“ทางผ่าน” ที่แสนหนาวเหน็บ


ผมอายแต่ก็ขอแสดงออกให้เธอได้รับรู้ เป็นพอ ไม่ขออะไรตอบกลับมา ไม่ขอ ไม่มีแม้สิทธิจะขอ

     อยู่ ๆ ผมก็ได้รับเมล์จากมิตรรุ่นน้องคนหนึ่ง “DN เอ” ผู้ที่โฉบเข้ามา อ่านบันทึกใน GotoKnow.org บ่อย ๆ แต่เลือกที่จะทิ้งรอยไว้ในบางคราว โดยไม่ทราบที่มาที่ไป รู้แต่เพียงว่าช่างตรงใจเหลือเกิน อ่านแล้วเจ็บปวดจากความหนาวเหน็บที่เขาได้รับเหมือนหนึ่งได้รับเอง ผมเห็นว่าเป็นบทประพันธ์ร้อยแก้วที่น่าสนใจ และเกิดกับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูจะเจ็บปวด ผมรับรู้เรื่องของเขาอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก รู้แต่เพียงฝ่ายชายคือน้อง “DN เอ” ว่าเป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนอื่นมีความสุขได้ตลอดเวลา จริงจังในชีวิตพอสมควร ลองติดตามดูนะครับ

               อยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานแสนนานไม่เคยคิด ไม่เคยสนใครสักคนที่ผ่านเข้ามา แล้วทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อได้รู้จักเธอ คนที่ผมไม่เคยพบเจอ แค่ได้คุยผ่านเครื่องสื่อสารเกือบทุกชนิดที่เอื้ออำนวย หัวใจผมก็เต้นแรงราวกับเสียงกลอง และแล้วความคิดหนึ่งก็วูบเข้ามา ผมอยากลองเปลี่ยนตัวเอง เพื่อได้ใกล้ชิดสัมผัสเธอ ผมเริ่มเปลี่ยนทุกอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวผม โดยไม่เคยคิดสนใจสิ่งที่จะตามมา

               ผมหลงใหลในรสไออุ่นที่ได้สัมผัส ความโดดเดี่ยว เลือนหายไป ผมลืมสิ่งที่คุ้นเคย จนหมดสิ้น ไม่เคยคิดถึงแม้ยามหลับ ผมรู้ว่าผมรักเธอ ผมจึงบอกออกไปอย่างไม่เขินอาย โดยลืมคิดว่าเธอรู้สึกเช่นไร ผมหลงเข้าข้างตัวเองอย่างน่าอาย แล้วสิ่งที่ได้สัมผัส ก็เริ่มเลือนหาย ผมเฝ้าคอยสิ่งที่หลงใหลคืนกลับมา โดยคิดว่าจะต้องมีหวัง และต้องสำเร็จ แต่แล้วการรอคอยก็ว่างเปล่า เธอไม่หวนกลับมา เธอไม่เคยมองเห็นผม ไม่ว่าจะอยู่ใกล้สักแค่ไหน

               ผมเอื้อมมือคว้าเธออย่างเลื่อนลอย ความหวาดกลัวเข้าแทนที่ รสสัมผัส หัวใจหวิวราวกับบาดเจ็บ ผมหายใจไม่ออก ผมอึดอัด สุดท้ายผมก็หมดแรง เธอเดินจากไปไกลเหลือเกิน ผมไม่ใช่สิ่งที่เธอฝัน เธอไม่เคยต้องการผม เธอแค่แวะผ่านมาทางนี้เท่านั้น และเมื่อถึงเวลาเธอก็ออกเดินทางต่อไป ผมร้องไห้ ปานใจจะขาด และแล้วผมก็เริ่มมองเห็นสิ่งเดิม ๆ อีกครั้ง ความโดดเดี่ยวเข้าปกคลุมจิตใจที่แตกสลาย ความเหงา เกาะกินใจอย่างเจ็บปวด ผมเฝ้าถามตัวเอง ทำไม เพราะอะไร ซ้ำซาก

               แล้วเวลาก็ผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า ผมจึงเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เกิด ผมไม่เหมาะกับที่ใดเลย ที่ของผมอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าผมจะพยายามหนีไปจากที่นี่สักเท่าไหร่ ผมจะกลับมาที่เดิมเสมอ ผมมันก็แค่ทางผ่านเท่านั้นเอง เป็นทางผ่านอันหนาวเหน็บ แสนจะหนาวเหน็บเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังเลือกที่จะรอ รอ เธอกลับมา แม้จะหนาวเหน็บสักปานใด ก็จะยอม เพราะผมได้รักเธอหมดใจเสียแล้ว ผู้ชายที่อ่อนแอคนหนึ่ง ขอรำพึงรำพันไว้ อย่าได้กล่าวคำว่า “มันหน้าอายเลย” ผมอายแต่ก็ขอแสดงออกให้เธอได้รับรู้ เป็นพอ ไม่ขออะไรตอบกลับมา ไม่ขอ ไม่มีแม้สิทธิจะขอ เพราะผมทำตัวผมเอง ผมรักเธอเหลือเกิน

