จากผลพวงของการจัดเวทีสาธารณะ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 รายละเอียดตามบันทึก การปฏิรูปการเมืองกับบทบาทเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ ในตอนท้ายเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพภาคใต้ที่เข้าร่วมประชุมในวันนั้น ก็ได้ร่วมกันออกประกาศเจตนารมย์เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพภาคใต้ ต่อการปฏิรูปการเมือง โดยมีใจความดังนี้...
จากวิกฤตการณ์ทางการเมืองจนนำมาสู่วิกฤตชาติตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
แม้บัดนี้ดูเหมือนว่าวิกฤตจะคลี่คลายไปสู่ทิศทางแห่งความหวัง แต่ก็ยังมีความน่าเป็นห่วงอยู่อีกหลายประเด็น
ในช่วงเวลาปัจจุบันจึง
เป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งการการขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่ความอภิวัฒน์
เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพภาคใต้
ซึ่งเป็นองค์กรแนวราบที่เป็นที่รวมตัวของวิชาชีพแพทย์ ทันตแพทย์
เภสัชกร พยาบาล หมออนามัย
และสหเวชศาสตร์ที่ปฏิบัติงานในภาคใต้
ได้ประชุมร่วมกันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และมีเจตนารมณ์ต่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมืองดังนี้
1. ระบบสุขภาพเป็นระบบที่มีความกว้างขวางและใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญต่อประชาชนในสังคม ปัจจุบันนิยามของสุขภาวะหมายความกว้างถึงทั้งทางกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ ระบบการเมืองเป็นระบบที่มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตประชาชน ดังนั้นระบบการเมืองที่มีศีลธรรมเป็นความหวังของสังคมไทย การเมืองที่มีปัญหาเพราะขาดศีลธรรมหรือขาดปัญญาย่อมจะนำมาซึ่งปัญหาสังคมที่กระทบต่อสุขภาวะของคนทั้งประเทศ ดังนั้นวิชาชีพสุขภาพต้องก้าวข้ามมิติการทำงานด้านการสาธารณสุขมาสู่การทำงานเพื่อร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมือง ให้เกิดระบบการเมืองที่ดี เป็นระบบที่มีศีลธรรมและปัญญา ซึ่งจะสร้างสุขภาวะให้กับคนไทยทุกคนได้อย่างมาก
2.
สำหรับการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองในระยะเฉพาะหน้า
2.1
เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพภาคใต้ขอเรียกร้องต่อทุกพรรคการเมืองให้นำเสนอนโยบายในการปฏิรูปการเมืองและนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะที่ชัดเจน
เพื่อให้ประชาชนเลือกและเป็นสัญญาประชาคมที่ต้องผลักดันต่อไป
2.2
สังคมไทยต้องการกลไกการเลือกตั้งที่มีความบริสุทธิ์
ถูกต้องและเป็นธรรม ปราศจากอำนาจทุนและอำนาจรัฐครอบงำ
ซึ่งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
จะเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดในการปฏิรูปการเมืองครั้งสำคัญของประเทศไทย
เสนอให้มีกลไกการตรวจสอบจากคณะกรรมการอิสระที่เป็นที่เชื่อถือของสังคมไทย
ในการช่วยตรวจสอบกระบวนการในการจัดการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นการจัดการเลือกตั้งของกกต.ชุดใดก็ตาม
3.
สำหรับการปฏิรูปการเมืองในระยะต่อมานั้น
3.1
เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพภาคใต้ต้องการเห็นระบบการเมืองที่สามารถป้องกันอำนาจทุนขนาดใหญ่ในการครอบงำภาคการเมืองและองค์กรอิสระ
ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของการปฏิรูปการเมืองในครั้งนี้
เสนอให้มีการแก้ไขให้มีการถ่วงดุลอำนาจในการบริหารประเทศให้มีการเมืองภาคพลเมือง
เพื่อการกำกับและการตรวจสอบ ภาคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
3.2
เมื่อมีรัฐบาลใหม่
ขอให้มีการการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการแสวงหาความจริงและสมานฉันท์ที่สังคมยอมรับ
เพื่อสะสางตรวจสอบข้อกล่าวหาหรือข้อสงสัยทุกกรณีต่อประเด็นที่ไม่มีคำตอบจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ในความถูกผิดในอดีตและเกิดความสมานฉันท์ในสังคมไทย
3.3
สังคมไทยต้องมีกลไกการสื่อสารสาธารณะที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง เพื่อเผยแพร่ความจริง
ให้การสื่อสารความจริงและความดีต่างๆในสังคม
เป็นเครื่องมือในการสร้างชาติสร้างประชาธิปไตย
โดยการมีการตั้งคณะกรรมการอิสระที่มาดูแลและบริหารจัดการการสื่อสารที่เป็นอิสระและสาธารณะ
และต้องระบุให้เป็นกลไกอิสระสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้น
4. วิชาชีพด้านสุขภาพที่กระจายอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยทั้งในเมืองและในชนบท มีหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการเมืองภาคประชาชน เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่การเลือกตั้ง การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น จะเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งของประชาธิปไตย ซึ่งภาคสาธารณสุขสามารถเข้าไปสนับสนุน ร่วมขับเคลื่อนกับภาคส่วนอื่นให้การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้นมาเคียงคู่การเมืองภาคผู้แทน ด้วยการร่วมกันทำงานเป็นเครือข่าย เชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารสู่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพภาคใต้
9 พฤษภาคม 2549
ณ ห้องประชุมทองจันทร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มอ.
แวะมาดูว่าที่นี่คุยอะไรกัน ดีจังทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ร่วมกันทำสิ่งดีดี
Dr.Ka-poom
ขอบคุณครับที่ให้กำลังใจ... เสมอ ๆ
คุณ RR
ขอบคุณอีกคนด้วยครับ...ด้วยความเคารพ
คุณวีระยุทธ (สิงห์ป่าสัก)
ทุกเรื่องเชื่อมโยงกัน อันนำไปสู่ความเชื่อที่ว่า "ชาวบ้านก็มีปัญญา คิดเอง ทำเองได้" แต่เราผู้ที่ได้รับโอกาสแล้ว ได้แบ่งปันโอกาสไปให้ถึงชาวบ้านในชุมชนชายขอบบ้างไหม? เป็นคำถามที่ผมและทีมงาน มุ่งมั่นเพื่อแบ่งปันโอกาสให้เขาเหล่านี้ได้รับการยอมรับจากสังคมที่ยึดถือ/เคารพกันแต่การศึกษาในระบบ (ที่ผิดทิศ) บ้าง --> ชุมชนจะเข้มแข็ง สิ่งแรกคือคนนอกต้องยอมรับในศักยภาพที่เขามีก่อน ไม่ใช่เอาของเราไปใส่ให้เลย โดยไม่ฟังเขา...ก่อน
อ.วิรัตน์ ครับ
ในนามส่วนหนึ่งของคณะผู้ก่อการดีและผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เรารู้สึกต้องกราบขอบพระคุณ ศ.นพ.ประเวศ วะสี และ อ.แก้วสรร อติโพธิ ที่เติมเต็มให้ โดยที่ท่านทั้ง 2 ไม่ได้ชี้นำตั้งแต่ต้น (ยกร่างตั้งแต่ในช่วงเช้า และเติมเต็มในช่วงบ่าย) การประกาศฯ ครั้งนี้จึงดูเหมือนว่าจะได้รับการยอมรับจากเครือข่ายสูงมาก...เป็นข้อสังเกตที่ผมจับได้ในเวทีครับ