ใช้ KM จัดการองค์กร


สักหนหนึ่ง กับการเอา km มาใช้เป็นเครื่องมือในการทบทวนการทำงานขององค์กร

จากบันทึกครั้งล่าสุดที่ได้บอกไว้ว่า ณ ปัจจุบัน ข้าวขวัญเองได้มีโอกาสได้ถ่ายทอดเครื่องมือ KM ให้กับกัลยาณมิตรอันหลากหลายที่มาเยี่ยมเยือนเรานับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา  จะเรียกว่าเป็นฤดูกาลของการแชร์ประสบการณ์ก็ว่าได้ พวกเราทั้งทีม 10 ชีวิต ก็มานั่งสรุปชีวิตของตนเองกันอีกหน โดยเฉพาะที่ผ่านมากับการทำงานชนิดที่ว่าหัวแทบไมได้วาง หางแทบไม่ได้เว้น เล่นเอาผ้าผ่อนแทบไม่ได้ซักกัน ครอบครัวแทบจะเจอหน้ากันน้อยลงเลยทีเดียว เรามานั่งคุยกันว่า เราต้องให้เวลาหยุดและกลับมาทบทวนชีวิตของตัวเองกันอีกหน เพราะโดยความเป็นจริงบุคลากรของข้าวขวัญ เรามีภาพของความผูกพันกันยิ่งกว่าครอบครัวอยู่แล้ว จะสรุปกันง่ายๆเข้าว่ามันก็กระไรอยู่ ไหนๆก็ได้ใช้ KM เป็นเครื่องมือในการทำงานกับนักเรียนชาวนาอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ลองนำมันมาใช้กับการสรุปภาพการทำงานกันดูบ้าง ขอบอกว่ามันคือครั้งแรกของการนำเอา KM มาใช้กับการทบทวนองค์กรกันจริงๆ โดยเราเริ่มจากกำหนดช่วงเวลาว่า 3 วันน่าจะพอแล้ว แผนการออกมาชัดเจนว่าเราจะทำอะไรบ้างใน 3 วันนี้ ก็เข้าใจว่าไม่น่าที่จะมีอะไรยุ่งยากกับการพูดคุยกัน เราเริ่มกันตั้งแต่วันแรก ที่เอาปัญหาของพวกเรามาแชร์กัน เจ้าหน้าที่ข้าวขวัญ 10 คน แต่ละคนก็จะมีบทบาทหน้าที่เนื้องานที่เหมือนและแตกต่างกัน วันนี้เราต่างขนปัญหาที่อัดแน่น ซึ่งมันเป็นปัญหาทั้งเรื่องงานและส่วนตัวมาถ่ายเทออกแบบไม่ต้องแทงกั๊กกัน แค่ปัญหาก็ปาเข้าไป 1 วันเต็มๆ จัดหมวดหมู่ของปัญหาที่คล้ายคลึงกันรวมกันไว้ ได้หมวดปัญหา 3 หมวดที่เก่ยวข้องกับ คน/ระบบการทำงาน/การจัดการทรัพยากรภายในองค์กร  3 หมวดที่ว่านี่ ต่างก็มีปัญหาย่อยที่ไม่ใช่ย่อยเลยเชียวล่ะ เพราะปัญหาที่ผุดขึ้นมา พวกเราต้องมานั่งอภิปรายกันว่า มีสาเหตุมาจากอะไรด้วย ฉะนั้น แค่ในวันแรก ประเด็นของปัญหาก็อภิปรายไม่รู้จบกันแล้ว เรามาต่อกันวันที่ 2 ครานี้ เอาตัวปัญหาตั้ง และมาวิเคราะห์กันว่า ปัญหาใดที่ต้องแก้ไขแบบเร่งด่วน เรามีการโหวตคะแนนให้กับปัญหาที่ต้องเร่งแก้ สรุแปล้ว เราให้น้ำหนักกับเรื่องคนก่อน เพราะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในองค์กรขึ้นมาจริงๆให้ได้ และตั้งเป้าหมายกันดูว่า เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างไร คราวนี้ ความฝัน แรงบันดาลใจ ก็เกิดขึ้นหลากหลายทีเดียว และแค่เป้าหมายในการพัฒนาองค์กรที่เราวางไว้ ก็ต้องมานั่งคุยกันว่า มีเป้าหมายใดที่สามารถจัดกิจกรรมในการจัดการได้ในช่วงเวลาจริง ภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้ นี่ยังไม่ได้ลงตัวรายละเอียดของกิจกรรม ก็หมดเวลาวันที่ 2 เข้าไปแล้ว พอมาถึงวันที่ 3 ครานี้ พอสามารถกำหนดกิจกรรมที่จะสอดคล้องกับเป้าหมายและให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของพวกเราได้ ก็ยังต้องใช้เวลาในการอภิปรายถึงรายละเอียดและความเป็นไปได้ของกิจกรรมอีก ซึ่งมันมีเยอะเหลือเกินที่เราคิดว่า จะต้องกลับมานั่งเรียงลำดับความสำคัญกันยกใหญ่ การใช้ KM ขององ๕กรในวันที่ 3 ยังติดค้างกันที่การลงรายละเอียดกิจกรรมยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ก็ต้องแบ่งปันเวลาให้กับกัลยาณมิตรของเรา นั่นคือ มูลนิธิสายใยแผ่นดิน (Green Net) นำทีมโดยพี่บุ๊ง และพี่ธวัชชัย โตสิตระกูล  กับอีกหนึ่งองค์กรคือ มูลนิธิพัฒนาชนบทและเพื่อน ( RRAFA) โดยพี่มณฑาวดี  ครุธมีชัย ที่ต้องการขอให้ข้าวขวัญช่วยแชร์ประสบการณ์ KM ให้กับบุคลากรขององค์กรทั้ง 2 ดังนั้น ในช่วงเย็นของวันที่ 3 จำเป็นเหลือเกินที่เราต้องเก็บประเด็นค้างเติ่งของตนเองใส่กระเป๋า และใช้เวลาแชร์กับเพื่อนต่างองค์กร ด้วยเห็นความตั้งใจจริงของพวกเค้า ที่ต้องการให้ข้าวขวัญช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ มีการนัดหมายช่วงเวลาที่ทั้งสององค์กรจะขอแบ่งปันสิ่งดีๆ โดยกำหนดให้มีในช่วงวันที่ 10-12 มิถุนายน สำหรับ Green Net ส่วน KM ของข้าวขวัญ เรานัดเจอกันอีกหน ประมาณอีก 2 อาทิตย์ ข้างหน้า เพราะจากวันนี้ หัวบันไดบ้านเราไม่ได้แห้งเลย ไม่รู้ว่าทำบุญกันมาแต่ชาติปางไหนนะ ใครต่อใครถึงอยากเจอเรากันนัก....เอ๊ะ หรือว่าจะมีพระพรหมมาช่วยลิขิตเส้นทางของพวกเราจริงๆ 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 27921เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2006 14:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท