KM ในบ้าน...3) เรียนรู้การ"มอง"ให้เห็น...คุณค่า


"มองแบบสามมิติ"..."คิดแบบรอบด้าน"..."ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป"
ต่อจากบันทึกตัดต้นไม้ และ เริ่มเห็นคุณค่าของต้นไม้  ...วันหนึ่ง คุณพ่อบ้านก็บอกว่าต้องไปหาซื้อไม้สน มาทำเป็นที่นั่งและพนักพิงของเก้าอี้ เราจึงไปหาซื้อมาจากร้านค้าใกล้บ้าน ไม้สนมีลักษณะเฉพาะคือ ลำต้นตรง  เปลือกหนาลอกออกง่าย 
คุณพ่อบ้านนำไม้สนมาตัดเป็นท่อนๆ แล้วประกอบเป็นเก้าอี้  ในระหว่างทำอยู่ก็บอกให้น้องจิ้นช่วย ลอกเปลือกไม้ไปด้วย 
น้องจิ้นก้มๆเงยๆลอกเปลือกไม้ด้วยความยากลำบาก จนอดรนทนไม่ได้ จึงเสนอความเห็นกับคุณพ่อว่า ทำไมไม่ลอกเปลือกไม้ให้เสร็จก่อนล่ะ แล้วค่อยนำมาประกอบเป็นเก้าอี้ น้องจะได้ลอกง่ายๆหน่อย 
นักประดิษฐ์ทั้งสองปรับเปลี่ยนวิธีทำงานตามที่น้องจิ้นบอก คือ ลอกเปลือกไม้ก่อนแล้วค่อยนำมาประกอบเป็นเก้าอี้...ง่ายกว่ากันเยอะเลยค่ะ... การทำเก้าอีนั้งจึงสำเร็จได้เร็วกว่าที่คาด
     เก้าอี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว พี่เม่ยจึงได้เห็นว่ากิ่งไม้ที่นำมาประกอบกันเป็นรูปสามเหลี่ยมที่วางพิงกำแพงบ้านอยู่นั้น คือส่วนของขาเก้าอี้สองข้างนั่นเองค่ะ
  ยังไม่ค่อยเรียบร้อยค่ะ ไม้แนวที่นั่งยังขาดอีกหลายท่อน
  หลังจากลอกเปลือกไม้ออกหมด ก็ต้องขัดกระดาษทรายเพื่อลบรอยเสี้ยนไม้

ในขณะที่เขียนบันทึกอยู่นี้ เราก็มีเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนเรียบร้อยแล้วค่ะ ..โชคดีของครอบครัวเรา ที่มีคนช่างคิดช่างประดิษฐ์อย่างคุณพ่อบ้าน นอกเหนือจากมีคนช่างพูด พูด พูด จนงานเสร็จก็ยังไม่หยุดพูด แบบพี่เม่ยแล้ว....
พอได้โอกาสเหมาะ! ...จึงต้องสัมภาษณ์คุณพ่อบ้านเสียหน่อยว่า "คิดได้ไงเนี่ย" ที่ท่านไปยืนมองต้นไม้ แล้วนำกิ่งไม้มาใช้ประโยชน์ได้ตั้งมากมายอย่างนี้...(คุณพ่อบ้านแซวว่า...จะเอาไปเขียนบล็อกอีกแล้วสิ!)...ในที่สุดพี่เม่ยก็ได้เรียนรู้จากความสำเร็จของคุณพ่อบ้านมาหลายประเด็นเชียวค่ะ....
  • มองอะไรต้องมองแบบสามมิติ คือไม่ใช่เพียงมองแค่ด้านที่เราเห็น ต้องมองให้เห็นโครงสร้างของของสิ่งนั้นในทุกๆมุมทุกด้าน ทั้งแนวตั้งแนวนอนแนวทแยง...จะทำให้เรามองเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นมากขึ้นเพราะเป็น "หลายมุมมอง"
  • คิดแบบรอบด้าน คือคิดให้ครอบคลุมกับเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ใช่ว่าคิดโค่นต้นไม้ก็จบแค่ไปฟันๆต้นไม้ให้ล้มลงไม่ได้  ต้องคิดว่าจะโค่นให้ล้มไปทางไหน ที่จะไม่ให้เกิดอันตราย โค่นแล้วจะทำอย่างไรต่อ ทิ้งไว้เฉยๆหรือเอาส่วนต่างๆไปใช้ประโยชน์อะไรต่อได้บ้าง เรียกว่าคิดแบบรอบด้าน ถ้าคิดให้เชื่อมโยงเข้ากับความต้องการของเราได้ยิ่งดี... 
  • ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป การทำงานของคุณพ่อบ้านเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกๆค่ะ พี่เม่ยสอนลูกว่า ทำอะไรไม่ใช่จะต้องเห็นผลสำเร็จในทันทีทันใด  บางอย่างอาจต้องรอเวลา รอความเหมาะสม โอกาส เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ดีที่สุด  ต้องค่อยๆทำไปสะสมไปเรื่อยๆค่ะ เรียกว่า ทำเล็ก แต่ได้ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และขยายผลไปได้เรื่อยๆ
พี่เม่ยจึงได้บทเรียนที่ทรงคุณค่า ที่ผู้ให้ความรู้ไม่ต้องมาพูดพร่ำสอนให้เลย เพียงแต่ได้ลงมือทำงานจนสำเร็จให้เราดูเป็นแบบอย่าง.....เท่านั้นเอง...
หมายเลขบันทึก: 27251เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2006 18:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • มีพ่อบ้านที่เก่งมากเลยครับ
  • ทุกสิ่งมีประโยชน์หมด เราจะเห็นคุณค่าของมันหรือไม่
  • ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ

คุณพ่อบ้าน (ใส่แว่น)ขยันจังเลย สงสัยว่าคนทำเก้าอี้ขาย จะขายไม่ออกซะแล้ว (เก่งจริง ๆ)

ทำขายมั๊ย? ค๊ะ

เก้าอี้ที่คุณพ่อบ้านทำเสร็จเรียบร้อยเมื่อไร  ช่วยบอกด้วยค่ะ  จะไปขอนั่งดูหน่อย .....เก่งกันทั้งบ้านเลย  ตั้งแต่คุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูก 

 

คุณ "พี่เม่ย"

ก่อนอื่นต้องขอโทษ "พี่เม่ย" ด้วยที่ไม่ได้มาเปิดดูก่อน คิดว่าพี่เม่ยเป็นครูเหมือน "vij" และขอชมน้องจิ้นฉลาดดีจัง...สงสัยมีแม่แบบ พ่อแบบที่ดี น่ารักจังค่ะครอบครัว "พี่เม่ย"

"มองแบบสามมิติ"..."คิดแบบรอบด้าน"..."ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป" "vij" จะนำไปประยุกต์ในการจัดการเรียนการสอนเด็กนักเรียนค่ะ...ดีจังเลย

คุณขจิต, นายดำ, คุณศิริ, พี่Tammy และ อ.vij คะ!
  • ขอบคุณมากๆสำหรับคำชื่นชมนะคะ พี่เม่ยยินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจค่ะ
  • สำหรับ อ.vij ค่ะ พี่เม่ยยินดีค่ะ ที่ได้มีโอกาส ลปรร. ด้วย ถึงแม้ว่าพี่เม่ยไม่ใช่ครู แต่อย่างน้อยก็เป็นครูของลูกๆค่ะ
  • ดีใจมากเลยค่ะ ที่สิ่งที่พี่เม่ยได้เรียนรู้ จะถูกนำไป "ต่อยอดความรู้" ค่ะ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท