ดูงานมูลนิธิฉือจี้ : 2. วันที่สอง – เรียนรู้พลังแห่งความรักความเมตตา และพลังความดีของมนุษย์


วันที่ ๒๗ เมย. ๔๙ คณะฯ ไปดูงานที่ศูนย์วัฒนธรรมฉือจี้ สถานีโทรทัศน์ ศูนย์การกุศล และโรงพยาบาลฉือจี้ซินเดียน พวกเราโชคดีที่มาดูงานในช่วงที่มีการฉลองครบรอบ 40 ปีของมูลนิธิ และฉลองครบรอบ 20 ปีของโรงพยาบาลฉือจี้ จึงมีนิทรรศการให้ได้ชม ทำให้เข้าใจความหมายลึกๆ ของกิจกรรมหลัก ๔ ด้านของมูลนิธิฯ ได้แก่
1. ด้านการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
2. ด้านการรักษาพยาบาล
3. ด้านการศึกษา
4. ด้านมนุษยธรรม

ผมตีความเอาเองว่า ที่เรามาดูงานนี้ เป็นการมาศึกษาวิธีดึงเอาความดีงามของมนุษย์มาทำให้มนุษย์ได้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขร่วมกัน กิจกรรมของมูลนิธิ “เมตตาสงเคราะห์” (ความหมายของคำว่าฉือจี้) ทั้งสี่ ดำเนินการเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือดึงเอาพลังความดี หรือพลังด้านดี ของมนุษย์ออดมาครองสังคม ครองโลก ไม่ใช่การครองโลกโดยวิธีดึงเอาพลังด้านลบ คือพลังกิเลสตัณหา มาเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างที่เรากำลังถูกมหาอำนาจตะวันตกชักนำหรือครอบงำอยู่ในปัจจุบัน
ผมมองเห็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ เป็น “มหายุทธ” ระหว่างฝ่ายธรรมะ กับฝ่ายอธรรม ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ภายในตัวมนุษย์นั่นเอง ที่โลกทุนนิยม วัตถุนิยม ตลาดนิยม ขับเคลื่อนโลก ขับเคลื่อนสังคม ขับเคลื่อนมนุษย์ ด้วยพลังฝ่ายต่ำ หรือเรียกแรงๆ ก็เป็นฝ่ายอธรรม ที่อยู่ภายในพวกเราทุกคน แต่วิธีการของ “เมตตาสงเคราะห์” เป็นการขับเคลื่อนโลก ขับเคลื่อนสังคม ขับเคลื่อนมนุษย์ ด้วยพลังฝ่ายสูง หรือฝ่ายธรรมะ
ธรรมะ และ อธรรม อยู่ด้วยกันภายในตัวคนแต่ละคน (ทุกคน) อยู่ในความสัมพันธ์ภายในครอบครัว อยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างคนในที่ทำงาน ความสัมพันธ์ในสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าเราหันด้านที่เป็นธรรมะเข้าหากัน หันฝ่ายธรรมะให้ออกปฏิบัติการ และชื่นชมผลงานด้านธรรมะ พลังธรรมะภายในคนจะงอกงามขึ้นเข้าครอบครองเป็นเจ้าเรือนหรือความเป็นตัวตนของผู้นั้น พลังธรรมะภายในครอบครัว ชุมชน สังคม จะงอกงามขึ้น เป็นครอบครัวแห่งธรรมะ ชุมชนแห่งธรรมะ สังคมแห่งธรรมะ แต่ในขณะนี้เราอยู่ในกระแสที่ส่งเสริมพลังแห่งกิเลส หรือพลังแห่งอธรรม ครอบครัวของเราจึงเป็นบุคคลหรือตัวตนแห่งกิเลส ครอบครัว ชุมชน และสังคมแห่งกิเลส หรือแห่งอธรรมนั่นเอง
ผมมองเห็นกิจกรรมที่ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนดำเนินการผ่านมูลนิธิฉือจี้ ทุกกิจกกรรม ว่าเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด คือเรื่องความดีของมนุษย์ แต่ทำผ่านกิจกรรมที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในหลากหลายมิติ หลากหลายเหตุการณ์ หลากหลายช่วงชีวิต
ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนมองกิจกรรมหลัก ๔ อย่างของมูลนิธิฉือจี้ ว่าเรื่องมนุษยธรรม กับการศึกษาเป็นการดำเนินการที่ต้นเหตุหรือต้นทาง เป็นการปูพื้นฐานให้แก่คนและสังคม ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาล กับการสงเคราะห์เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
การดำเนินการของมูลนิธิฉือจี้ดูจะเป็นการทำตามธรรมชาติ คือเริ่มเล็กๆ โดยตนเองและกลุ่มเล็กๆ เมื่อหาแนวทางที่ถูกต้องและมีแนวร่วมขบวนการมากขึ้น ก็ขยายกว้างออกไปทั้งในเชิงกิจกรรม และเชิงพื้นที่
ผมตีความตามที่จับได้จาก “เรื่องเล่า” มากมายที่ได้รับฟังจากการไปดูงาน ว่าการดำเนินการของมูลนิธิฉือจี้มีการปรับตัว มีการเน้นประเด็นที่ลึกขึ้น ชัดเจนขึ้น เชื่อมโยงขึ้น อยู่ตลอดเวลา นอกเหนือจากการขยายกิจการ โดยที่หัวใจหรือปณิธานความมุ่งมั่นมีความชัดเจน มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง คือการช่วยเหลือหรือทำประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน
จากกิจกรรมหลัก 4 ด้าน แปลเป็นกิจกรรมย่อยได้ 8 กิจกรรม ได้แก่
1. การกุศล
2. การแพทย์
3. การศึกษา
4. วัฒนธรรม
5. การช่วยเหลือกรณีภัยพิบัติในต่างประเทศ
6. ธนาคารไขกระดูก
7. อาสาสมัครชุมชน
8. ปกป้องสิ่งแวดล้อม
ผมตีความว่ากิจกรรมทั้ง 8 เป็นรูปธรรมหรืออุบายของการปฏิบัติธรรมเพื่อการขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยที่ชางฉือจี้ทุกคน เมื่อทำความดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จะต้องทำด้วยกายวาจาใจที่เคารพต่อผู้รับ และแสดงความขอบคุณต่อผู้รับ ว่าได้ช่วยให้ตนได้มีโอกาสทำความดีเพื่อขัดเกลาตนเอง
กิจกรรมทั้ง 8 ของฉือจี้ ทำด้วยความประณีต บันทึกหลักฐาน เอาไว้เป็นเรื่องเล่าที่กินใจ ช่วยสร้างบรรยากาศที่กระทบด้านดี ปลุกด้านดีของมนุษย์ สำหรับสร้างพลังแห่งความดี ดังจะเล่าในตอนต่อไป
ตกเย็นเราบินไปเมืองหัวเหลียน ศูนย์กลางของฉือจี้ ที่ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนบวชและปฏิบัติธรรมมาแล้ว 47 ปี และเป็นศูนย์กลางของมูลนิธิฉือจี้มาแล้ว 40 ปี เราเข้าพักที่โรงแรม Charming City Hotel ซึ่งอยู่กลางเมืองหัวเหลียน ห้องพักกว้างขวางสบายมาก เราพักร่วมห้องกับ อ. หมอวิรุฬห์ตลอดการเดินทาง

