ชุมชนแนวปฏิบัติ
การขับเคลื่อนชุมชนแนวปฏิบัติ เป็นยุทธศาสตร์การจัดการองค์กร ที่ประยุกต์ใช้แนวคิดเรื่องชุมชนและการรวมกลุ่มโดยธรรมชาติมาสู่การพัฒนาองค์กรที่เป็นทางการ ซึ่งในบริบทมหาวิทยาลัยนั้น เราสามารถถ่ายเทประสบการณ์การทำงานชุมชนและการทำงานประชาคม มาใช้เป็นแนวขับเคลื่อนชุมชนแนวปฏิบัติได้เช่นกัน
กลุ่มประชาคม : ชุมชนแนวปฏิบัติในระบบธรรมชาติ
กลุ่มประชาคม (Civic group) หรือวิธีที่ปัจเจกรวมกลุ่มกัน เพื่อทำในสิ่งที่ตนเองรักและสนใจ จัดว่าเป็นการจัดองค์กรจัดการ (Organization) ที่รองรับวัฒนธรรมการทำงานอีกแบบหนึ่ง เป็นองค์กรที่การจัดความสัมพันธ์ของสมาชิก มิใช่เกิดจากการรวมตัวเพราะมีตำแหน่งหน้าที่และการมอบหมาย แต่เกิดจากการเรียนรู้ เห็นภาพร่วมกับคนอื่น จนเห็นความพอเหมาะที่ความพิเศษของตนเองและศักยภาพส่วนตน จะเข้าไปมีส่วนต่อการสร้างสรรค์การจัดการของกลุ่ม ทำให้สามารถจัดระเบียบและจัดตั้งตนเอง (Self-Organized) รู้ความพอเหมาะ และกาละ-เทศะ ทำเรื่องส่วนรวมแบบใจสั่งมา หรือกำหนดออกมาจากตนเอง (Self-determination)
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นองค์กรอีกชนิดหนึ่ง ที่กลุ่มคนที่เป็นสมาชิก จะก่อเกิดพลังการทำงานด้วยจิตสาธารณะ หรือมีพลังการเอาธุระต่อเรื่องส่วนรวมสูง อีกทั้งมีพลังการเรียนรู้ ที่จะพัฒนาและหล่อหลอมให้สมาชิก มีศักยภาพและภาวะผู้นำแบบรวมหมู่ (Collective Leadership) ซึ่งมีความเก่งเป็นเลิศแบบปัจเจกและสามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่นได้ดี
องค์กรที่เกิดจากกระบวนการรวมตัวในลักษณะดังกล่าวนี้ มีพลังการริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งมีพลังในการจัดการความเปลี่ยนแปลงสูง ทางด้านสุขภาพนั้นองค์การอนามัยโลก ให้ความสำคัญว่า จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change agent) อีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าจะสอดคล้องกับความจำเป็นและมีบทบาทต่อโลกสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 21
ในการขับเคลื่อนกลุ่มการรวมตัวของปัจเจก หรือกลุ่มประชาคมนั้น คนทำงานประชาคมจะมีแนวทางที่สำคัญคือ
จะเห็นว่า การจัดองค์กร ก่อเกิดจากกลุ่มพื้นฐาน หรือความมีอยู่แล้วของปัจเจกที่มีลักษณะเป็นคนแบบ Active Participant หรือ Active citizen องค์กรจัดการที่ขับเคลื่อนกลุ่มประชาคม จึงตั้งอยู่บนศักยภาพและทุนทางสังคม จัดการชีวิตส่วนรวมของตนเอง ด้วยตนเอง และเพื่อตนเอง ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นจากการออกแบบงานและออกแบบหน้าที่ ตลอดจนแนวการปฏิบัติต่างๆ แล้วจึงจัดคนลงไป ซึ่งจะเหมาะสำหรับการจัดองค์กรในส่วนที่ต้องเน้นการกำกับควบคุมด้วยเครื่องมือทางอำนาจ และการมีบทบาทหน้าที่ชัดเจน ค่อนข้างลงตัวดีแล้ว
การขับเคลื่อนชุมชนแนวปฏิบัติในองค์กรมหาวิทยาลัย
ชุมชนแนวปฏิบัติ (Community of Practice) เมื่อนำมาเป็นแนวทางจัดการเชิงยุทธศาสตร์ขององค์กรนั้น มีแนวทางในการขับเคลื่อนและส่งเสริมหลายแนวทางด้วยกัน แนวทางหนึ่งก็อาจประยุกต์ใช้แนวคิดการขับเคลื่อนกลุ่มประชาคม แต่หลักคิดในแง่จุดหมายก็คงจะคล้ายกัน กล่าวคือ เป็นการจัดการเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์ความเปลี่ยนแปลง การพัฒนาสิ่งใหม่ๆ การพัฒนานวัตกรรม ไม่เหมาะสำหรับการขับเคลื่อนเพื่อทำงาน Ruetine
ในการประยุกต์ใช้กับการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ขององค์กร จำเป็นต้องบูรณาการองค์ประกอบต่างๆที่ต้องให้ความสำคัญไปพร้อมกัน คือ การพัฒนาคน การแปรภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ที่จำเป็นใหม่ๆขององค์กรไปสู่การปฏิบัติ การก่อเกิดกลไกและนวัตกรรมจัดการความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ดังนั้น จึงควรมีกระบวนการที่สำคัญ ดังนี้
ในบริบทของมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษานั้น เราสามารถขับเคลื่อนชุมชนแนวปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม จัดการความรู้ในการปฏิบัติ ทั้ง Tacit-explicit knowlege สู่การริริ่มสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมการจัดการองค์กร เพื่อพัฒนาคุณภาพงานในภารกิจหลักต่างๆ เช่น การวิจัย การเรียนการสอน การบริการทางวิชาการ การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการปฏิรูปองคืกร เพื่อนำความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆให้เกิดขึ้น
ตอนนี้ สถาบันของผม กำลังทำในกระบวนการนี้อยู่ ส่วนหนึ่งก็ทำกันเองมาก่อนโดยสรุปบทเรียนการทำงานชุมชนและงานประชาคม แล้วนำมามององค์กรในด้านที่เป็นชุมชนอีกชนิดหนึ่งจากนั้นก็ลองทำกันดู และอีกส่วนหนึ่ง ก็ได้รับการสนับสนุนในการยกระดับเป็นแผนแม่บทในการขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม โดยแผนงาน สอส ของกองทุน สสส ได้ผลอย่างไรก็จะนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อยๆครับ
แล้วก็เมื่อวานนี้ (8 พฤษภาคม 2549) ก็ลองใช้กระบวนการนี้ จัดเวทีขับเคลื่อนประชาคมวิจัย และวางแผนโครงการสร้างจิตสำนึกสาธารณะของพลเมือง ทางด้านสุขภาพ ของเครือข่ายภาคีร่วมสร้างวัฒนธรรมสุขภาพเพื่อสุขภาวะที่ยั่งยืน ของชุมชนเทศบาล ในอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม กระบวนการคล้ายกับการวิจัยแบบ CO-PAR ซึ่งเน้นการจัดตั้งกลุ่มจัดการของชุมชน และชุมชนแนวปฏิบัติ ก็ได้ผลดีพอสมควรครับ คนในเวทีมีความเป็นตัวของตัวเอง ร่วมคิดร่วมแสดงออก ทำให้ได้โครงการและกรอบการขับเคลื่อนประชาคมวิจัย ที่สะท้อนการมีสำนึกร่วมพอประมาณ คิดว่าขับเคลื่อนบ่อยๆ น่าจะช่วยให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานด้วยกันได้ดีมาก
ขอบคุณครับ คุณขจิต ฝอยทอง ที่แวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจ
วิรัตน์ คำศรีจันทร์