หมายเลขบันทึก: 26578เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2006 23:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

    นี่แหละโลก .. โลกแห่งโลกียสุข  ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเสมอ ทุกเมื่อเชื่อวัน วูบวาบ  อบอุ่น  หนาวเหน็บ  เจ็บปวด  รักเขาอย่างทุ่มเทแทบอุทิศชีวิต  แต่เขากลับไม่ใส่ใจและเห็คุณค่า ซ้ำร้ายกลับวิ่งตามหาอีกคนที่ไม่ใช่เรา  การไม่ได้รับรักตอบจากคนที่เราแสนรักนั้นทุกข์ระทมยิ่งนัก ทำไมหนอ? ทำไมหนอ? ฯลฯ

     เหตุใหญ่อยู่ที่เราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง  หรือให้ความสำคัญกับสิ่งสมมติที่เรียกว่า "ตัวเรา" มากเกินไปกระมัง  เราควรได้สิ่งนั้น .. ทำไมเราต้องรับสิ่งนี้  เรา  เรา  และ เรา อยู่เรื่อยไป  ..

              อั น ว่ า ตั ว ฉั น

    อันตัวฉัน  นั้นสำคัญ  ชวนให้คิด
ทุกชีวิต  มักเมามัว  ในตัวฉัน
ก่อกำเนิด  เกิดกาย  ไม่กี่วัน
ความหลง  ความยึดมั่น  เริ่มก่อตัว

    ความสนุก  ความสบาย  อยากได้มาก
เจอความทุกข์  ความลำบาก  ก็สั่นหัว
ผลักที่ชัง  รั้งที่ชอบ  เข้าหาตัว
ความมืดมัว  จึงเริ่มจอง  ครองหัวใจ

    ยิ่งวันผ่าน  เจริญวัย  ยิ่งใจวุ่น
บ้างผลักบาป  แต่บ้าบุญ  เคยเห็นไหม
ติดบวกลบ  กันมากมาก  ลำบากใจ
ได้ทุกข์ทน  หม่นไหม้  เป็นเจ้าเรือน

    ทั้งตัวฉัน  ทั้งของฉัน  พลันออกฤทธิ์
มันทิ่มแทง  ชีวิต  และเชือดเฉือน
ทิ้งริ้วรอย  ความบอบช้ำ  คอยย้ำเตือน
หลายชีวิต  ต่างเป็นเหมือน  ที่กล่าวมา

    แล้วทางออก  ของใจ  อยู่ไหนเล่า
ทางนำให้  ใจเรา  หมดปัญหา
หยุดสักนิด  มาลองคิด  ด้วยปัญญา
มาลดค่า  คำว่า"ฉัน"  กันเถอะเรา.
     

มันคือความรัก
หรือ  ความหลง?
ความรักโดยไร้เงื่อนไขใดๆ
จะเป็นความรักที่บริสุทธิ
ความสุขจะเกิดขึ้นในใจเมื่อได้รัก

อาจารย์ Handy

     ขอบคุณมากนะครับ ผมว่าเป็นประโยชน์กับคนที่เข้ามาอ่านเจอมากเลยครับ ในสิ่งที่อาจารย์เดิมเต็ม อีกอย่างบทประพันธ์นี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องของน้องเขา (DN เอ) ก็ได้ เพียงแต่ผมได้รับจากเขา ก็เลยนึกว่า เขาต้อง get อะไรจึงส่งมาให้ผม เช่นการเตือนสติสังคมในประเด็นนี้ครับ
     ขอบคุณอาจารย์มากจริง ๆ ครับ

คุณบัวใต้น้ำ

     ผมได้อ่านบันทึกคุณแล้วที่ รักแท้ รักเทียม เป็นประโยชน์มาก และเชื่อมโยงกันได้กับบันทึกนี้อย่างลงตัว จึงขออนุญาตทำ Link ไว้นะครับ

น้อง"DN เอ"

พี่อาจพอจำน้องได้..อยากบอกว่า
หากเมื่อใดที่เรา..."นิ่ง"...
และมอง..ลึก..ไปให้เห็น..
อาจพบ.."แก่น"...
ที่แท้จริง...ของ
ชีวิต

การที่ได้รักใครสัดคน...ในใจเราคงคิดว่าคนนี้ล่ะใช่  เป็นคนที่ใช่มาก   อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น แต่ว่าเวลาผ่านไปคนที่ใช่กลับเย็นชา  ทุกเวลาที่อยู่ด้วยจึงเหน็บหนาว  คงไม่ผิดอะไรใช่ไหมค่ะ   ถ้าเราจะจากความเหน็บหาวออกไป  เพื่อหาที่ ๆ อบอุ่นกว่า  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้เป็นเพราะใคร  นอกจากตัวเราเอง

