดำรัสตอบ

ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงรู้การยกยอและการตำหนิ ครั้นรู้แล้ว ไม่พึงยกยอ ไม่พึงตำหนิ พึงแสดงแต่ธรรมเท่านั้น นั่นเราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ?

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร เป็นการยกยอ เป็นการตำหนิ และไม่เป็นการแสดงธรรม ? คือ เมื่อกล่าวว่า ชนเหล่าใด กระทำการประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุขสืบเนื่องมาแต่กามอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ชนเหล่านั้นทั้งหมด มีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ มีความเร่าร้อน เป็นผู้ปฏิบัติผิด ดังนี้  ชื่อว่าตำหนิชนพวกหนึ่ง

“เมื่อกล่าวว่า ชนเหล่าใด ไม่กระทำการประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุขสืบเนื่องมาแต่กามอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ชนเหล่านั้นทั้งหมด ไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อน เป็นผู้ปฏิบัติชอบดังนี้ ชื่อว่ายกยอคนพวกหนึ่ง

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลเป็นการยกยอ เป็นการตำหนิ และไม่เป็นการแสดงธรรม

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร ไม่เป็นการยกยอ ไม่เป็นการตำหนิ เป็นการแสดงธรรมแท้ ? คือ ไม่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดกระทำการประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัส...... ชนเหล่านั้นทั้งหมดมีทุกข์...... กล่าวอยู่ว่า อันความตามประกอบนี้แล เป็นธรรมมีทุกข์..... ดังนี้ เชื่อว่าแสดงแต่ธรรมเท่านั้น

“ไม่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดไม่กระทำการตามประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัส ของคนที่มีความสุขสืบเนื่องมาแต่กาม..... ชนเหล่านั้นทั้งหมด ไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อนใจ เป็นผู้ปฏิบัติชอบ..... อย่างนี้แล ไม่เป็นการยกยอ ไม่เป็นการตำหนิ เป็นการแสดงธรรมแท้.....


อรณวิภังคสูตร อุ. ม. (๖๕๗-๖๕๘)
ตบ. ๑๔ : ๔๒๕-๔๒๗ ตท. ๑๔ : ๓๖๒-๓๖๔
ตอ. MLS. III : ๒๗๙-๒๘๐

ดิฉันเสียดายโอกาส ที่ไม่ได้สนทนาธรรมกับอาจารย์  ทราบว่าที่โต๊ะรับประทานอาหาร อาจารย์มีเรื่องแลกเปลี่ยนทางด้านนี้ดีดีมากมายเช่นกัน

 

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ   อาจารย์เก่งทั้งทางโลกและทางธรรมเลยค่ะ

เยี่ยมเลยครับ พวกเราชาว KFC(oP)บ้านผู้หว่าน๒ จะได้ประสานต่อได้ครับ

http://gotoknow.org/kfc-baanphuwann2

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท