อารยธรรมอินเดียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลอารยธรรมอินเดียโดยได้ผสมผสานอารยธรรมดั่งเดิมที่มีอยู่แล้ว
สามารถศึกษาถึงความสัมพันธ์กันของสองอารยธรรมได้ดังนี้
๑.
การแลกเปลี่ยนมีมาตั่งแต่ช่วงวัฒนธรรมหินใหม่หรือช่วงสังคมเกษตร
หลักฐานที่พบคือ
พบขวานหินขัดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและขวานหินแบบมีบ่าอายุในช่วง ๔,๐๐๐ -
๒,๐๐๐ ปี แพร่กระจายไปดินแดนหนึ่งในอินดีย กับ ชนเผ่าในอินโดนีเชีย
และพวกจาม
๒.
คำภีร์มหาวงศ์ที่เขียนขึ้นในพ.ศ.ว.ที่ ๑๑ – ๑๒
กล่าวถึงการสังคยนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ในช่วงพ.ศ.ว.ที่ ๓
พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งสมณทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในดินแดน
“สุวรรณภูมิ”
๓. ชาดก
มิลินทปัญหา มหานิเทศ และมหากาพย์รามยณะ
มักจะกล่าวถึงพ่อค้าที่ชอบเล่นเรือมาค้าขายในแถบตะวันออกที่เรียกว่า
“สุวรรณภูมิ” หรือ “สุวรรณประทีป”
การเผยแพร่อารยธรรมอินเดียในเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ดังนี้
๑.
มีการติดต่อค้าขายทองคำจากอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแต่เดิม
อินเดียซื้อจากอาณาจักรโรมัน
๒.
การต่อเรือของชาวอินเดียพัฒนาขึ้น
มีการเพิ่มจำนวนเรือในการเดินทางมาซื้อขายมากขึ้น นอกจากพ่อค้าแล้ว
ยังมีนักบวชของลัทธิต่าง ๆ
ช่างฝีมือรวมถึงเหล่าบรรดานักปราชญ์ได้ร่วมเดินทางเข้ามาด้วย
ซึ่งนำอารยธรรมอินเดียเข้ามาเผยแพร่ตามเมืองท่าต่าง ๆ
ที่ตนตั้งเป็นอาณานิคม
๓.
ชาวอินเดียรู้จักวิถีของลมมรสุมที่พัดพาเรือมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และพัดกลับสู่อินเดียดีจึงเพิ่มจำนวนเที่ยวในการเดินทาง
๔.
สมมุติฐานพราหมณ์หรือพระ ในช่วงที่ศาสนาพุทธได้รับความนิยมในอินเดีย
ทำให้พราหมณ์เสียผลประโยชน์
อีกทั้งพราหมณ์ที่เคยมีบทบาทในราชสำนักก็ถูกลดบทบาทลง
ทำให้พราหมณ์บางกลุ่มต้องออกเดินทางหาที่พักพิงแห่งใหม่
เหตุผลที่รับเอาวัฒนธรรมอินเดียเข้ามา
๑.
ชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้น
ต้องการความควบคุมให้ได้อย่างทั่วถึง
๒.
ต้องการวิทยาการชั้นสูงจากอินเดียและคำแนะนำจากผู้รู้
เพื่อแผ่ขยายอำนาจ พวกพราหมณ์จึงได้เข้ามามีบทบาทเช่น
ยกระดับให้ผู้นำให้เป็นสมมุติเทพ การปกครองระบบศักดินา จตุสดมภ์
การปกครองหัวเมืองตามแบบอินเดียมาใช้
ในด้านกฎหมายก็ใช้กฎหมายพระธรรมศาสตร์
การสร้างเมืองใช้อุดมคติแบบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
๓.
ตำนานการก่อตั่งราชวงศ์ของอินเดีย ช่วยสนับสนุนอำนาจของผู้นำ
ให้เป็นผู้นำโดยถูกต้อง และชอบธรรม เพื่อรักษาดินแดนไว้ให้เผ่าของตน
และลูกหลานของตน
รัฐโบราณแรกรับอารยธรรมอินเดียคือ
อาณาจักรฟูนัน (คริสศตวรรษที่ ๑ – ๖)
อาณาจักรฟูนันตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโขง
ปกครองในระบบกษัตริย์และรับระบบศักดินามาจากอินเดีย
ชนชั้นปกครองนับถือศาสนาพราหมณ์ไวษณพนิกาย
ส่วนชาวพื้นเมืองมีทั้งนับถือศาสนาพราหมณ์ไวษณพนิกาย
และศาสนาพุทธนิกายหินยานที่ใช้คัมภีร์สันสกฤต
ฟูนันเป็นอาณาจักรแรกในเอเชียตะวันออกที่ใช้ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาราชการ
รัฐโบราณที่รับอารยธรรมอินเดียต่อมาคือ จามปา เจนละ ทวารวดี ศรีวิชัย
ขอม เป็นตน
วัฒนธรรมสำคัญที่อินเดียนำมาเผยแพร่ในประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-
ระบบการปกครอง ระบบกษัตริย์ หลักเทวราชาเพื่อเสริมอำนาจให้กับกษัตริย์
ลักษณะการปกครองแบบนี้เด่นชัดที่สุดในเขมรและในประเทศไทย
-
การจัดตั่งรัฐแบบอินเดีย
คติการสร้างเมืองในคติศูนย์กลางของจักรวาล
-
กฎหมายจากอินเดียพระมนูธรรมศาสตร์เพื่อมาเป็นแม่บทของกฎหมายเดิมที่มีอยู่
-
การใช้ตราประทับที่เป็นสื่อกลางติดต่อสื่อสารระหว่างสถาบันกษัตริย์
ศาสนา เอกชนหรือหมู่คณะเพื่อผลทางการเมือง
-
งานวรรณกรรม เช่น รามเกียรติ์ ภควัตคีตา ซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึก
ความคิด ของคนในภูมิภาคนี้
-
ศาสนาพราหมณ์ และพุทธ หลักความเชื่อต่าง ๆ การนับถือเทพเจ้าต่าง ๆ
การนับถือยอดเขา
-
รูปแบบการสร้างพระพุทธรูป และเทวรูป งานสถาปัตยกรรม ปราสาท
เทวสถาน
-
ภาษาสันสกฤตที่ใช้ในราชการ
ภาษาบาลีในพระไตรปิฎกที่ใช้ในพระพุทธศาสนาในนิกายเถรวาท
- เครื่องมือ
เครื่องใช้ ตลอดจนกีฬาบางประเภท
ซึ่งชาวพื้นเมืองได้นำมาดัดแปลงใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง
นอกจากอารยธรรมอินเดียแล้ว SEA ยังได้รับวัฒนธรรมจีนด้วย
เนื่องจากที่ต้องติดต่อค้าขายกับจีน จึงทำให้ประเทศต่าง ๆ
ต้องยอมรับเงื่อนไขของจีน
ต้องการส่งเครื่องราชบรรณาการไปจีนตามที่จีนกำหนด
อีกทั้งยังให้จีนยอมรับความเป็นเอกราชของรัฐต่าง ๆ
ทำให้จีนมีอิทธิพลทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจต่อประเทศ SEA
อย่างไรก็ตามจีนได้เข้ามามีอิทธิพลในเวียดนาม
ในฐานะที่เวียดนามเป็นประเทศราช
จึงทำให้เวียดนามได้รับวัฒนธรรมมากกว่าชาติอื่น ๆ ใน SEA
วัฒนธรรมจีนที่เวียดนามรับเข้ามาเช่น
- การปกครองแบบโอรสสวรรค์
-
การสอบเข้าราชการ โดยการสอบไล่ยึดตามตำราคราสสิกของขงจื้อ
-
ยึดถือระบบครอบครัวและหลักปฏิบัติการอยู่ในสังคมตามคตินิยมของขงจื้อ
-
ศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบจีน
- งานวรรณคดี
และอักษรศาสตร์
อารยธรรมทั้งสองได้ถูกหลอมลวมกันอย่างกลมกลืนจนทำให้ประชาชนชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สร้างชาติ
สร้างบ้านเมือง สร้างคนให้จนเจริญรุ่งเรือง
มีอิทธิพลต่อรูปแบบการดำรงชีวิตและความคิดของผู้คนในภูมิภาคนี้อย่างฝังรากลึกอยู่ในสายเลือด
และยังได้สอดแทรกอยู่ในประเพณีของแต่ละประเทศได้อย่างเหมาะสม ลงตัว
พอดี
สืบต่อเรื่อยมาหลายร้อยหลายพันปีและอยู่คู่กับชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สืบต่อไปอีกยาวนาน
อธิบายคำเพิ่มเติม
พระมนูธรรมศาสตร์
ตามตำนานกล่าวว่า พระ มะโนสารฤษี
หรือมนูสารเป็นผู้สืบเชื่อสายมาจากเท้ามหาพรหม
