ช่วงบ่ายของวันนี้ ผู้วิจัยได้โทรศัพท์ไปสอบถามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกลุ่มป่าตัน (แม่ทะ) หลังจากผ่านการประชุมใหญ่ไปหมาดๆเมื่อคืนนี้ ได้ทราบว่าเริ่มต้นการประชุมประมาณ 20.30น. เลิกประชุมเวลาเกือบ 22.00น. สาเหตุที่เริ่มประชุมช้าเพราะ ชาวบ้านมารวมตัวกันช้า รวมทั้งมีผู้เข้าประชุมไม่มากเท่าที่ควรด้วย ข้อนี้น่าสนใจเหมือนกัน ผู้วิจัยสังเกตเห็นว่ากลุ่มที่อยู่ใกล้ๆเมืองเวลาเรียกประชุมจะมีลักษณะเช่นนี้ คือ มาประชุมกันช้าและมากันน้อย ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ถ้าในกรณีของกลุ่มป่าตัน ผู้วิจัยเห็นว่าอาจมาจากการเรียกประชุมในช่วงคำ ซึ่งชาวบ้านต้องประกอบอาหารรวมทั้งทำกิจกรรมต่างๆในครัวเรือน ยิ่งถ้าเป็นครัวเรือนที่เป็นเกษตรกรก็อาจต้องรีบเข้านอน เพราะ ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า ในเรื่องนี้ผู้วิจัยเคยตั้งข้องสงสัยและสอบถามจากกลุ่มอื่นๆเหมือนกัน อย่างกลุ่มเถินหรือแม่พริก (ซึ่งมีการประชุมใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้) บอกว่า ถ้าจะเรียกประชุมต้องรีบดำเนินการตั้งแต่เช้าเลย ถ้าหวังว่าจะดำเนินการในช่วงบ่ายหรือคำ รับรองว่าคนมาร่วมงานน้อยแน่นอน ที่เป็นอย่างนี้ เพราะ ช่วงบ่ายอากาศร้อนมาก คนไม่ค่อยอยากออกไปไหน (สังเกตดูจากการออมก็ได้ค่ะ ช่วงเช้าคนจะมาเข้าคิวกันเลย ส่วนช่วงบ่ายนานๆทีจะมีคนมา) ส่วนช่วงเย็น ชาวบ้านจะสังสรร บางบ้านก็ปิดไฟนอน การเชิญประชุมใน 2 ช่วงเวลานี้จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ เรื่องนี้ทำให้ผู้วิจัยฉุกคิดว่า ในการทำงานชุมชน เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ก็มีความสำคัญเหมือนกัน ดังนั้น หากกลุ่มต้องการที่จะระดมการมีส่วนร่วมและความคิดเห็นจากสมาชิกให้มากกว่านี้ คงจะต้องลองคุยกันดูว่าจะหาวิธีการอย่างไรที่จะทำให้สมาชิกเข้ามาร่วมประชุมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะ การประชุมใหญ่จัดขึ้นเพียงปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น การจัดเวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเข้าร่วมประชุมของสมาชิก (แต่ก็นั้นแหละค่ะ "จริต" ของแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันไป ข้อสันนิษฐานของผู้วิจัยอาจไม่ใช่ก็ได้ ถ้าไม่ลืม พรุ่งนี้ผู้วิจัยต้องไปกลุ่มป่าตันในช่วงบ่าย จะสอบถามเรื่องนี้ดูอีกครั้งค่ะ)
สำหรับเรื่องที่มีการนำเข้าที่ประชุมนั้นสาระสำคัญมุ่งไปที่ 2-3 เรื่องใหญ่ คือ
1.คณะกรรมการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงานบันทึกความร่วมมือตำบลละแสนให้ที่ประชุมทราบ
2.คณะกรรมการชุดเก่าหมดวาระลง มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ ปรากฎว่าที่ประชุมยังคงเลือกกรรมการชุดเก่าให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกวาระหนึ่ง แต่ก็มีกรรมการชุดเก่า 1 ท่าน ซึ่งดูแลกองทุนเพื่อการชราภาพขอลาออกจากการเป็นกรรมการ เนื่องจาก ไม่มีเวลา ประธาน คือ คุณอุทัย ใจเชื้อ บอกว่า จะเร่งหากรรมการคนใหม่เข้ามารับหน้าที่จากกรรมการคนเก่าที่ลาออกไป
3.การปันผลให้กับสมาชิก เนื่องจาก กลุ่มป่าตันมีกองทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อกู้ยืม) ด้วย ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกปีจะต้องมีการปันผลให้กับสมาชิก
นอกจากนี้แล้วคุณอุทัยยังแจ้งให้ทราบว่าในวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2549 เวลา 09.00น. เป็นต้นไป ทางเครือข่ายฯจะลงพื้นที่มาที่กลุ่มป่าตันเพื่อทำความเข้าใจกับคณะกรรมการ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการบันทึกความร่วมมือตำบลละแสน ซึ่งกลุ่มป่าตันเป็น 1 ใน 5 พื้นที่ต้นแบบของจังหวัดด้วย ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์อยากไปร่วมงานนี้มาก แต่ก็คงไปไม่ได้ เพราะ วันจันทร์นี้ที่คณะก็มีประชุมเหมือนกัน ผู้วิจัยรับปากกับท่านคณบดีไว้แล้วว่าจะเข้าร่วมประชุม ไม่อยากผิดคำพูด (แต่อาจชะแว๊ปไปแล้วรีบกลับค่ะ เพราะ ที่คณะเริ่มประชุมตอน 10.00น.)
ไม่มีความเห็น