พระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในสมัยโบราณคงจะเป็นพิธีที่มีความมุ่งหมาย
เพื่อบำรุงขวัญและเตือนให้เริ่มเพาะปลูกพืชผล โดยเฉพาะคือการทำนา
ซึ่งเป็นธัญญาหารหลักสำคัญยิ่งของการดำรงชีวิต ผู้ปกครองหรือผู้เป็นประมุขของประเทศ
เมื่อถึงฤดูกาลที่ควรจะเริ่มลงมือเพาะปลูกพืชผลจึงต้องประกอบกรณียกิจเป็นผู้นำโดยลงมือไถหว่านพืชพันธุ์ธัญญหารเป็นตัวอย่างเพื่อเตือนว่า
ถึงเวลาประกอบการเพาะปลูกตามฤดูกาลแล้ว
ต่อมากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไป ได้มีการพิธีเรียกว่า
จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ซึ่งพราหมณ์ผู้เป็นเจ้าลัทธิส่งเสริมให้มีอำนาจ และความสวัสดีต่าง ๆ
เป็นผู้แนะนำประกอบพิธีตามลัทธิไสยศาสตร์ของพราหมณ์ในพิธีนี้พระมหากษัตริย์
หรือประมุขของประเทศอาจจะทรงมีพระราชภารกิจอื่นจึงโปรด
แต่งตั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดให้ทำแทนพระองค์เรียกว่า
พระยาแรกนา ทำหน้าที่ ไถ หว่าน ธัญญพืช
พระมเหสีหรือชายาที่เคยร่วมการไถ หว่าน ก็เปลี่ยนเป็นจัดให้นางใน
ท้าวนางในราชสำนัก ออกไปทำหน้าที่ หาบกระบุงพันธุ์พืชช่วยพระยาแรกนาไถ
หว่าน เรียกว่า เทพี พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมีมานานนับพัน ๆ
ปี และมีเกือบทุกชาติ เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและสืบต่อมาในสมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ทำในรัชกาลที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นพิธีพราหมณ์ตามแบบ ในสมัยอยุธยาไม่มีพิธีสงฆ์ประกอบ
ครั้นถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชดำริโปรดให้มีพิธีสงฆ์ ทางพระพุทธศาสนาร่วมประกอบในพิธีด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่นำเข้ามาตั้งในมณฑลพิธีแล้วจึงนำไถหว่านในการแรกนาขวัญ เรียกพระราชพิธีในตอนนี้ว่า พืชมงคล เมื่อรวม 2 พิธีแล้วเรียกว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นราชประเพณีสืบมาโดยจัดเป็นงาน 2 วัน วันแรกเป็นพระราชพิธีพืชมงคลซึ่งเป็นพิธีสงฆ์ วันรุ่งขึ้นเป็นพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญซึ่งเป็นพิธีพราหมณ์
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีสิริมงคลเพื่อบำรุงขวัญแก่เกษตรกรจึงเป็นวันที่มีความสำคัญ
โบราณจารย์จึงได้วางหลักเกณฑ์ให้ประกอบพิธีในวันที่ดีที่สุดของแต่ละปี
ประกอบด้วย ขึ้น แรม ฤกษ์ยาม
ให้ได้วันอันเป็นอุดมฤกษ์ตามตำราโหราศาสตร์แต่ต้องอยู่ในระหว่างเดือน
6 โดยที่มีประเพณีต้องหาฤกษ์ตามตำราทางจันทรคติ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจึงไม่ได้กำหนดวันเวลาไว้ตายตัว
ตามปกติแล้ว จะตกอยู่ในระหว่างเดือนพฤษภาคม
การที่ต้องกำหนดให้อยู่ในเดือน 6 ก็เพราะเดือนนี้เริ่มจะเข้าฤดูฝน
เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จะได้เตรียมทำนา
อันเป็นอาชีพหลักสำคัญของชาวไทยมาแต่โบราณ
เมื่อโหรหลวงคำนวนได้วันอุดมมงคลพระฤกษ์ ที่จะประกอบพระพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแล้ว สำนักพระราชวังจะได้ ลงไว้ในปฏิทินหลวงที่พระราชทานในวันขึ้นปีใหม่ทุกปี และได้กำหนดไว้ว่าวันใดเป็นวันพืชมงคล วันใดเป็นวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ วันแรกนาขวัญเป็นสำคัญของชาติ คณะรัฐมนตรีมีมติให้หยุดราชการ 1 วัน และมีประกาศให้ชักธงชาติตามระเบียบทางราชการ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญได้ปฏิบัติเป็นราชประเพณี
ตลอดมาจนถึง พ.ศ. 2479 แล้วได้เว้นว่างไป ต่อมา พ.ศ. 2483
ทางรัฐบาลสั่งให้กำหนดมีการพระราชพิธีเฉพาะแต่พืชมงคลที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ตามราชประเพณีที่เคยปฏิบัติมาพระราชพิธีพืชมงคลเป็นส่วนประกอบเพื่อสิริมงคลแก่พันธุ์พืชสำหรับนำไปใช้ในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
กำหนดงานก่อนวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 1 วัน
มีอ่านประกาศถึงความสำคัญที่จะเริ่มพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ในประกาศนั้นอ้างหลักธรรมทางพุทธศาสนาสมัยพุทธกาลคราวเกิดฝนแล้ง
ด้วยพุทธานุภาพทรงบันดาลให้ฝนตก ทำนา ทำไร่
หว่านพืชผลได้ตามปกติและกล่าวถึงตำนานการสร้างพระคันธารราษฎร์อันเกี่ยวด้วยพุทธานุภาพที่ทรงบันดาลให้ฝนตก
จึงได้สร้างขึ้น ณ เมืองคันธารราษฎร์
ครั้งอดีตกาลแล้วประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์ปฐมกษัตริย์
ที่ได้ทรงสร้างพระพุทธคันธารราษฎร์ขึ้นไว้
เพื่อประกอบการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญตามตำนานที่มีมาแต่โบราณกาลซึ่งเป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงอนุวัติจัดงาน
พระราชพิธีนี้สืบมาสุดท้ายประกาศถวายพระพรชัยมงคล
และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา
เทพยดาทั้งปวงประสิทธิประสาทให้พืชพันธุ์ธัญญาหารในราชอาณาจักรอุดมสมบูรณ์งอกงามเจริญดี
ตลอดจนขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลจบประกาศแล้ว พระสงฆ์ 11 รูป
เจริญพระพุทธมนต์เป็นคาถาพิเศษสำหรับพืชมงคลโดยเฉพาะ
เพื่อเสกพืชพันธุ์ต่าง ๆ
ที่ได้นำมาตั้งเข้าพิธีมณฑลมีข้าวเปลือกพันธุ์ต่าง ๆ ถั่วทุกชนิด
ข้าวโพด งา ฟัก แฟง แตงกวา เผือก มัน ฝ้าย เป็นต้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 เลขาธิการพระราชวังพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่าพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แต่เดิมจัดเป็น 2 วันแล้วได้ระงับไปคงได้แต่พิธีพืชมงคลจัดเป็นงานประจำปี สำหรับปี พ.ศ. 2503 ทางรัฐบาลเห็นควรจัดให้มีการแรกนาขวัญขึ้นอย่างเดิม เพื่อรักษาบูรพประเพณีอันเป็นมิ่งขวัญของการเกษตรไว้สืบต่อไป สำนักพระราชวังและกระทรวงเกษตรจึงได้กำหนดงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ตามราชประเพณีเดิมขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานการพระราชพิธีทุกปี ทรงมีพระราชกระแสให้ปรับปรุงพระราชพิธีเพื่อความเหมาะสมตามยุคสมัยด้วย
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแต่เดิมมาทำที่ทุ่งนาพญาไท เมื่อได้มีการฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นใหม่ จึงจัดให้มีขึ้นที่ท้องสนามหลวง ซึ่งเคยเป็นที่ประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในรัชกาลที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ส่วนผู้ที่จะเป็นพระยาแรกนาในสมัยก่อนเคยโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงเกษตราธิการ เป็นพระยาแรกนา และผู้ที่เป็นเทพีหาบกระบุงทอง กระบุงเงิน บรรจุข้าวเปลือกหว่านนั้น โปรดเกล้าฯ ให้จัดท้าวนางฝ่ายใน
เมื่อเวลาได้เปลี่ยนแปลงหน้าที่ตำแหน่งไปแล้วเช่นนี้
เมื่อเริ่มฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นมาใหม่พระยาแรกนาจึงได้แก่
อธิบดีกรมการข้าวกระทรวงเกษตร
เพทีได้คัดเลือกจากข้าราชการสตรีผู้มีเกียรติในกระทรวงเกษตร
ในปีต่อมาจนปัจจุบันผู้เป็นพระยาแรกนา ได้แก่
ผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ส่วนเทพีนั้นคัดเลือกจากข้าราชการสตรีโสดในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับ
3-4 คือ ชั้นโทขึ้นไป
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีเพื่อสิริมงคลแก่พืชพันธุ์ธัญญาหาร
สนับสนุนส่งเสริมชาวไร่ ชาวนาในการประกอบอาชีพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งได้เสด็จฯ
มาเป็นประธานอธิษฐานของความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มีแก่อาณาจักรไทย
และได้ทรงปลูกพันธุ์ข้าวทดลองในนาทดลองบริเวณสวนจิตรลดา
พระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นพระราชฐานที่ประทับ
เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วพระราชทานนำมาเข้าในพระราชพิธี ประมาณ 40-50
กิโลกรัม
เมล็ดพันธุ์ข้าวที่พระราชทานมาเข้าพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนี้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้แบ่งไปหว่านที่ลานประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญส่วนหนึ่ง
อีกส่วนหนึ่งจัดบรรจุซองส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ
ทั่วราชอาณาจักรสำหรับแจกจ่ายแก่เกษตรกร
เพื่อเป็นสิริมงคลตามพระราชประสงค์ที่ทรงส่งเสริมการเกษตร
**************************************
ที่มา :
http://www.thaifolk.com/
**************************************