ท่านได้ตัวบทกฎหมายมาจากกำแพงจักรวาลในสมัยที่อายุของมนุษย์ได้
“อสงไขยหนึ่ง” พระมะโนสารฤๅษีได้จดจำตัวบทนั้นมาอย่างครบถ้วน
และกลับลงมาจากสวรรค์แล้วนำมาเขียนไว้เป็นคำภีร์ธรรมศาสตร์ไว้เป็นหลักให้ผู้ปกครองไว้ใช้ในการปกครองประเทศ
เนื่องจากสังคมใน SEA มีการร่วมตัวกันใหญ่มากขึ้น มีสังคมซับซ้อนขึ้น
มีการปกครองโดยหัวหน้าชุมชน
จึงจำเป็นต้องมีตัวบทกฎหมายขึ้นมาเพื่อบังคับใช้ให้ประชาชนได้ดำเนินแนวทางในแบบเดียวกัน
และเพื่อให้เกิดความสุขในชุมชน
เนื่องสังคมได้พัฒนามากขึ้นมีการติดต่อค้าขายระหว่างรัฐมากขึ้น
โดยเฉพาะชาวอินเดียกับชาว SEA
ในการมาค้าขายแต่ละครั้งของชาวอินเดียนั้นได้นำผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามด้วย
จำนวนมากเช่นพวกพราหมณ์
หนึ่งในนั้นมีผู้นำคัมภีร์พระมนูธรรมศาสตร์เข้ามาเผยแพร่ใน SEA
ผู้ปกครองใน SEA
กฎหมายฉบับนี้มาเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเทวราชาซึ่งนอกเหนือจากการเสริมอำนาจของผู้นำแล้ว
ยังมุ่งให้ความยุติธรรมแก่สังคมด้วย
ซึ่งกำหมายพระมนูธรรมศาสตร์นี้จะเป็นแม่บทของกฎหมายแต่ละชุมชน
อาณัติสวรรค์
คือคตินิยมความชอบธรรมตามแบบอารยธรรมจีนที่มีหลักการว่า
อำนาจอธิปไตยเป็นอำนาจที่สวรรค์มอบหมายประทานมาให้แก่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและความประพฤติชอบธรรมตามคติของขงจื๊อ
ผู้ที่รับมอบหมายอาณัติจากสวรรค์จะถือว่าเป็นคตินิยมที่มีคุณค่าแก่ตน
ถือว่าตนเป็นผู้อภิบาลประชาชน แผ่นดิน เรือกสวนไร่นา ต้นไม้ ภูเขา
สายน้ำ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในแผ่นดิน ปราบคนชั่ว
แก้ไขความทุกข์ยากของราษฎร์
ผู้ได้รับอาณัติจากสวรรค์จะมีความชอบธรรมในการปกครองแผ่นดิน
ผู้ปกครองทุกคนจะต้องปฏิบัติอาณัติสวรรค์อย่างถึงพร้อม
แต่เมื่อใดที่ไร้ความสามารถ แต่เมื่อใดที่ไร้ความสามารถ
ปล่อยปละละเลยทำให้เกิดความทุกข์ร้อนขึ้นในแผ่นดิน
สวรรค์จะเรียกอาณัตินั้นคืน
และส่งมอบให้กับบุคคลที่มีความสามารถคนต่อไป
ผู้ที่รับอาณัติจากสวรรค์เรียกว่า โอรสสวรรค์
วาทิน ศานติ์ สันติ : เรียบเรียง
วันอาทิตย์จะสอบเรื่องนี้พอดี อ่านแล้วได้ข้อเขียนเพิ่ม
เติมจากหนังสือเยอะเลย ขอบคุณคะ
ไม่ได้อะไรเลยไม่มีรูปภาพ ฮ่าย
^
^
อ่านหนังสือเอาสิครับ เขาเขียนสรุปมาให้ก็ดีแล้ว
ในโลกนี้ไม่มีอะไรง่าย ๆ นอกจากคนที่มีนิสัยมักง่ายนะครับ
ครูให้ทำรายงานเรื่องนี้พอดีเลยขอบคุณมากค่ะ คุณ วาทิน ศานติ์ สันติ
ขอบคุณมากๆค่ะ เข้าใจขึ้นมากเลค่ะ
ดีมากค่ะกำลังสอนเรื่องนี้อยู่พอดีได้ความรู้มากเลยย
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
หาตั้งนาน
^^
น่าจะมีรูปภาพด้วยนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ ได้เอาความรู้นี้ไปตอบในการสอบ Final ด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลย
สอบพรุ่งนี้แล้ว ๆ
เก่งดีครับ
ขอบคุนครับที่ให้ข้อมูล พอดีต้องออกไปรายงานหน้าห้องเรื่องนี้พอดีเลย
ขอบคุนคร๊าฟฟฟ....
ขอบคุณมากๆ ผมชอบมากที่มีเวทีทางวิชาการแบบนี้ ...ผ่อนคลาย ได้ความรู้ ไม่น่าเบื่อ เป็นบันเทิงคดีได้เลย....พอดีกำลังสอนเรื่องนี้อยู่พอดีเลยอ่ะ..^^...ขออนุญาตเชิญชวนให้นักศึกษาของผมเข้ามาร่วมแจมด้วยน่ะครับ...(โฆษณาให้ฟรีครับ เหอๆๆ)....
ซาวเพลงพี่ทำหนูตกใจ
สรุปได้กระชับมากเลย ขอบคุณมากนะคะ ;))
ที่พูดมาน่ะล้อเล่นสรุปได้ดีมากเลยค่ะขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ช่วยเรียบเรียงข้อมูลในหัวให้เป็นระเบียบขึ้นเยอะเลย