ฝนตกยามเช้าที่ไทเป ถ่ายจากหน้าโรงแรม

ภาพถ่ายท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนเมื่อแรกบวช อายุ ๒๓ ปี ถ่ายร่วมกับคณะผู้ร่วมอุดมการณ์

ภาพหมู่ที่สถานีโทรทัศน์ต้าอ้าย (ความรักที่ยิ่งใหญ่)

หลวงปู่อิ้นซุ่น อุปปัชชาจารย์ของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน

ภายในโรงพยาบาลซินเดียนฉือจี้

ภาพวาดโดยเชี่ยคุนซัน คนพิการที่ไม่มีมือ และมีตาเดียว

ชาวฉือจี้ (ซ้าย) ผู้ให้ความช่วยเหลือไหว้ขอบคุณผู้รับ

ชาวฉือจี้ (ขวา) ไหว้ขอบคุณผู้ประสบภัยสึนามิที่อินโดนีเซียที่ให้โอกาสตนได้ช่วยเหลือ

กล้วยไม้ ฟาเลนนอพซิส เป็นที่นิยมมากในไต้หวัน

อาสาสมัคร (สวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาล) กำลังบรรยายกิจกรรมของอาสาสมัครในโรงพยาบาล ชุดที่หุ่นสวมคือชุดของอาสาสมัครในช่วงที่โรคซารส์ ระบาด

วิจารณ์ พานิช
หัวเหลียน ไตัหวัน ๒๗ เมย. ๔๙
ปรับปรุงเพิ่มเติม ๒ พค. ๔๙


หมายเลขบันทึก: 26652เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2006 13:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม 2016 18:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ภาพน้อยจัง  แต่ก็มีสาระดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท