เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ขณะที่ผมกำลังเปิดกระป๋องมันฝรั่งทอดกรอบเคลือบคาราเมลให้เด็กน้อยคนหนึ่ง ฝากระป๋องซึ่งเป็นโลหะแบบฝาดึงก็ได้บาดมือผมจนเลือดไหล
ปกติเวลาผมทำอะไรก็ต้องคิดว่า Safety First อยู่เสมอ ตามประสาช่าง แต่สี่เท้ายังรู้พลาด คนเราก็ย่อมมีพลั้งเผลอบ้างเป็นธรรมดา ผมเชื่อว่าไม่เพียงแต่ผมคนเดียวที่เคยโดนฝาอาหารกระป๋องแบบฝาดึงบาดมือ ผมเคยเห็นคนใกล้ตัวโดนบาดมาบ้างแล้วเหมือนกัน และเชื่อว่าผู้อ่าน(บางท่าน)ก็คงเคยโดยเช่นกัน
ผู้อ่านบางคนซึ่งอาจรวมถึงผู้ผลิตอาหารกระป๋องคงคิดในใจ "ก็ซุ่มซ่ามเองนี่ ช่วยไม่ได้"
แต่มามองในมุมของ Safety Engineer กันบ้าง ถ้าฝากระป๋องเป็น Foil แทนที่จะเป็นโลหะแข็งล่ะ ไม่ว่าจะเผลอเรอหรือซุ่มซ่ามปานใด มันก็แทบไม่มีทางบาดมือได้เลย
มาเทียบกับการดับเพลิง "ไฟไหม้" ประกอบด้วย เชื้อเพลิง ความร้อน และออกซิเจน ถ้าตัดอย่างใดอย่างหนึ่งออกไป ไฟก็ไม่มีทางไหม้ได้เลย
กรณีนี้ก็เช่นกัน ถ้าเปลี่ยนฝากระป๋องเป็น Foil ซะ ก็น่าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนเปิดกระป๋อง เด็กน้อย หรือ ผู้สูงอายุ หรือคนอื่นก็มีสิทธิถูกบาดมือได้พอๆ กัน
มีอาหารกระป๋องของฝรั่ง 2 ยี่ห้อ เท่าที่นึกออกในตอนนี้ ใช้ฝาดึงแบบ Foil เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่กล่าวมา นอกจากนั้นแล้ว ตัวกระป๋องยังเป็นกระดาษ(ข้างในบุด้วย Foil) เพราะกระดาษสามารถย่อยสลายได้ไม่ยาก จึงไม่เป็นภาระแก่สิ่งแวดล้อมมากนัก หากเจอผู้บริโภคที่มักง่าย ไม่ทิ้งกระป๋องลงถังขยะ ในคน 100 คน จะมีสักกี่คนที่ทิ้งขยะลงถังทุกครั้ง
ไม่ใช่ว่าผมคลั่งไคล้ฝรั่ง แต่เรามองในสิ่งที่ดีของเขา แล้วมาคิดว่า ทำไมบ้านเราถึงไม่มีอย่างนี้บ้างนะ ทำอย่างไรบ้านเราถึงจะมีอย่างนี้บ้างนะ
ฝากการบ้านให้ช่วยกันคิดว่า
หากเราอยากให้สังคมดีขึ้น ก็อย่าละเลยในสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ เพราะหินก้อนน้อยๆ ทรายเม็ดเล็กๆ สามารถนำมาสร้างเป็นตึกใหญ่ๆ สวยๆ ได้ แต่หากเราละเลย ใช้หินที่เปื้อนๆ ทรายที่สกปรก น้ำที่ไม่สะอาดมาผสมกันเป็นคอนกรีต แม้จะสร้างตึกได้ แต่ไม่นานมันก็จะพังลงมา บางที อาจจะพังลงก่อนสร้างเสร็จด้วยซ้า