ขออนุญาติเจ้าของบทกลอนนี้เอามาลงไว้นะคะ

"อาจใช่..ใครต่างดี

เมื่อต่างมีความเชื่อมั่น

เธอเป็นเธอ..ฉันเป็นฉัน

จึงไม่มีสักวันที่เป็นเรา"

 

 

คุณ..."แวะมา" เมื่อ คุณ "ไร้นาม" ไม่ค่อยได้มา

     "ความรักโดยไร้เงื่อนไขใด ๆ จะเป็นความรักที่บริสุทธิ ความสุขจะเกิดขึ้นในใจเมื่อได้รัก" รักที่ว่าคือรักตามความหมายข้างต้นใช่ไหมครับ (ยิ้ม ๆ)

Dr.Ka-poom

     หากบางครั้งมองเข้าไปลึก ๆ แล้วก็ไม่เห็น เพราะโดน Block ไว้เสียโดยเจ้าตัวล๊ะครับ ต้องทำอย่างไงดี (ขอเรียนปรึกษา)

นิ่ง...สติ...ที่"จิต"

ถูกกระชากขึ้นมาบนโบกี้ด้วยพลังการพาดพิง (คนแก่ส่วนใหญ่จะหูดี...โปรดทราบ)

อ่านแล้วหนาวใจ (แสดงว่าหัวใจ"ไร้นาม" ไม่ได้ถูก block ด้วยอะไรและไม่ค่อยลึกเท่าไหร่)

รักเขาแล้ว บอกเขาไป น่ะถูกต้องแล้ว เพราะเป็นการประกาศอิสระภาพครั้งใหญ่ของคนที่มีความรัก และเมื่อเรามีอิสระภาพที่จะรักเขา ก็จงปล่อยอิสระภาพให้เขาที่จะเลือกไม่รักเราไว้ด้วย

ภาคภูมิใจเถอะ แม้ว่า จะผิดหวัง ว่าเขาไม่สนใจกลับ

บางคนมองเรื่องกายภาพแยกส่วน คือมีความสัมพันธ์แต่ไม่ผูกพัน แต่บางคนมองแบบองค์รวม คือทั้งผูกพันและสัมพันธ์และเกี่ยวพัน(ไปถึงญาติถึงหมาที่เลี้ยงถึง....ไอ้บ้าอย่างไร้นามที่ไม่รู้จักกันเลย)

อยากแปลงร่างเป็นผู้หญิงสวย ไปสมานใจให้คุณ DN เอ จริงๆนะ (วุ้ย) ผู้ชายรักเป็นและไม่เจ้าชู้อย่างเนี่ยหายากนะ...สาวๆ (ที่คงเข้ามาอ่านเพราะเจ้าของบล็อกหน้าตาหล่อเหลาเอาการ)

คุณมดน้อย

     เขียนมาเหมือนจะบอกว่าคงต้อง "ทำใจ"

Dr.Ka-poom

     เมื่อโดน Block ก็ต้อง ทำจิตให้ นิ่ง.อย่างมี.สติ งั้นเหรอครับ อ่านคำแนะนำของ Dr.Ka-poom แล้วสบายใจจัง

คุณไร้นาม

     มาอีกบ่อย ๆ นะครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกดีแทนน้อง DN เอ มาก เขาคงรู้สึกดีไปด้วยครับ อย่าได้ห่างหายไปไหนทีละนาน ๆ

วันเวลาแห่งการรอคอยที่ยาวนาน....
เนิ่นนานจนกว่ามรสุมแห่งห้วงหัวใจจะผ่านพ้นฤดูไป....
จากวันที่ใบไม้ร่วงหล่นผลอย....
คอยคืนวันผลิช่ออ่อนใหม่ที่เขียวขจี....
ยาวนาน..จนกว่าใบไม้ใบสุดท้ายจะร่วงหมดสิ้นจากป่าแห่งนี้
และตราบที่ยังมีลมหายใจ.....
เพื่อรอคอยกิ่งก้านใหม่....ผลิขึ้นกลางใจอีกครั้ง....

คุณดอกกุนหยี

     การรอให้ความควาสุข ด้วยการรออย่างมีสติ ลองดูครับ ตามนี้เลย เวลาที่รอคอย (Waiting Time) 

อ่านเรื่องราวของ " ความรัก " ในหลายๆ Blog ก็เลยอยากจะเขียนถึงขั้นตอนของความรัก ( ตามความเข้าใจของตัวเอง )ดูบ้าง...โดยแอบหวังไว้ในใจว่าอาจจะทำให้ความสับสน  อ้างว้าง  เจ็บปวดของใครหลายๆคนในเรื่องของความรักลดลงบ้างเมื่อเกิดความเข้าใจขึ้นมาแทนที่...

เมื่อเริ่ม รู้สึก ว่าเรา " รัก " ใครสักคน ( โปรดสังเกตว่า รู้สึก นะ ) ในตอนแรกเราก็จะทุ่มเท...ติดตามเพราะมันเป็นความรู้สึกที่เกิดจากฮอร์โมน ( เอ็นโดรฟิน ) ที่หลั่งเมื่อเราได้สัมผัสกับ รูป - เสียงที่เราชื่นชอบ ( ตัวกระตุ้นไง ) และเกิดทัศนคติที่ดีต่อคนที่เราประทับใจ  เมื่อความรักเป็นอารมณ์  ความรู้สึกมันจึงเปลี่ยนแปลงได้ มีขึ้น - มีลง ไม่คงที่ ก่อให้เกิดความสะวิงสวายเป็นอย่างมาก ( แต่ยังจะไม่คิดว่าเขาจะ " รัก " เรามั้ย )

ต่อมาเมื่อฮอร์โมนเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ( ความผิดปกติที่เกิดจากตัวกระตุ้นทางสัมผัสมักจะอยู่ไม่นาน ) สมองส่วน Cerebral  cortex จะทำงานตอนนี้แหละที่เราจะเริ่ม " คิด " ว่าเพราะอะไรเราถึงรักคนๆนี้ ? และต่อเนื่องไปถึงว่า เอ๊ะ ! เขาจะรักเราเหมือนที่เรารักเขามั้ย ? สาระพัดจะตามมาเนื่องเพราะว่า " เราคิดว่าเรารักเขามาก  เขาจึงควรจะเห็นความรักที่เราให้ ( และควรจะรักเราบ้างสิ ก็ออกจะทุ่มเทถึงปานนี้แล้ว )" แต่แท้จริงแล้ว... " เรา รัก จริงหรือ ? หรือเรา หลงรัก เขากันแน่ ? ( หลงมักทำให้เกิดความงุนงง  สับสน หาทางออกไปเจอ )

เมื่อเริ่ม " คิด " ถ้า " ไม่รู้ทันความรัก " ความคิดนั้นจะเลยเถิดจนเกิดทุกข์เพราะเราจะครอบครอง...หวังผลและทุกข์จากความคาดหวังนั้น  แต่ถ้าเรารู้ทันว่าความเจ็บปวดอ้างว้าง ลังเลสับสนที่เกิดขึ้นเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของความรัก..ที่ต้องเกิดขึ้นก่อนการก้าวเข้าสู่ขั้นตอนของการใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ( ซึ่งควรเป็นการตัดสินใจทั้งสองฝ่าย ) และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข...ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคู่รักที่จะผ่านถึงขั้นสุดท้ายของความรักได้ทุกคู่  แต่..เราสามารถรับรู้ได้ถึงความอ่อนหวาน  สร้างสรรค์ของความรักได้ทุกคน

อารมณ์ - ความรู้สึก ( ฮอร์โมน ) ...>คิด ( Cerebral Cortex )...>เหตุผล - การตัดสินใจ ( ร่วมกัน )...>การปรับตัว - การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ( มากกว่าความทุกข์เพราะยังไม่เคยเห็นคู่ไหนที่มีแต่ความสุขโดยไม่เคยทุกข์เลยสักคู่ )

เฮ้อ ! เหนื่อย เพราะไม่เคยเขียนยาวขนาดนี้ เอาอีกหน่อยละกันจะได้จบ              

                               จงรัก " ความรัก "

เพราะความรัก...ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี ... เกิดความคิดสร้างสรรค์  เกิดความอ่อนหวานละมุนละไมในตัวเราเอง 

                             และรู้ทัน " ความรัก "

เพราะจะทำให้เรา " ไม่ทุกข์ " แต่จะพอใจที่ได้รักคนที่สมควรรัก...

                 

คุณ"คนข้างนอก"...

แหม!...คุ้นๆ เหมือนเคยถกประมาณนี้ที่ไหน...มาก่อน

ช่ำชอง..ชำนาญใน"รัก"...จังเลยคะ

Dr.ka-poom

ดีใจที่รู้สึกว่าคุ้นๆ...เพราะเราเคยถกกันเรื่องนี้จริงๆ ( หึ...หึ ) และยังได้ทางเดินสำหรับการก้าวเดินต่อของความรัก...ที่ควรเป็นไปด้วยไม่ใช่หรือ Dr.ka-poom?

คุณคนข้างนอก

     ผมอ่านนานแล้วสำหรับความเห็นพี่...พี่ครับขอบคุณพี่มากนะครับสำหรับทุกอย่าง แล้วคงได้ F2F กันนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท